บทที่ 4
รอยยิ้มของเธอในยามนี้ราวกลีบดอกไม้ในสวน ทั้งสีหน้าและท่าทางชวนให้ตะลึงหลง เธอช่างเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นผู้หญิงเต็มตัวเสียเหลือเกิน
วาเลนไทน์ล้วงหยิบบุหรี่ขึ้นมาจากกระเป๋าถือ ขณะแรนด์จับตามองดูควันที่พ่นออกมาเป็นวงกลมนั้น เขารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาตรงลําคอ
“คุณไม่ควรสูบบุหรี่มากเกินไปนะ” เขาพูดเรียบ ๆ
“ในชีวิตฉันไม่ควรทําอะไรให้มันมากเกินไปตั้งหลายอย่าง แต่ฉันก็ทํางานได้เสร็จเรียบร้อยไม่ใช่หรือคะ”
ความร้อนแผ่กระจายขึ้นมาถึงใบหน้า
“น่าประทับใจมากทีเดียว หวังว่าคุณคงจะไม่ทําอะไรที่ผิดกฎหมายลงไปหรอกนะวาล”
“ถ้า คุณกังวลว่าจะต้องพบกับความเดือดร้อนละก้อ...” เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องห่วงหรอก ทําไมหน้าตาคุณถึงได้แดงก่ำยังงั้นล่ะคะแรนด์ โดนอะไรต่อยเข้ารึไง หรือว่ามันมีอะไรบางอย่างที่รบกวนจิตใจคุณอยู่”
“ไม่มีอะไรรบกวนใจผมหรอก ตั้งใจไว้แล้วว่าจะขับไปส่งคุณที่สนามบิน ไม่จําเป็นต้องไปแท็กซี่หรอกนะวาล ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทําไมคุณถึงได้ทิฐิขนาดนี้”
“ฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องที่ตรงไหนเลย มันเรื่องอะไรที่คุณจะต้องเสียเวลาขับรถไปส่งฉันที่สนามบิน แล้วก็ต้องขับกลับมาที่นี่อีก ฉันบอกกับหมออาร์มสตรองไว้แล้วว่าคุณจะขับรถคันนั้นไปส่งให้เขาที่โรงพยาบาลตอนบ่าย แล้วก็จะขับปอร์เช่กลับมา เพราะฉะนั้นคุณยังมีเรื่องสําคัญที่คุณจะต้องทํามากกว่าขับรถไปส่งฉันเป็นไหน ๆ...” เธอพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าเขาอีกครั้ง
“ฉันโตแล้วนะคะแรนด์ และอีกประการหนึ่งเวลานี้ ฉันก็ไม่ได้ทํางานอยู่กับโคลแมนส์อีกต่อไปแล้วด้วย เพราะฉะนั้นคุณไม่จําเป็นต้องทําอะไรเพื่อฉันต่อไปแล้ว”
“ถามจริง ๆ เถอะวาล คุณจะให้ผมอธิบายเรื่องนี้ให้ทุกคนในครอบครัวเข้าใจได้ยังไง เห็นจะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่าพวกเขาจะคิดยังไง คุณน่ะอยู่กับครอบครัวนี้มานานมาก อย่างน้อยผมก็อยากจะให้คุณใช้ความคิดพิจารณาฐานะของตัวเองเสียก่อน”
“ไม่จําเป็น ฉันตัดสินใจแน่นอนแล้ว และคนอย่างฉันถ้าลงได้ตัดสินใจว่าจะทําอะไร ฉันไม่เปลี่ยนความคิดหรอก ไม่มีการประนีประนอมด้วย และไม่เคยหันกลับมามองข้างหลัง ฝากความระลึกถึงไปถึงทุกคนในครอบครัวด้วยนะคะ”
“ถามจริง ๆ เถอะ ว่าคุณไปนอนกับใครมาถึงได้เอาสําเนาเรียกภาษีคนแผ่นนั้นมาได้” แรนด์ถามเสียงกร้าว
แต่วาเลนไทน์ยังรักษาความใจเย็นไว้ได้อย่างน่าชื่นชม เธออัดควันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะดับลงในอ่างล้างจาน
“ฉันขอย้ำเพื่อทําความเข้าใจในเรื่องนี้อีกครั้ง ว่าเวลานี้ฉันไม่ได้ทํางานให้คุณหรือครอบครัวของคุณอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่าฉันจะไปทําอะไรที่ไหนมาไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณ”
“บางที...ผมอาจจะไม่ชอบสิ่งที่คุณทําลงไปเพื่อให้งานชิ้นนี้เป็นผลสําเร็จขึ้นมาก็ได้นี่” คุณพระช่วย...เขาเอ่ยความคิดนั้นออกมาเป็นคําพูดได้เชียวหรือ
“ทําไมเล่า ดูเหมือนฉันจะเคยรู้มาว่าคุณกับซอว์เยอร์เองก็เคยมีความสัมพันธ์อันแรงร้อนต่อกันมาก่อนที่คุณจะทิ้งเขาแล้วก็ไปแต่งงานกับแม่เขาแทนมาแล้ว หลังจากนั้นเราทุกคนต่างก็รู้กันอยู่ว่าคุณนอนกับผู้หญิงทั่วเกาะอังกฤษ ซึ่งนั่นมันก็เพราะการยอมรับอย่างจํานนต่อหลักฐานของคุณเอง...
“แล้วคุณก็ยังมีลูกสาวที่ไม่เคยเห็นหน้าจนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ คุณรู้ไหมคะ ฉันคิดว่าปัญหาของคุณมันอยู่ตรงไหน...ฉันว่านะ ทุกวันนี้คุณก็ยังเชื่อว่าเสน่ห์ของคุณจะดึงดูดใจฉันได้แล้วก็ไม่รู้จะทํายังไงกับมันดี...” เธอเปล่งเสียงหัวเราะเจื้อยแจ้ว แต่มันก็เป็นเสียงที่สร้อยเศร้านัก
“ถึงเวลานี้คุณก็ยังคิดว่าฉันจะตกลงไปในบ่วงเสน่ห์ของคุณยังงั้นใช่ไหมล่ะ หลังจากนั้นหลังจากที่คุณผละจากฉันแล้ว คุณก็จะกลับบ้านอย่างผู้บริสุทธิ์ ปราศจากมลทินให้เมียสงสัยจริงไหม”
“เดาได้เก่งนี่” แรนด์พูดอยู่ในลําคอ
“แล้วตรงไหนที่มันถูกล่ะ” เธอบังเกิดความใคร่รู้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ซุกมือทั้งสองข้างลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์ โยกตัวอยู่ไปมา
“ก็ข้อที่ผมเกิดติดใจคุณขึ้นมาแล้วไงล่ะ”
“แหม...น่าภาคภูมิใจที่สุดเลยค่ะ ผู้หญิงทุกคนล้วนแต่อยากได้ยินคําพูดหวาน ๆ แบบนี้ทั้งนั้น แต่ฉันมันเจนโลกเสียแล้ว ไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าเราจะมาพูดกันถึงเรื่องนี้ เอาละค่ะ ฉันเห็นจะต้องไปเสียที ถ้าเมื่อไหร่ฉันเกิดไปโผล่ขึ้นที่ฮาวายละก้อ เราอาจจะกินกลางวันด้วยกันก็ได้นะคะ อ้อ แรนด์คะ...สิ่งที่ฉันอยากจะบอกคุณก่อนไปก็คือ ฉันเองก็ติดใจคุณไม่น้อยเลยละค่ะ”
“วาล...อย่าไปเลยนะ” เขาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แรนด์คะ สิ่งหนึ่งที่ฉันไม่ชอบทําคือยุ่งกับสามีของผู้หญิงอื่น”
“แต่คุณก็เดินกรีดกรายอยู่ต่อหน้าเขาโดยไม่มีอะไรเลยนอกจากเสื้อคลุมอาบน้ำตัวเดียวมาแล้วนี่”
เขาเจ็บแปลบตรงหน้าแข้ง สัญชาตญาณทําให้ก้มศีรษะหลบกระเป๋าถือที่เหวี่ยงเข้าใส่ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงแตรรถดังขึ้นหน้าบ้าน แท็กซี่ที่วาเลนไทน์สั่งไว้คงจะมารออยู่แล้ว
และแล้ว...เธอก็เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา สะอึกสะอื้นอยู่กับแผงอก เนื้อตัวเธออวลด้วยกลิ่นหอมสะอาด กลิ่นสบู่น้ำหอมลาเวนเดอร์ที่ประสมประสานกันอยู่ เขาจำกลิ่นนี้ได้เพราะเป็นกลิ่นเดียวกับที่มารดาชอบใช้ เขาลูบไล้เรือนผมของเธออยู่ พร่ำคําปลอบโยน แต่ลึกลงไปในใจอดคิดถึงภรรยาไม่ได้ แม็กกี้ไม่เคยให้แบบนี้กับอกเขา
“ผมรู้ ว่าในร่างกายของผู้หญิงคนนี้ยังมีใครอีกคนหนึ่งซ่อนซุกอยู่ เป็นใครบางคนที่มีทั้งอารมณ์และความรู้สึกเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่ไม่กล้าแสดงออกเพราะกลัวว่าจะได้รับการปฏิเสธต้องได้รับความเจ็บปวด
วาเลนไทน์เช็ดน้ำตาพร้อมกับพยักหน้ารับเบา ๆ
“คุณเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นของฉันได้ยังไงกัน”
“อันที่จริงผู้ชายเขาไม่บอกความลับเกี่ยวกับตัวเองให้ใครฟังหรอกนะวาล แต่ผมจะบอกให้คุณรู้ก็ได้ ว่าบางครั้งผมอยากจะวิ่งเข้าไปหลบมุมแล้วก็ตะโกนร้องออกมาให้มันสุดเสียงถ้าทําได้ ผมเบื่อหน่ายที่จะต้องแสดงท่าเป็นใครคนหนึ่งที่ต้องทําอะไรตามเข็มนาฬิกา เบื่อที่จะต้องใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผลไปเสียทุกเวลานาที บางครั้งผมอยากสลัดคราบนั่นออกแล้วก็เป็นเพลย์บอยที่เดินอยู่ตามชายหาดกับเขาบ้าง ผมคิดว่านี่ละมังที่เขาเรียกว่าเลือดจะไปลมจะมาตอนวัยดึกน่ะ”
“ฉันคิดว่าที่คุณพูดมาทั้งหมดมันเป็นเพราะคุณเพิ่งสัมผัสความเป็นปุถุชนของตัวเองมากกว่า” วาเลนไทน์พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณอยากทําอะไร ๆ ที่คนอื่น ๆ เขาทํากัน อยากหาประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับตัวเอง เพราะเพิ่งจะได้ตระหนักว่าชีวิตของคนเรามันไม่แน่นอน ใช่ว่าจะยืนยงอยู่ได้ตลอดไป ฉันมองเห็นริ้วรอยหลายอย่างบนหน้าคุณ เราสองคนน่ะอายุใกล้เคียงกันมากนะคะแรนด์”
“ผมรู้” เขาช่วยเช็ดน้ำตาให้ “แท็กซี่คงไปแล้วมั้ง ไม่ได้ยินเสียงแตรแล้วนี่”
วาเลนไทน์ผละออกจากอ้อมแขนของเขา สะท้านอยู่กับความรู้สึกของตนเอง
“เอายังงี้ดีกว่านะวาล เราไปเอารถปอร์เช่ด้วยกันแล้วกลับมาที่นี่ กินอาหารด้วยกัน เราจะจุดเตาผิงขึ้น เปิดไวน์สักขวด ขดตัวนั่งคุยกับบนพื้นห้อง ฟังแล้วรู้สึกยังไงมั่งล่ะ”
“เหมือนวางแผนไว้ล่วงหน้าค่ะ”
“ผมชอบคํานี้” แรนด์หัวเราะ
ในยามนี้เขารู้สึกว่าตัวเองได้กลับเป็นเด็กหนุ่มอีกครั้ง เมื่อเดินตัวปลิวออกมาจากบ้าน อดพิจารณารูปร่างทางด้านหลังของวาเลนไทน์ เมื่อทนกับความสงสัยว่าเธอเต้นแอโรบิคส์ด้วยหรือไม่ก็เอ่ยถามออก
วาเลนไทน์หัวเราะเริงรื่นเมื่อทิ้งตัวลงนั่งในที่นั่งข้างคนขับ
“ฉันไม่มีเวลาเลยค่ะ แต่มีเครื่องออกกำลังทั้งที่บ้านและที่ทํางานที่ละชุด โชคดีแล้วละค่ะ ถ้าได้เดินออกกําลังอาทิตย์ละสองครั้ง แอโรบิคส์ต้องใช้เวลามาก แม็กกี้ฝึกเต้นหรือเปล่าคะ”
โดยความเป็นจริงแล้ว ในยามนี้ทั้งเขาและเธอไม่ควรเอ่ยถึงแม็กกี้เลยด้วยซ้ำ แรนด์คิดอยู่ในใจ เพราะเขาเองไม่อยากคิดถึงภรรยาอย่างที่สุด
“เขาเต้นวันละสองชั่วโมงทุกวัน ว่ายน้ำวันละสามเวลา แล้วก็เดินในทรายเปียกวันละสองไมล์ วิธีนี้ทําให้เขารักษารูปร่างไว้ได้ นอกจากนั้นเขาก็ยังระวังเรื่องอาหารมาก พยายามนอนให้ได้คืนละแปดชั่วโมงตามกฎ”
“นี่...ฉันไม่ได้หาความรู้เพื่อเอาไปเขียนวิทยานิพนธ์นะคะ” วาเลนไทน์ทักท้วง
“เวลาฟังที่พูดแล้วมันเหมือนแบบนั้นมากเลยนะ” เขาสนองตอบ
“แม็กกี้อายุเกือบจะห้าสิบแล้ว” แรนด์เอ่ยขึ้นลอย ๆ ซึ่งไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะเขาคิดอะไรขึ้นมา
“เอ...แรนด์คะ ฉันว่ามันมีอะไรผิดพลาดสักอย่างตรงนี้แล้วละค่ะ มันมีกฎเขียนไว้บ้างหรือเปล่าว่าเราจะต้องคุยถึงแม็กกี้กับเรื่องต่าง ๆ ที่ไร้สาระนั่น ฉันว่ามันไม่เข้าท่าเลยนะ และถ้าจะพูดกันถึงเรื่องอายุ ฉันเองก็ห้าสิบสี่เข้าไปแล้ว ซึ่งเท่ากับฉันแก่กว่าเมียคุณตั้งสี่ปี...” เธอหัวเราะเสียงแผ่วก่อนจะพูดต่อ
“และคุณซึ่งเป็นคนมีสติปัญญาฉลาดเฉลียวเท่าที่ฉันรู้จัก ย่อมรู้ดีว่าอีกฟากหนึ่งของแนวรั้ว มันไม่จําเป็นที่พื้นหญ้าจะต้องเขียวขจีเสมอไป สุภาษิตเก่า ๆ น่ะค่ะแรนด์ แต่รู้สึกว่าจะใช้ได้อย่างเหมาะสมกับโอกาสนี้”
