บท
ตั้งค่า

13 คนแปลกหน้า

"เอาไปเสิร์ฟโต๊ะนี้ให้พี่ที พี่ขอไปดูลูกค้าโต๊ะนู่นก่อนดูเหมือนจะมีปัญญา"

"ค่ะพี่ภูมิ" ถาดอาหารถูกยกขึ้นมาถือ ก่อนจะนำไปเสิร์ฟยังตกที่ผู้จัดการร้านบอก

“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ”

“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยตอบ

“ผมเห็นที่นี่มีไวน์ด้วย” ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อหญิงสาวเสิร์ฟอาหารเสร็จ

“ค่ะที่นี่เราขายเครื่องดื่มด้วย”

"แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาขายน่ะค่ะ"

"หรอครับ งั้นผมขอน้ำเปล่าก็ได้ครับ"

"สักครู่นะคะ"

"ครับ"

“เดี๋ยวก่อนครับ”

“คะ?”

“แล้วเครื่องดื่มจะขายตอนไหนหรอครับ”

“จะเป็นช่วงเย็น ๆ นะคะ โซนชั้นสองของร้านค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

“ยินดีค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ” ณิชกานต์พูดบอกลูกค้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะขอตัวออกมา แม้ว่าจะอยากอยู่ทำงานต่อ แต่ก็ต้องไปขอลาพี่ภูมิและขอทำงานกับพี่ภูมิในช่วงเย็น

อันที่จริงเธอไม่อยากลาด้วยซ้ำ เธออยากอยู่ทำงานต่อ แต่เธอ

ไม่อยากเสี่ยงกับคนอย่างเขา ไม่รู้ว่าเขาจะปล่อยเธอมาหรือไม่ เขาจะอนุญาตให้เธอมาข้างนอกแบบนี้อีกไหม เพราะวันนี้เธอแอบเขาออกมาก่อน ในตอนที่เขาหลับอยู่

แต่ยังไงซะก็ถือว่าขอเขาแล้ว เขาเป็นคนบอกเองนี่นาถ้าเธอลุกไหวก็ให้มาได้

"มีอะไรหรอครับนาย"

"จับตาดูเธอไว้ให้ดี"

“นายชอบเธอหรอครับ ให้ผมจัดการให้ไหมครับ”

“เด็กไอเซนต์”

“ครับ?”

“อย่าถามมาก ทำตามที่กูบอกก็พอ”

“ได้ครับ”

หลังจากคุยกับลูกน้องเสร็จแล้ว ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวเดินมาพอดี เขาเพียงมองเธอเงียบ ๆ เท่านั้น และพอเธอกำลังจะไปเขาก็ส่งยิ้มให้

ความรู้สึกของเขามันบอกว่าเธอคนนี้ไม่ธรรมดา ด้วยหน้าตาที่โดดเด่น ทั้งยังดูบอบบางน่าทะนุถนอม เพียงแค่มองเขายังมีความรู้สึกดี ๆ ต่อเธอเลย ไม่รู้ว่าเสือร้ายอย่างมาร์วินจะคิดอย่างไร แต่คงต้องจับตาดูไว้ก่อน

“พี่นันจะพาณิไปไหนหรอคะ” หลังจากที่พูดคุยกับพี่ภูมิผู้จัดการร้านแล้ว พี่สาวเธอก็พาเธอขึ้นรถแท็กซี่ไปไหนก็ไม่รู้ ซึ่งเธอคิดว่าไม่ใช่ทางกลับห้องพัก หรือทางกลับไปหาเขาแน่นอน

“ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว แกยังไม่มีชุดนักศึกษาเลยไม่ใช่หรอ”

“จริงด้วย”

สองสาวพากันเลือกดูชุดนักศึกษา ก่อนที่พี่สาวอย่างณนันจะพาณิชกานต์ไปเลือกดูชุดสำหรับใส่ประจำวันต่อ รวมถึงชั้นในและชุดนอนด้วย แน่นอนว่าณิชกานต์นั้นไม่อยากได้ เพราะเธอไม่อยากใช้เงินสิ้นเปลือง แต่พอพี่สาวเอาเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาอ้างเธอก็ยอมในที่สุด

ส่วนณนันนั้นเธออยากให้น้องได้ใส่เสื้อผ้าดี ๆ ใช้ของดี ๆ บ้าง เสื้อผ้าที่น้องสาวเธอเอามาจากต่างจังหวัดมีใหม่อยู่แค่ไม่กี่ชุด ส่วนใหญ่ก็เป็นชุดที่เธอซื้อส่งไปให้ทั้งนั้น แล้วเงินมันก็เป็นเงินที่น้องสาวเธอต้องขายศักดิ์ศรีเพื่อแลกมา เป็นสาเหตุให้เธอต้องสวมชุดมิดชิดแบบนี้ เพราะเธอเอาเงินมาจากเอก เขาไม่พอใจที่เธอเอาเงินมา เขาเลยทำร้ายเธอ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เขาลงไม้ลงมือกับเธอ เขาเปลี่ยนไปมาก ทั้งที่แต่ก่อนเขาไม่ได้เป็นแบบนี้เลย ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ

ทำไมหนาทำไม ผู้คนบนโลกมีตั้งมากมาย ทำไมเธอถึงได้รักเขาจนหน้ามืดตามัว ยอมให้เขาทำร้ายทุบตี ไหนจะเรื่องที่ต้องให้น้องสาว... จะถอยหลังกลับก็ไม่ได้ จะไปต่อก็ไม่เห็นทาง

“พี่ไปนะ ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ” ณนันกล่าวล่ำลาน้องสาวอยู่หน้าบอดี้การ์ดของมาร์วิน เหมือนว่าคนพวกนี้จะรู้ว่าเธอและน้องกลับมา เดินมาถึงทางเข้าก็มีกลุ่มชายชุดดำเดินมาหา

เงยหน้าขึ้นมองตึกสูงระฟ้าต้องหน้า ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย

ชั้นบนสุดคงจะเป็นเพ้นเฮาท์ของมาร์วิน

“ค่ะ ไว้เจอกันนะคะ”

“มีอะไรก็โทรมาหาพี่นะ”

“ค่ะ” ณิชกานต์โผกอดพี่สาวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินตามเหล่าชายชุดดำไป

ส่วนณนันก็มองตาน้องสาวจนลับสายตา ด้วยความเป็นห่วงและความรู้สึกผิด ก่อนจะเดินถอยออกมาเพื่อกลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง ที่ที่ไม่มีใครต้องการเธออีกแล้ว ด้วยความบอบช้ำทางร่างกายและจิตใจ ทำให้ภาพตรงหน้าค่อย ๆ เลือนราง เหมือนโลกกำลังหมุน สุดท้ายภาพก็ตัดไปในที่สุด

รู้ตัวอีกทีก็เหมือนมีอะไรมาถูที่แขนตัวเองอยู่ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองก็เห็นว่าตัวเองนั้นนอนอยู่บนโซฟา โดยมีชายหนุ่มใบหน้าเงียบขรึมนั่งข้าง ๆ เขากำลังทายาที่แขนให้เธออยู่

“อ เอ่อ” เสียงหวานว่าขึ้น เพื่อบอกให้เขารู้ว่าเธอนั้นรู้สึกตัวแล้ว ก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นมาพิงพนักโซฟาอย่างระวังภัย โดยไม่ลืมที่จะดึงแขนเสื้อตัวเองลงตามเดิม

“รู้สึกตัวแล้วหรอ” ภาษาไทยสำเนียงเปล่ง ๆ ดังขึ้น

“ค่ะ...เอ่อ ฉันเป็นลมไปหรอคะ แล้วคุณก็มาช่วยไว้”

“ครับ” เขาพยักหน้าตอบ แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นหน้าเขามาก ๆ เหมือนกับเคยเห็นเมื่อไม่นานมานี้ ไม่นานจริง ๆ

“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้ ฉันมีงานต้องไปทำต่อขอตัวก่อนนะคะ” เธอว่า เพราะเคยประสบพบเจอกับคนมาหลากหลายรูปแบบทำให้ณนันค่อนข้างระวังตัวเป็นพิเศษ เมื่อเห็นว่าตัวเองอยู่กับคนแปลกหน้า เธอก็อยากพาตัวเองออกมาให้เร็วที่สุด

“ไว้ผมขับรถไปส่ง อยู่ทำแผลก่อนเถอะครับ”

“แผลพวกนี้ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง”

“ทำแผลก่อนเถอะครับ แล้วเดี๋ยวผมไปส่ง ถ้ากลัวว่าผมจะทำอะไรคุณ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นทั้งสองข้าง

“ถ้าผมจะทำ ผมทำไปนานแล้ว ผมไม่มานั่งทำแผลให้คุณแบบนี้หรอก”

“เพราะงั้นนั่งก่อน ทำแผลเสร็จแล้วผมสัญญาว่าผมจะเป็นคนขับรถไปส่งคุณเอง”

“อีกอย่างนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย ถ้าคุณจะโบกแท็กซี่กลับผมคิดว่ามันอันตรายเกินไป สำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างคุณ” นี่เป็นครั้งแรกในรอบปีเลยละมั้งที่เขาพูดกับใครยาวขนาดนี้ เพราะที่เขาพูด เพราะเขารู้สึกเป็นห่วงเธอจริง ๆ

“แต่ว่า” เห็นเขาพูดมายาวเหยียดณนันก็มีทีท่าลังเลเล็กน้อย

มันจะมีหรอคนแปลกหน้าที่ดีต่อกันโดยไม่หวังผลตอบแทน...แต่มันก็จริงที่เขาว่า หากเขาจะทำอะไรเธอเขาคงทำไปนานแล้ว เอาเถอะไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะลองเชื่อคนแปลกหน้าอย่างเขาสักครั้ง

เมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทีลังเลเขาก็หันตัวมาเตรียมอุปกรณ์ทำแผลให้เธอต่อ ไม่รู้ว่าแผลบนตัวเธอนั้นเกิดมาจากอะไรบ้าง แต่เขาคิดว่ามันไม่ควรมาอยู่บนตัวของผู้หญิงบอบบางน่าทะนุถนอมคนนี้เลย แม้ว่าเธอจะดูเด็ดเดี่ยว ทว่าบางครั้งในสายตาเธอกับมีความอ่อนแอและความหวาดกลัวซ่อนอยู่

เมื่อชายหนุ่มปริศนาเริ่มทำแผลให้ณนันห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ณนันเธอแอบมองสังเกตรอบ ๆ ห้อง ซึ่งดูจากเฟอร์นิเจอร์และขนาดห้องแล้ว เขาคนนี้คงไม่ใช่คนธรรม เธอคิดว่าเขาคงจะเป็นคนมีอันจะกินคนหนึ่ง เธอมองสำรวจห้องของเขาสลับกับใบหน้าเขา ที่ดูตั้งใจทำแผลให้เธอมาก ๆ ใบหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ ทั้งที่เมื่อกี้เขาพูดกับเธอเสียยาวเหยียด

เมื่อเห็นเขาเบามือ ทำแผลให้เธออย่างทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าเธอจะบุบสลาย กำแพงที่เคยมีก็ค่อย ๆ ลดลง ก่อนจะชวนเขาพูดเพื่อทำลายความเงียบ ทว่าพอเธอถามอะไรไปเขาตอบกลับมาเพียงสั้น ๆ แทบจะเป็นการทำคำตอบคำด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนพูดน้อย หรือเขารำคาญที่เธอถามมากกันแน่

“คุณพึ่งมาอยู่ที่ไทยหรอคะ” นี่เป็นหนึ่งในคำถามที่เธอถามเขา ส่วนเขาก็พยักหน้าตอบ โดยตอนนี้เขากำลังตั้งใจทายาตรงรอยฟกช้ำที่ขาให้เธออยู่

“คุณมาอยู่ที่นี่นานหรือยังคะ ภาษาไทยของคุณมันดูเอ่อ...” จากหน้าตาแน่นอนว่าเขาไม่ใช่ลูกครึ่ง ชายหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน กับผมดำเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน มีเคราอยู่รอบกรอบหน้า ขับให้ใบหน้าเขาดูดุเข้มมากขึ้นไปอีก

“ผมมากับเจ้านาย”

“อย่างนี้นี่เอง แล้วที่นี่ก็ห้องเจ้านายของคุณหรอคะ”

“เปล่า นี่ห้องผม” เขาตอบเธออีกครั้ง โดยที่ยังก้มหน้าทายาให้เธอต่อ

“คุณอยู่คนเดียวหรอคะ” หลังจากแอบมองสำรวจรอบ ๆ ห้อง เธอก็เห็นแค่ข้าวของเครื่องใช้สำหรับหนึ่งคนเท่านั้น ไม่ได้มีเป็นคู่ หรือเหมือนร่วมอาศัยอยู่กับใครเลย เธอแค่ถามเขาเพราะอยากชวนคุยไม่ให้มันเงียบก็เท่านั้น ไม่ได้หวังจะได้ยินประโยคต่อมาเลย

“ทำไม คุณอยากมาอยู่กับผมหรอ” เขาว่าพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเธอ

“ปะ เปล่าค่ะ ฉันแค่ถามเฉย ๆ ห้องตั้งกว้างอยู่คนเดียวคงเหงาน่าดู”

“ก็มีบ้าง” เขาว่าพร้อมกับยักไหล่ แล้วยิ้มบาง ๆ ส่งให้เธอ

“ฉันพึ่งเห็นว่ามันดึกแล้ว ถ้าจำไม่ผิดก่อนที่ฉันจะเป็นลมพระอาทิตย์ยังไม่ตกดินเลย น่าจะประมาณห้าโมง” หน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลใกล้โทรทัศน์จอกว้าง ที่บอกเวลาว่าเกือบสี่ทุ่มแล้ว ทำให้เธออึ้ง ๆ อยู่ไม่น้อย

“จะว่าไปฉันก็เป็นลมไปนานเหมือนกัน แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยฉันไว้ ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” เธอพูดบอกเขาโดยที่เขาก็พยักหน้าตอบ ซึ่งจากมุมที่เธอนั่ง ทำให้เธอไม่เห็นว่าเขากระตุกยิ้มมุมปาก

น้อย ๆ

“ถ้ามีโอกาสไว้ฉันจะเลี้ยงข้าวขอบคุณ คุณนะคะ” จากที่นั่งให้เขาทายาให้อยู่เกือบชั่วโมง เพราะมีรอยฟกช้ำและรอยแผลตามตัวเธอเยอะไปหมด เขาไม่ได้มีท่าทีคุกคาม หรือจะลวนลามเธอเลย เขาเพียงแต่ทำแผลให้เธออย่างตั้งใจ ทำให้ความระวังภัยที่มีต่อเขานั้นลดลงไปจนหมด

“คุณทำกับเขาเป็นรึเปล่า” อยู่ ๆ เขาก็พูดถามเธอบ้าง

“ถ้าเป็นเมนูง่าย ๆ ฉันพอทำได้ค่ะ”

“ไข่เจียว?”

“ฉันทำได้ค่ะ”

“ไว้ผมทำแผลให้คุณเสร็จ คุณทำไข่เจียวให้ผมทานได้รึเปล่า”

“ทำเผื่อตัวคุณด้วย เหมือนว่าเราสองคนจะยังไม่ได้ทานข้าวเย็นนะ”

“ได้ค่ะ...อะ เอ่อ เดี๋ยวตรงนี้ฉันทาเองก็ได้ค่ะ” เธอรีบร้องห้ามเมื่อเขาจะทายาบริเวณต้นขาให้

“อืม” ซึ่งเขาก็ดึงมือกลับแต่โดยดี ก่อนจะยื่นยาอีกหลอดให้เธอ

“ถ้าใต้เสื้อมีแผลใช้หลอดนี้ เดี๋ยวผมไปรอระเบียง ห้องน้ำอยู่ในห้องนอนผม เดินไปทางนู้นอยู่ซ้ายมือ” หลังจากวางหลอดยาไว้บนโต๊ะ แล้วพูดอธิบายบอกเธอเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นเดินออกไปเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel