บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

ห้องรับแขกของเฟอริสได้รับการตกแต่งไว้อย่างสวยงามมาก ที่ต้องสวยเป็นพิเศษก็เพราะเขาเป็นหมอเด็ก ดังนั้นทุกสิ่งในห้องนี้ ซึ่งรวมทั้งเก้าอี้จึงจดขึ้นสําหรับเด็กโดยเฉพาะมีภาพวาดสีสันสดใส และของของเล่นที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งห้อง ชามโคมขนาดใหญ่ใส่ลูกกวาดมีป้ายเขียนติดไว้ว่า “คนละหนึ่งเม็ด” ขณะนี้หนูน้อยสองคนในชุดหมีกําลังนั่งเล่นหมากฮอสที่ตัวหมากใหญ่เท่าจานอยู่บนพื้นห้อง

“ฉันชื่อลินดา เบเคอร์ ค่ะ นัดหมอไว้แล้ว” เธอบอกกับพยาบาล

“เชิญทางนี้เลยค่ะ” นางพยาบาลบอก และเดินนําไป วาลซึ่งเดินตามมาข้างหลังสังเกตเห็นความสวย อดสงสัยอยู่ในใจไม่ได้ว่า หรือเธอจะเป็นผู้หญิงคนใหม่ของเฟอริส

“ฉันชอบชุดที่คุณใส่จังค่ะ” นางพยาบาลบอก กวาดสายตามองวาเลนไทน์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “ซื้อที่เมสันหรือคะ”

“ชุดนี้สดาสซี่ค่ะ” วาลตอบยิ้ม ๆ

“โอ...” ดูเหมือนนางพยาบาลจะอุทานออกมาได้เพียงเท่านั้น วาลเพิ่งสังเกตเห็นเดี๋ยวนี้เอง ว่าส้นรองเท้าของนางพยาบาลผู้นี้สึกกร่อน และถุงน่องที่สวมอยู่ก็รานแล้ว

วาเลนไทน์หยุดยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ทอดสายตามองลงไปยังลานจอดรถเบื้องล่าง นับรถได้สามสิบสองคัน ตอนที่เฟอริส อาร์มสตรอง เดินเข้ามาในห้อง ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูปิดเธอก็หันไปและส่งยิ้มให้เขา

“วาล...” เฟอริสทําคลิปบอร์ดที่ถืออยู่ในมือหล่นลง “คุณคือลินดา เบเคอร์ ที่นัดมานั่นเอง”

“ท่าทางคุณสบายดีนี่คะเฟอริส อย่างน้อยก็ห้าปีทีเดียวนะคะที่เราไม่ได้พบกัน”

เขาเป็นผู้ชายที่จัดว่าหล่อมากคนหนึ่ง ผิวสีน้ำตาลอ่อน รูปร่างสูงโปร่งเหมือนนักกีฬา ไรจอนสีเทาช่วยเพิ่มความสง่างามให้สมวัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเขาสวมเสื้อคลุมสําหรับแพทย์เช่นนี้ ความคิดดังกล่าวทําให้วาเลนไทน์อยากหัวเราะออกมาดัง ๆ

“ผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้างละวาล” เฟอริสถามเสียงเข้ม

เธอล้วงมือลงไปในกระเป๋าที่สะพายไว้กับไหล่หยิบเอกสารม้วนนั้นออกมา เมื่อยื่นให้เฟอริสก็ก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว เสียงหัวเราะของเธอดังก้องไปทั้งห้องนั้น

“นี่...มันไม่ใช่หมายศาลหรอกน่า รับไปสิเฟอริส คนที่ตัวโตแบบคุณแถมยังเป็นหมออีกด้วยอย่าบอกนะคะว่า กําลังกลัวฉัน จริง ๆ แล้ว เอกสารทั้งหมดนี่มันเป็นของคุณกับภรรยาด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ ฉันเพียงแต่เอามาส่งให้เท่านั้นละ” เสียงพูดของเธอเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้น

“ดูเสียก่อนเถอะ ฉันว่าถ้าจะให้ดีควรจะนั่งลงแล้วก็อ่านให้ตลอดก่อน ฉันรอได้” เธออดกระหยิ่มไม่ได้เมื่อเห็นมือของเฟอริสสั่นระริกเมื่อเขาเอื้อมรับเอกสารไป และยังสะใจที่เห็นท่าทางเดินไม่มั่นคงเหมือนหุ่นกระบอกไม่มีผิด

“ภาษีเงินได้...แล้วยังไงล่ะ” เฟอริสถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ก็ไม่เชิงเสียทีเดียวหรอกนะ” วาลพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “จริง ๆ แล้วมันเป็นเงินภาษีที่เขาคืนมาให้ ไม่ใช่ตัวจริงที่สมุห์บัญชีของคุณให้กับซูซานหรอก แต่ว่าในนี้มันเป็นลายเซ็นของลูกความฉัน” เธอกระเดาะลิ้น “หรือไม่ก็ต้องเป็นลายเซ็นปลอมแน่ ๆ น่าอายมากนะคะเฟอริส ฉันไม่เคยรู้เลยว่าหมอเด็กก็หาเงินแบบนี้ด้วย มันทําให้ฉันเกือบคิดว่าตัวเองเลือกอาชีพผิดเสียแล้วสิ...เอาละค่ะ ฉันว่าเรานั่งลงแล้วพูดจากันให้รู้เรื่องดีกว่า ว่าคุณต้องใช้เงินไปเท่าไหร่เพื่อให้เรื่องมันเดินไปได้ราบรื่นขนาดนี้”

“ว่ามา...ว่าคุณจะเอาเท่าไหร่” เฟอริสถามเสียงห้วน

“เสนอมาก่อนสิ” วาลพูดเสียงหวาน ก้มลงจุดบุหรี่ พ่นควันไปทางเฟอริส

“ห้าแสนเหรียญ”

วาลหัวเราะเสียงแผ่ว

“เจ็ดแสนห้าหมื่นเหรียญ”

วาลหัวเราะคิกออกมา

“โอเค เจ็ดแสนห้ากับบ้านบนเกาะ”

“ฉันว่าคุณน่าจะคิดถึงเรื่องการปลอมลายมือนั่นให้ดีนะ ลองอีกทีก็ยังได้”

“ล้านหนึ่ง”

“เสียใจ”

“ก็แล้วคุณจะเอาสักเท่าไหร่ล่ะ”

“คุณลองพิจารณาเอาเองก็แล้วกันว่าคุณน่ะมีค่าเท่าไหร่ ฟังให้ดีนะคุณหมอ ว่าในคุกน่ะไม่มีเด็ก ๆ ให้รักษาหรอกนะ ชีวิตข้างนอกนี่มันมีค่ากับคุณสักแค่ไหน บอกตามตรงเลยนะว่าฉันไม่ค่อยเห็นค่าของผู้ชายที่ไม่สามารถยืนอยู่ด้วยลําแข้งของตัวเอง คอยแต่จะปล้นเอาจากผู้หญิงเท่าไหร่นักหรอก...

“เอาละค่ะ ฉันจะเสนอในสิ่งที่พอจะรับได้ ถ้าคุณไม่ตกลง ฉันจะเดินออกจากที่นี่แล้วจะแจ้งให้เพื่อนฉันที่กรมสรรพากรทราบ หกโมงเย็นคุณจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ในออกซ์มอร์ทุกฉบับ..... "

“อันที่จริงฉันรู้นะว่าปีหนึ่ง ๆ นะคุณมีรายได้เท่าไหร่ พอจะคํานวณได้ด้วยว่าห้าปีที่ผ่านมาคุณสะสมเงินทองไว้ได้มากน้อยแค่ไหน”

วาลจับตามองสีหน้าของเฟอริสที่เปลี่ยนไป ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะถึงกับเป็นลมหน้าซีดเหงื่อแตก แต่เฟอริสทำได้ดีกว่านั้น

“โอเค...” เขาตอบเรียบ ๆ

“ก็ดี งั้นเราจะเริ่มกันตรงนี้เลย ฉันไม่ยอมให้คุณมีส่วนแบ่งหรอกค่ะ ไม่ต้องตั้งความหวังมากขนาดนั้นด้วย เดี๋ยวเราจะไปแบ๊งค์ด้วยกัน ที่นั่นมีเจ้าหน้าที่ซึ่งจัดทำเอกสารและเซ็นชื่อเป็นพยานได้อยู่แล้ว คนของฮาร์รี่ทํางานแบบนี้ให้ฉันได้ สิ่งที่ฉันต้องการคือรถปอร์เช่ ส่วนคุณเอาอีกคันหนึ่งไป แรนด์จะเป็นคนขับปอร์เช่คันนั้นกลับเท็กซัส”

“คุณทิ้งเศษเหล็กไว้ให้ผมงั้นเรอะ แล้วก็ไอ้บ้านโทรม ๆ อีกหลังหนึ่งกับเงินแสนเหรียญในบัญชี...” เฟอริสร้องอย่างโกรธแค้น

“ถูกต้อง” วาลพูดเสียงหวาน “และคุณก็ต้องพ้นจากมูลนิธิด้วย”

“คุณนี่ร้ายกาจจริง ๆ ให้ตายสิ” เฟอริสคํารามออกมา

“ฉันจะถือเป็นคําชมนะคะ”

เฟอริสถอดเสื้อคลุมแพทย์ออก หยิบเสื้อแจ๊คเก็ตแคชเมียร์ขึ้นมาสวม วาลกล่าวชมเสื้อแจ๊คเก็ตตัวนั้น แต่เฟอริสไม่ได้ให้ความสนใจกับเธออีกเลย เดินปึงปังออกจากห้องโดยมีวาเลนไทน์ตามไปติด ๆ

“คุณหมออาร์มสตรองคะ แล้วคนไข้ที่นัดไว้ล่ะ” นางพยาบาลถามอย่างตกใจ แต่วาเลนไทน์เป็นคนชะโงกหน้าเข้าไปหากระซิบบอกหล่อนว่า

“ตอนนี้คุณหมอของคุณเพิ่งได้รับข่าวร้าย จัดหมอคนอื่นทํางานแทนเขาไปก่อนก็แล้วกัน วันนี้เขาคงไม่กลับมาทํางานแล้วละ”

วาเลนไทน์เดินทางกลับเข้าไปในบ้านของซูซานบ่ายสามโมงตรง ขณะนั้นแรนด์กําลังนั่งดูภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง “เจนเนอรัล ฮอสพิทัล” อยู่ เธอโยนปึกเอกสารลงให้บนตัก

“เรียบร้อยแล้ว ฉันยกบ้านนี้ให้เขา เพราะฉะนั้น ถ้าคุณบอกขายไปแล้วละก้อ รีบถอนคืนเสีย เขาเรียกที่นี่ว่ากล่องผุ ๆ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยคิดว่าดีแล้วละที่เราวางมือจากบ้านนี้ได้ อ้อ...แล้วฉันก็ยกคันที่จอดอยู่หน้าบ้านให้เขาไปด้วยนะ คุณขับปอร์เช่กลับไปเท็กซัสก็แล้วกัน สำหรับเรื่องอื่นเราคงไม่ต้องเสียเวลาพูดถึงกันอีก ตอนนี้น้องเมียคุณเป็นเศรษฐีย่อย ๆ คนหนึ่งแล้ว”

แรนด์ผลุดลุกขึ้นยืน โยนซองมานิลาลงกับพื้นห้อง

“วาล เดี๋ยว...”

“เสียใจค่ะแรนด์ ฉันเห็นจะต้องขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน หลังจากนั้นก็จัดกระเป๋าจะได้ไปถึงที่สนามบินทันเวลา เอาไว้คุยกันวันหลังดีกว่านะคะ” เธอรีบรุดเดินออกจากห้อง

“อ้าว...แล้วคุณจะไม่กินอะไรสักหน่อยก่อนเลยหรือ กาแฟสักถ้วยไหมล่ะ”

“ฉันกินอะไรมาตั้งหลายอย่างแล้วละ ไม่หิวหรอก” เธอบอกมาจากหัวบันไดชั้นบน “แต่ก็เอาเถอะ ถ้าคุณอยากแสดงน้ำใจ ฉันดื่มกาแฟสักถ้วยก็ได้”

แรนด์เดินแกมวิ่งเข้าไปในครัว บอกตัวเองถ้าวาเลนไทน์ต้องใช้เวลากับการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่า ๆ กับแม็กกี้ รวมทั้งจัดกระเป๋าเดินทางแล้ว เขาจะมีเวลาประมาณสิบห้านาที

ขณะรอให้น้ำเดือดอยู่นั้น เขาก็กางเอกสารทั้งหมดลงบนโต๊ะ แล้วก็ต้องผิวปากวืดออกมา สิ่งที่วาเลนไทน์ได้ทําเพื่อซูซานในวันนี้ เขายินดีที่จะจ่ายค่าจ้างให้เธอเป็นสองเท่า แต่เขาจะไม่จ่ายด้วยเงินของตนเองอย่างแน่นอน ซูซานซึ่งเป็นผู้ได้รับประโยชน์ในเรื่องนี้โดยตรงนั่นแหละที่จะเป็นผู้จ่าย เขามองเห็นอยู่ว่าวาเลนไทน์พูดถูก มันถึงเวลาที่ซูซานจะต้องยืนอยู่ด้วยขาของตนเองเสียทีแล้ว

แรนด์สุดลมหายใจลึกเมื่อเหลือบไปเห็นวาเลนไทน์ที่เข้ามายืนอยู่ตรงประตู เธอสวมกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบกับสเวตเตอร์สีเขียวมรกต ใบหน้าปราศจากเครื่องสำอาง พวงผมตระหลบขึ้นเป็นมวยอยู่เหนือศีรษะ เขากระแอมเบา ๆ เมื่อส่งถ้วยกระเบื้องเคลือบบรรจุกาแฟไปให้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel