บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

เขาพยายามรวบรวมสติปัญญาอย่างสุดความสามารถ เขารู้ว่าสิ่งที่เรียกร้องนั้นมันสูงมาก นี่เขาบ้าไปแล้วหรืออย่างไร เมื่อมาถึงตอนนี้ เขาอดเสียใจไม่ได้ที่ไม่น่าจะเรียกร้องอะไรจากซอว์เยอร์รวดเร็วขนาดนั้นเลย เขาเกือบจะพูดอะไรบางอย่างออกไปอยู่แล้ว แต่เสียงโวยวายของซอร์เยอร์ดังลั่นมาตามสายแก้วหูแทบจะแตก

“นี่ฉันได้ยินเธอพูดถูกหรือเปล่าโคล” หางเสียงของเธอชาเย็นขึ้นมาทันที “เธอเรียกร้องเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ และยังเรียกดอกเบี้ยอีกตั้งสิบสองเปอร์เซ็นต์เชียวเรอะ”

เกิดมาในชีวิตซอว์เยอร์ไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับเขาเลย เขาอยากจะกล่าวคําปฏิเสธ อยากจะถอนคําพูดเสีย แต่ในแวบนั้นที่เขาคิดถึงไรซิ่ง ซัน ที่จะต้องหาผลกําไรให้เกิดขึ้นจงได้ แล้วเขาก็ยังคิดเลยไปถึงพ่อตา ผู้เพิ่งปรากฏตัวแบบผี แบบจิตวิญญาณ เอาละ...ไม่ว่าใครจะเชื่อเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม เขาไม่สนใจทั้งสิ้น รู้แค่ตัวเองเชื่อเท่านั้นก็พอแล้ว

“ผมยินดีที่จะเปิดการเจรจาเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ” เขาเอ่ยออกไป “แท่งหินถ้าไม่มีการแกะสลักมันจะเป็นรูปร่างสวยงามขึ้นมาได้ยังไงกันเล่า ถึงเวลาที่พี่จะเดินทางมาที่นี่หรือยังล่ะ มานั่งลงแล้วก็พูดกันให้รู้เรื่องไปเลยไม่ดีกว่าหรือ”

“ฝันไปเถอะโคล” ซอว์เยอร์ตวาดกลับมา “ที่เธอพูดมาทั้งหมด ฉันคิดว่าตัวเองได้ยินถูกต้องแล้วละ เธอเอาอำนาจกับเงินไปมอบให้คนอื่นเถอะ สําหรับเราจบสิ้นกันแค่นี้”

โคลไม่เคยได้ยินน้ำเสียงที่ชาเย็นบอกความโกรธจัดเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต แต่ขณะนี้มันกำลังเป็นเช่นนั้นจริง ๆ

“สวัสดีนะโคล”

“ไอ้ห่าเอ๊ย...” โคลร้องออกไป

ตรงปากทางเข้าสู่สวนไม้ดอก ซูมิเดินช้า ๆ เข้ามาตรงที่โคลนั่ง

“เกิดอะไรขึ้นคะนี่” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่บอกความกลัว “ซอว์เยอร์...เอ้อ...ข่าวร้ายหรือคะ”

“ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมองมันยังไง เขาต้องการ...คือเขาคาดว่าผมจะต้องให้การสนับสนุนเรื่องการเงินสําหรับเครื่องบินลําใหม่ที่เขาออกแบบให้กับโคลแมน เอวิเอชั่น”

“โธ่ เรื่องแค่นี้เองน่ะหรือคะ ฉันคิดว่าเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นเสียอีก สีหน้าท่าทางคุณมันดุเดือดเหลือเกินนี่ คุณตอบซอว์เยอร์ไปแล้วว่าคุณจะให้ความช่วยเหลือเขาแน่ใช่ไหมคะ...บอกตามตรงนะคะ ว่าฉันน่ะนับถือความสามารถของเขาเหลือเกิน...

“ฉันมองเห็นภาพคุณสองคนพี่น้องที่จะเป็นผู้นําทางด้านการบินแล้ว...แหม...มันเป็นภาพที่ยอดเยี่ยมเลยละค่ะ พ่อฉันน่ะนับถือความสามารถของซอว์เยอร์มาก ท่านไม่อยากเชื่อเลยนะคะ ว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถทําอย่างที่ซอว์เยอร์ทําได้ พ่อน่ะรักทุกคนในครอบครัวของคุณแล้วก็รักมากด้วย”

ความละอายใจลวกร้อนจนเนื้อตัวร้อนผ่าว โคลพูดเสียงเบาเมื่อกล่าวว่า

“อันที่จริงผมก็ยื่นข้อเสนอให้เขาไปแล้วละ แต่ซอว์เยอร์ปฏิเสธ คือเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าผมจะ...คือ...อันที่จริงเราก็เคยติดต่อเรื่องธุรกิจกันมาก่อน แต่เขานึกไม่ถึงว่าครั้งนี้ผมจะต้องแบ่งปันส่วนในผลกำไรบ้าง” เมื่อเขาเห็นแววในดวงตาของเธอ โคลก็คว้าแขนซูมิไว้ รู้ดีว่าจําเป็นที่จะต้องพูดเพื่อให้เธอเข้าใจไว้

“ผมรู้ว่าคุณไม่เข้าใจและผมก็ไม่สามารถอธิบายเหตุผลที่เรียกร้องในเรื่องผลประโยชน์ได้ แต่ผมมีเหตุผลที่จะต้องทําอย่างนั้นนะ ผมมีความเชื่อว่าพ่อของคุณ...” นี่เขาจะเอ่ยมันออกมาเป็นคําพูดได้อย่างไร...

“คืออย่างนี้นะสุดที่รัก ผมมีความเชื่อว่าจิตวิญญาณของพอคุณกําลังพยายามช่วยเหลือให้ผมหลุดพ้นออกมาจากปัญหาความยุ่งยากที่มันกําลังเกิดอยู่ในตอนนี้ ผมทําไปตามสิ่งที่จิตวิญญาณหวังจะเห็นผมทําเท่านั้น” เขารู้สึกอยู่ว่าคำพูดที่เอ่ยออกมานั้น เหมือนคนที่จิตใจกำลังใกล้ฟั่นเฟือนเต็มที

“แล้วที่คุณให้คําตอบซอว์เยอร์ไปจริง ๆ น่ะมันอะไรล่ะคะ” ซูมิถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ผมขอดอกเบี้ยสิบสองเปอร์เซ็นต์กับผลกําไรเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์”

“งั้นหรือ...”

“ผมรู้ว่าตัวเองทําให้คุณต้องอับอายขายหน้ามาก สีหน้าของคุณมันบอกความรู้สึกนั้นอยู่ จริงไหมซูมิ”

“ค่ะ” น้ำเสียงของเธอสร้อยเศร้า ดึงมือออกจากการเกาะกุมของสามี สะบัดหน้าอย่างแรกจนร่างซวนเซแทบจะล้มลง “ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับครอบครัวคุณถ้าครั้งแรกนั้นพ่อทําแบบที่คุณกําลังทําอยู่วันนี้...” เธอเดินอย่างรวดเร็วจนเกือบจะถึงปากทางเข้าจึงได้หันมาพูดกับเขาด้วยเสียงอันดังว่า

“พ่อฉันไม่เคยเรียกดอกเบี้ยจากครอบครัวคุณเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว ไม่เคยกําหนดเวลาให้ครอบครัวคุณจ่ายเงินคืน แถมยังส่งเช็คเปล่าให้ไปกรอกจํานวนเงินเอาเองด้วย ฉันน่ะได้ยินได้ฟังเรื่องนี้มานานจนนับครั้งไม่ถ้วน มันท่องจําอยู่ในใจ และสามารถจะพูดให้คุณฟังได้ทุกเมื่อด้วย”

โคลได้แต่จับตามองบานประตูที่ปิดใส่หน้า มีความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสัตว์เลื้อยคลานต่ำช้าที่สุด ที่มันเลวร้ายกว่านั้นก็คือ ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เขาไม่เคยทําผิดเลยในสายตาของซูมิ แต่ขณะนี้ใบหน้าที่สวยงามของเธอ กําลังถูกฉาบไว้ด้วยความอับอาย ที่เกิดขึ้นด้วยการกระทําของเขาเอง

แล้วนี่เขาจะยังกล้าเปิดปากพูดเรื่องนี้ให้บุคคลในครอบครัวฟังเหมือนที่เขาได้พูดกับซอว์เยอร์มาแล้วอีกหรือ...จะมีใครสักคนหนึ่งไหมที่จะเข้าใจในตัวเขา แม้ว่าเขาจะสามารถอธิบายถึงความรู้สึกที่เกิดอยู่กับตนเองในขณะนี้ให้ฟังได้

เขาเคยคุยโวโอ้อวด ตอนที่ก้าวเข้ามาบริหารอาณาจักรธุรกิจอันยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่นแห่งนี้ว่าเขามีเงินเก้าพันล้านเหรียญ ซึ่งมันเป็นเงินส่วนตัวของเขาอย่างแท้จริง แต่เมื่อเวลาสามปีผ่านไป เขาก็ยังมีแค่เงินจํานวนเดิมอยู่นั่นเอง...

เขารู้ว่าสีหน้าของทุกคนจะเป็นอย่างไรเมื่อซอว์เยอร์เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง และแน่นอนที่เธอจะต้องเล่าอย่างละเอียดถึงถ้อยคําที่สนทนากัน และทุกคนจะต้องลงความเห็นว่า เงินเก้าพันล้านนั่นมันทําให้เขาเสียสติไปแล้ว ทุกคนจะต้องตราหน้าว่าเขาเป็นคนโลภ มองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน เขารู้สึกเจ็บร้าวในหัวใจ มันชอกช้ำเสียเหลือเกิน

โคลเอื้อมไปหยิบซัปโปโร แต่เบียร์หมดเกลี้ยงแล้ว เขาแน่ใจว่าตัวเองดื่มเข้าไปเพียงแค่ไม่กี่อึก แล้วก็ยังไม่ได้ในเบียร์เติมลงในแก้วที่วางอยู่ในถาดอีกเลย

เมื่อเขาหยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาดู ก็ไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อยที่เห็นว่ามีแต่ฟองเหลือติดก้นแก้ว ท่านผู้เฒ่าชาวญี่ปุ่นโปรดปรานที่จะดื่มเบียร์ไปพร้อม ๆ กับการรับประทานอาหารเสมอ ไม่ว่าสิ่งที่เขากินอยู่จะเป็นอะไรก็ตาม

โคลก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ ขณะนี้หกโมงกับสิบห้านาทีแล้ว เขากวาดสายตามองไปโดยรอบอย่างตื่นกลัว แสงยามตะวันชิงพลบหม่นลงดูมืดครึ้มอย่างไรพิกล นี่คือสัญญาณอีกอันหนึ่ง เขาแน่ใจอย่างที่สุด...

เขาแน่ใจว่าวิญญาณของชาดาฮารุจะต้องอยู่ที่นี่ จะต้องรอรับฟังอยู่ ถ้าเขามีความเชื่อในเรื่องนี้ เขาย่อมจะต้องเชื่อต่อไป ว่าสิ่งที่พูดกับซอว์เยอร์นั้นถูกต้องแล้ว ถ้าจะว่าไปแล้ว เรื่องของตัวเลขนั้นเป็นสิ่งที่สามารถปรับใหม่ได้ แต่เขารู้จักพี่สาวดี รู้ว่าเธอจะต้องมองเห็นว่าการกระทําของเขาในครั้งนี้เป็นการทรยศหักหลังกันชัด ๆ

แต่เขาจะต้องพูดให้เธอเข้าใจว่าเธอคิดผิด สําหรับตอนนี้เขาจะต้องตั้งใจให้มั่นอยู่กับความจงรักภักดีต่อพ่อตา ท่านผู้เฒ่าชาวญี่ปุ่นจะต้องมาก่อนใครอื่น

บนกิ่งไม้เหนือศีรษะ เขาได้ยินเสียงนกกระพือปีกเตรียมโผบิน แต่เขากลับฟังเป็นเสียงที่บ่งบอกความขึ้งโกรธ ทุกเสียงขยับปีกที่ได้ยินอยู่ในยามนี้ราวเสียงที่กรีดร้องอยู่ว่าชิกาตะ มิทสุ...ชิกาตะ มิทสุ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel