บทที่ 5
แม็กกี้ขยับตัว เหยียดร่างอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนสีน้ำเงินขาว บังเกิดความเกียจคร้านขึ้นในใจ ต้องถามตัวเองอยู่ว่า จะลุกขึ้นหรือว่านอนต่อดี แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าขณะนี้เธอมีงานสําคัญรออยู่ข้างหน้า ก็รีบเหวี่ยงขาลงจากเตียง
การปฏิบัติกิจวัตรประจําวันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ในระยะหลัง ๆ นี้เธอจะใช้เวลาอาบน้ำเพียงแค่ห้านาที แทนที่จะนอนแช่อยู่ในอ่างเป็นชั่วโมงจนกว่าน้ำจะคลายความอุ่น รวบผมด้วยยางเส้นเล็ก ๆ ง่าย ๆ แทนขะมักเขม้นกับการถักให้เป็นเปียสวยงาม นุ่งกางเกงขาสั้นสวมเสื้อยืดแทนชุดว่ายน้ำ
การทําเตียงนั้นก็จะใช้เวลาเพียงแค่ครู่ นอกเสียจากจะต้องเปลี่ยนปลอกหมอนที่เปียกชื้นด้วยหยาดน้ำตาอยู่ทุกคืนค่ำ
อาหารเช้าของเธอจะประกอบด้วยกาแฟร้อนสามถ้วย คอร์น มัฟฟิน กับแมงโก้ เยลลี่ และน้ำส้มคั้นที่เธอจะดื่มควบคู่กับวิตามินสองเม็ดสําหรับผู้หญิงวัยเกินห้าสิบ เพื่อช่วยให้ร่างกายสดชื่นและอยากรับประทานอาหารเพิ่มขึ้น
ซึ่งมันส่งผลอย่างเห็นชัด ในช่วงหาสัปดาห์หลัง นับแต่วันที่เธอทำความสะอาดและทาสีโรงรถแห่งนั้นเสียใหม่ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นถึงเจ็ดสิบปอนด์ซึ่งนับว่าเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง
ระยะหลัง ๆ นี้เธอไม่ใคร่ได้ออกไปว่ายน้ำบ่อยนัก ผิวพรรณที่เคยเป็นสีน้ำตาลเริ่มจางลง แต่ในยามนี้เธอไม่เห็นว่ามันจะเป็นสิ่งสําคัญอีกต่อไป งานประจําวันตรงหน้าเท่านั้นคือสิ่งสําคัญที่สุด เธอจะนั่งลงตรงโต๊ะทํางานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าไปจนถึงเที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน แล้วจึงจะกลับไปทํางานต่อจนถึงบ่ายสามโมง จึงจะหยุดพักว่ายน้ำประมาณสิบห้านาที
หลังจากนั้นก็จะกลับมานั่งทํางานต่อด้วยความสดชื่นจนถึงหกโมงเย็น แล้วจึงรับประทานอาหารค่ำที่แอ๊ดดี้เตรียมไว้ให้ เสร็จเรียบร้อยแล้วกลับมาทํางานต่อตอนทุ่มสิบห้านาที และจะทําติดต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งตาพร่า จึงจะออกเดินเล่นบนชายหาดพร้อมด้วยแอปเปิ้ลกับกล้วยอย่างละหนึ่งผล เมื่อเหน็ดเหนื่อยเต็มที่จึงจะกลับมาอาบน้ำ และเข้านอนหลับสนิทไปเกือบจะในทันที
แม็กกี้กวาดสายตามองไปรอบโรงรถแห่งนั้น รอยยิ้มฉาบขึ้นบนใบหน้า ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะพบแผ่นผ้าที่ฉาบสีสัน กระดาษแข็งสีขาวแผ่นใหญ่ที่มีสีสาดไว้ติดอยู่เต็มผนังเพื่อให้ได้สีตามความต้องการ แม้แต่ม้ายาวที่เคยเป็นสีขาวบัดนี้ก็กลายเป็นสีรุ้งไปแล้ว
วันนี้เป็นวันแรกที่เธอนั่งลงตรงโต๊ะทํางานอย่างอึดอัดกระวนกระวาย เพราะมันจะเป็นวันที่พิสูจน์ความสามารถ นาฬิกาเบบี้ เบน ที่ติดอยู่บนผนังคล้ายกําลังจับตามองเธออยู่ ที่ตั้งอยู่ใกล้คือกล่องใส่รองเท้าซึ่งภายในมีสีใส่ไว้สามกระป๋อง ผ้าสีขาวผืนใหญ่ และกระดาษแข็งสีขาวอีกตั้งใหญ่
เมื่อถึงสิบโมงตรง เธอจะออกวิ่งไปที่ชายหาด จับตามองพื้นน้ำ พยายามสร้างมโนภาพให้เห็นสีสันที่เกิดขึ้น เพื่อนำมาใช้ให้ใกล้เคียงกับสีที่เธอต้องการใส่ลงบนผืนผ้าให้มากที่สุด
ขณะนี้บนกระดาษไม่มีรูปแบบ ปราศจากแนวความคิดใด ๆ ทั้งสิ้น แม็กกี้บอกตัวเองอยู่ว่า ถ้าเธอสามารถทําได้สําเร็จ เธอจะเสนอแนวความคิดแก่เอเย่นต์ในฮ่องกงผู้จะจัดส่งผ้ามาตามสีสันที่ต้องการ
เป้าหมายของเธอก็เช่นเดียวกับมารดา คือต้องการสร้างความตื่นเต้นให้เกิดขึ้นในโลกแฟชั่นสําหรับปี 1993 ด้วยการนําสีสันที่แปลกใหม่ และเรื่องนี้เธอได้ปรึกษากับบริษัทที่เคยส่งผ้าชนิดต่าง ๆ ให้กับมารดาแล้ว และฝ่ายนั้นก็ยินดีที่จะคอยจนกว่าจะถึงต้นเดือนมิถุนายน และขณะนี้เธอก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงห้าสัปดาห์แล้ว
และวันนี้เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะผสมสีฟ้าเข้มให้เหมือนกับสีของห้วงน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิค ยามที่แผ่นฟ้าจรดกับพื้นน้ำ มันเป็นสีฟ้าเจิดจ้า เต็มไปด้วยความมีชีวิตจิตใจอย่างบอกไม่ถูก แต่จนป่านนี้แล้วเธอก็ยังไม่สามารถจับสีนั้นมาระบายลงบนผืนผ้าหรือแผ่นกระดาษแข็งได้
ก่อนหน้านั้นเธอได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งที่จะจับสีเขียวแห่งห้วงมหาสมุทร ด้วยการเพ่งสายตาจ้องมองพื้นน้ำอยู่นานนับชั่วโมง รอจนถึงช่วงเวลาที่น้ำเปลี่ยนสีด้วยแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์อยู่ตรงหน้า และเธอก็ได้สีเขียวที่เธอตั้งชื่อว่า “ไนล์ กรีน” มาตามต้องการ
ขณะนี้เธอได้สีที่สมบูรณ์แบบมาแล้วสองสีคือไนล์ กรีน กับอียิปเชี่ยน ไว้ท์ สีที่เธอตั้งชื่อไว้ว่าคลีโอพัตรา โกลด์ นั้น ก็สร้างความยุ่งยากลําบากใจให้เท่าเทียมกับแปซิฟิค บลู ที่เธอกําลังใช้จินตนาการอยู่ขณะนี้ เธอรู้ว่า ถ้าจะให้ได้สีดังกล่าวมา จะต้องกลับไปที่ซันบริดจ์ ขึ้นไปยืนอยู่บนเนินเขาพิจารณาสีสันที่เกิดขึ้น แล้วจึงเอามาประสมกับสีดวงอาทิตย์ที่เป็นอยู่ในฮาวายนี้
แม็กกี้หลับตาแน่น สิ่งที่รบกวนจิตใจเธออยู่ในยามนี้นั้นไม่ใช่วันที่ทางบริษัทส่งผ้าขีดเส้นตายไว้ให้ แต่เป็นเวลาที่เธอกําหนดขึ้นไว้ให้กับความสําเร็จของตนเอง
ลึกลงไปในใจ เธอรู้ว่ากําลังสร้างแรงกดดันให้เกิดขึ้นกับตนเอง และไม่อาจทําลายมันลงได้ เพราะความตึงเครียดดังกล่าว ดูจะเพิ่มพูดขึ้นทุกวัน
และวันนี้ เป็นวันที่แรงกดดันนั้นได้สร้างความหน่วงหนักขึ้นในใจจนแทบเหลือทน เพราะในตอนบ่ายวันนี้ทางฮ่องกงจะจัดส่งไหมดิบ ผ้าชีฟอง ผ้าไหมเนื้อดี มาให้ เธอยังจะต้องออกไปหาซื้ออุปกรณ์ที่ต้องการที่ลิเบอร์ตี้ เฮ้าส์ และยังสัญญากับตัวเองที่จะโทรศัพท์ไปสนทนากับสมาชิกในครอบครัวทุกคน รวมทั้งวาเลนไทน์ มิทเชล ด้วย
เธอรู้ว่าไปรษณียภัณฑ์ส่วนใหญ่ส่งมาจากวาเลนไทน์ และสิ่งที่เธออยากทําอย่างที่สุด คือหอบหิ้วมันลงไปที่ชายหาดและจุดไฟเผาทิ้งเสียให้หมด
นาฬิกา เบบี้ เบนยังคงต้องมองเธออยู่ เข็มของมันเคลื่อนไปช้า ๆ เธอหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ลูบคลําผ้าไหมผืนที่เธอตั้งชื่อให้ว่า “ไฟร์แคร็กเกอร์ เรด” ไม่แน่ใจว่า จะใช้มันทําอะไรได้บ้าง เพราะมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับสีที่อยู่ในความคิดของเธอยามนี้เลย สีแดงเจิดจ้านั้นน่าจะเด่นได้ด้วยตัวของมันเอง เพราะเป็นสีที่ผ่านการย้อมมาอย่างสวยงามมาก
เข็มนาฬิกายังคงเคลื่อนต่อไป และเธอก็ยังคงนั่งสูบบุหรี่สลับกับการจิบกาแฟต่อไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดมันก็บอกเวลาสิบโมงตรง
แม็กกี้หยิบกล่องรองเท้าที่มีกระป๋องสีใส่อยู่ขึ้นมา คลี่ผ้าออกและเริ่มลงมือผสมสี ขณะเดียวกันก็จับตามองความเปลี่ยนแปลงของสีสันแห่งท้องน้ำ เธอจดปลายพู่กันที่จุ้มสีลงทั้งบนผืนผ้าและแผ่นกระดาษเพื่อเทียบสีไปพร้อม ๆ กัน ผสมสีโน้นสีนี้เข้าด้วยกันอย่างรีบเร่ง เพราะรู้อยู่ว่ามีเวลาเพียงห้านาทีก่อนที่สีของมันเปลี่ยนไปอีกครั้ง
สีที่เธอกําลังประสมอยู่ในขณะนี้เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จากบลูเบอรี่ เป็นเดรสเดน บลู ไฮยาซินธ์, เซรูลีน, คอร์น ฟลาวเวอร์ และแล้ว...เธอก็พบมัน...แปซิฟิค บลู...
ในที่สุดเธอก็ได้สีที่ต้องการแล้ว...แม็กกี้ร้องอย่างลิงโลด แต่มันก็ยังเป็นปัญหาอยู่ตรงที่ว่า เมื่อเวลาที่มันแห้งลงจะเป็นสีที่ต้องการหรือไม่ ทั้งนี้เพราะสีตอนที่ยังเปียกอยู่กับตอนที่แห้งแล้วจะแตกต่างกันอย่างมาก
แต่เธอจับหลักได้แล้ว รู้ว่าจะต้องผสมสีอะไรกับอะไรจึงจะให้มันออกมาเป็นแปซิฟิค บลู ได้ และเมื่อเวลาที่มันแห้งลงยังจะได้สีตามต้องการอีกด้วย...
“เหมือนที่รู้ว่าสามีไม่ซื่อสัตย์ยังงั้นใช่ไหมล่ะ” มันเหมือนกับมีเสียงถามเกิดขึ้นอยู่ภายใน
“แน่นอน...” แม็กกี้พูดอยู่กับตนเอง “ฉันไม่มีวันเข้าใจผิดเรื่องนั้นแน่ และจะไม่มีวันเข้าใจผิดไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งสิ้นด้วย”
สิ่งที่เธออยากทําอย่างที่สุดในตอนนี้คือโทรศัพท์ไปหามารดา อยากจะรายงานถึงความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นกับตนเองให้มารดาฟัง บางทีมันอาจจะช่วยให้จิตใจของบิลลี่เบิกบานแช่มชื่นขึ้นได้บ้าง
แต่เธอก็กลัวเหลือเกินว่าธัดจะเป็นผู้มารับสายและบอกว่า ขณะนี้บิลลี่กําลังพักผ่อน แต่เธอก็อาจจะอธิบายให้เขาเข้าใจได้ว่า เธอไม่ได้โทรมาเพื่อจะแสดงความอาลัยอาวรณ์กับความเจ็บไข้ได้ป่วยที่กําลังจะพรากบิลลี่ไปจากทุกคนในครอบครัว ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า เธอจะมีความกล้าพอหรือไม่เท่านั้น
