บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

เพียงแค่การพูดโทรศัพท์กับสามีมันก็ทําให้เธอเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ บิลลี่เอนหลังลงพิงกับพนักเก้าอี้ซุกตัวให้ลึกลง รู้ซึ้งอยู่ในใจ ว่าถ้าธัดได้ล่วงรู้เกี่ยวกับเรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคร้ายในครั้งนี้ หัวใจเขาต้องสลายแน่ และความคิดดังกล่าวก็ทําให้เธอยืดร่างขึ้น

เธอจะต้องทําจิตใจให้เข้มแข็งเข้าไว้ เพื่อเห็นแก่ทุกคน พระเจ้า...นี่เธอจะทํายังไงดี บิลลี่มองเห็นภาพบุคคลอันเป็นที่รักทุกคนที่เดินตามร่างของเธอ ร่างที่เปลือกตาปิดสนิทนั้น แล้วหยาดน้ำตาก็ลามไหลลง ค่อย ๆ ยกมือที่สั่นสะท้านขึ้นลูบมันออก

ราตรีอันเปลี่ยวเหงายังทอดตัวยาวอยู่เบื้องหน้า แล้วเธอจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ของค่ำคืนนี้ทําอะไรดี... การกินอาหารอาจจะใช้เวลาได้บ้าง หลังจากนั้นก็ดื่มน้ำชา เพราะการดื่มชามักจะทําให้โลกสดใสขึ้นได้เสมอ

แต่มันฟังไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เพราะในใบชาก็มีคาเฟอีนอยู่ บางทีถ้าจะเปลี่ยนเป็นไวน์พลัมน่าจะดีกว่า ทั้งเธอและธัดต่างโปรดปรานไวน์พลัมด้วยกันทั้งคู่

แต่อย่าดีกว่า ขณะนี้เธอต้องการสมองที่ปลอดโปร่งแจ่มใสเพื่อครุ่นคิดพิจารณาถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วน เธอยกหูโทรศัพท์หมุนไปยังบริการรูม เซอร์วิส แล้วคําสั่งก็พลั้งหลุดออกไปจากปากจริง ๆ เธอสั่งไวน์พลัมสองแก้ว ชาร้อนสองกา แฮมชีส แซนด์วิชกับสลัดผักสด

เธอยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าที่อาหารจะมาถึง ทําอะไรสักอย่างสิ...สมองสั่งงานอยู่ ล้างเครื่องสําอางออกจากใบหน้า ถอดเสื้อผ้า สวมเสื้อคลุมสีเหลืองตัวที่ธัดชอบ แปรงผม...เรือนผมสีเทาที่ธัดขอร้องไว้ว่าไม่ต้องย้อม แล้วก็ถอดต่างหูไข่มุกที่ธัดซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด

เธอพบว่าตัวจ้องมองแหวนแต่งงาน แหวนทองเรียบ ๆ ที่ค่อนข้างใหญ่วงนั้น พวกเขาจะยังคงใส่ติดนิ้วไว้ตอนที่เธอ...เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากไปหรือเปล่า...

แน่นอน ที่พวกเขาจะต้องทําอย่างนั้น เพราะเมื่อเธอได้พบกันอีกครั้งในแผ่นดินที่ปราศจากกาลเวลาเธอย่อมอยากให้เขาได้เห็นแหวนวงนี้ด้วย

เขียนขึ้นไว้สิ...เขียนทุกสิ่งที่ต้องการลงไว้ เพื่อจะไม่เกิดปัญหายุ่งยากในภายหลัง ข้อความที่จะนํามาเขียนลงไว้วนเวียนอยู่ในสมอง

เธอเขียนสิ่งที่ต้องการจบลง ซึ่งก็พอดีกับที่รูม เซอร์วิส นําอาหารและเครื่องดื่มขึ้นมาส่งให้ เธอคว้าไวน์ขึ้นมาดื่มอย่างกระหาย มันเกิดปฏิกิริยาต่อต้านขึ้นภายในร่างกายทันที ความร้อนที่ลามลวกทําให้เธอน้ำตาไหลพรากออกมา ต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ

เมื่อกลับออกมายังห้องนั่งอีกครั้ง บิลลี่ก็หยิบแซนด์วิชขึ้นมาและเล็ม มันไม่เหมือนแซนด์วิชที่เธอเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แม้แต่ธัดซึ่งเป็นคนกินเก่งก็คงกินเข้าไปไม่หมดแน่ แผ่นเนยแข็งที่สอดไว้เดียงข้างแฮมนั้นบางใส ราวกับใครเอาเตารีดร้อน ๆ ไปรีดทับไว้ เพื่อให้มีเนื้อที่วางแผ่นแฮมกับเนยแข็งแบบเดียวกันนี้ได้มากขึ้น เธอจะต้องเก็บเรื่องนี้ไปเล่าให้ธัดฟังอย่างแน่นอน

เอาละ...พอแล้ว...สมองออกคําสั่ง ครู่ต่อมาโทรศัพท์ก็เข้ามาอยู่ในมือ เป็นครั้งแรกในชีวิต เป็นครั้งแรกนับแต่แม็กกี้ ลูกสาวคนโตได้ย้ายไปอยู่ฮาวาย ที่เธอหลงลืมเรื่องความแตกต่างของเวลา ทันทีที่ได้ยินเสียงง่วงงุนของแม็กกี้เข้า บิลลี่ก็ก้มลงดูนาฬิกาข้อมือ และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ในฮาวายเที่ยงคืนกว่าแล้ว

“มัม...เกิดอะไรขึ้นหรือคะ” แม็กกี้กระซิบถามมาในโทรศัพท์ มีความหวาดหวั่นแฝงอยู่ในน้ำเสียง

“ไอ้เรื่องที่มันเกิดน่ะ ก็เพราะแม่ลืมเรื่องเวลาเสียสนิทน่ะสิ แม่ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะลูกรัก คือวันนี้แม่คิดมาทั้งวันว่าจะต้องโทรศัพท์หาลูก หนูกับแรนด์เรียบร้อยกันดีไหมลูก”

“มัมคะ ถือหูไว้ก่อนนะ หนูจะออกไปที่ห้องระเบียง ไม่อยากพูดดังเดี๋ยวแรนด์ตื่น เดี๋ยวเดียวนะคะมัม”

ขณะที่บิลลี่รอให้โทรศัพท์อันหนึ่งยกขึ้นกับอันเดิมวางลงนั้น เธอยอมให้ตัวเองมองให้เห็นภาพห้องระเบียงนั้น มันเป็นห้องที่ได้รับการตกแต่งไว้อย่างสวยงามมาก กึ่งภายในและกึ่งภายนอกเต็มไปด้วยสีสันของไม้ดอกไม้ใบ แม็กกี้เพิ่งเล่าให้ฟังเมื่อไม่นานมานี้เองว่าได้เปลี่ยนผ้าคลุมเบาะเก้าอี้ทุกตัวในห้องนั้นใหม่โดยใช้สีม่วงสดใสทั้งหมด

“มัมคะ หนูดีใจเหลือเกินที่มัมโทรศัพท์มาแม้มันจะเลยเที่ยงคืนแล้วก็เถอะ” แม็กกี้เอ่ยเมื่อกลับมาพูดสายต่ออีกครั้ง “เหตุการณ์ในเวอร์มองท์เป็นยังไงมั่งล่ะคะ แล้วนี่มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า เพราะเราก็เพิ่งคุยกันเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง หนรู้ดีค่ะว่ามัมคงอยากรู้ใช่ไหมคะ ว่าหนูจะเอายังไงกับบิลลี่ ลิมิเต็ด ต่อไป”

บิลลี่ ลิมิเต็ด ที่แม็กกี้เอ่ยถึงอยู่นี้ คือบริษัทรับออกแบบของมารดา ที่บิลลี่ได้ตัดสินใจว่าจะเกษียณอายุจากการทํางานเสียที และขอร้องให้แม็กกี้เป็นผู้ดําเนินกิจการต่อ

“ที่แม่ทํายังงั้น ก็เพราะมองเห็นอยู่ว่าลูกควรจะทําอะไรนอกจากว่ายน้ำกับอาบแดดให้ผิวคล้ำเสียบ้างเท่านั้นละ แสงแดดน่ะมันไม่ดีกับสุขภาพของลูกเท่าไหร่นักหรอกนะแม็กกี้ ถามจริง ๆ เถอะลูกว่าวัน ๆ ทําอะไรบ้าง”

“ก็...เกาะติดอยู่กับแรนด์ แล้วก็อ่านหนังสือ ว่ายน้ำ ทําอาหารบ้างนิดหน่อย แล้วก็กลับมาอยู่กับแรนด์ใหม่ วนเวียนอยู่แค่นี้ละค่ะมัม”

“ฟังแล้วมองเห็นภาพเลยนะ” บิลลี่พูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริง “รู้สึกว่าลูกจะไม่ยอมให้แรนด์คลาดสายตาไปได้แม้แต่นาทีเดียวเลยนะนี่” ขณะเดียวกันเธอก็ออกจะสงสัยว่าแม็กกี้ จะรู้หรือเปล่า ว่าสามีคอยสอดส่ายสายตามองหาผู้หญิงคนอื่นอยู่

“มันก็คงยังงั้นมังคะ...” น้ำเสียงของแม็กกี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย “หนูคิดว่าตอนนี้เราสองคนติดใจที่นี่มากเลยละค่ะมัม อาทิตย์หนึ่งแรนด์เขาจะไปไฮโลสักสองสามครั้ง เพื่อไปดูโรงงานผลิตน้ำตาล หนูเห็นจะต้องยอมรับนะคะ ว่าเขาทํางานมากกว่าหนูเสียอีก พักหลัง ๆ นี่หนูคิดแต่เรื่องข้อเสนอที่มัมยกบริษัทให้อยู่ตลอดเวลา...เอ้อ...” เธออึ้งไป

“คือ...หนูคิดว่ามัมเองก็รู้จักลูกของตัวดีอยู่แล้วนี่คะ ถ้าหนูกระโดดลงไปทั้งตัวมันก็จะไม่มีเวลาทําอะไรอื่นอีก แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามตอนนี้หนูก็ทําลงไปแล้วละค่ะ แล้วหนูก็กลัวเหลือเกินว่าจะสูญเสียแรนด์ไป...ที่มัมโทรมานี่อยากรู้คําตอบที่แน่ชัดหรือว่า...” แม็กกี้ปล่อยให้คําถามหลังลอยอยู่เช่นนั้

มันจะต้องมีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน บิลลี่สามารถสัมผัสความรู้สึกเช่นนั้นได้ แม้จะพูดกับลูกสาวทางโทรศัพท์ก็ตาม มันเป็นสัญชาตญาณของความเป็นแม่นั่นเอง

“ลูกจ๋า ถ้าเพียงแต่ลูกจะบอกให้แม่รู้ว่าลูกมีความคิดเห็นในทางบวกหรือทางลบกับเรื่องบริษัทนั่นได้ก็จะดีหรอกนะ ไม่ยังงั้นแม่ก็คงเลือกวิธีอื่นหรือไม่ก็ขายมันไปเสียจริง ๆ แล้วแม่ก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเองอยู่เหมือนกันเรื่องเงินที่มีผู้เสนอมาให้ มันก็แค่บริษัทออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าเล็ก ๆ ที่แม่ตั้งขึ้นตอนที่หนูเกิด แต่พอมาถึงวันนี้มันมีราคามหาศาลตั้งร้อยล้านแน่ะ...

“แล้วแม่ก็มีความคิดอยู่ว่า ถ้าลูกไม่สนใจกับเงินจํานวนนี้ มูลนิธิโคลแมนส์ก็อาจจะเอาเงินจํานวนนี้ไปใช้ประโยชน์ทางอื่นได้”

แต่สิ่งที่เธอไม่ได้พูดให้ลูกสาวได้รับรู้ไว้ก็คือ บริษัทเล็ก ๆ ที่เธอตั้งขึ้นไว้นั้น ก็เพื่อจะใช้มันเป็นหลักประกันความมั่นคงทางด้านการเงินของครอบครัว และบิลลี่ ลิมิเต็ด ก็เป็นบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่ายของโคลแมนส์ เอ็นเทอร์ไพร้ซ์ด้วย

“คุณพระช่วย มัมขา...มัมอย่าเพิ่งขายบริษัทนั่นเลยนะคะ ใครกันที่เสนอเงินให้มัมตั้งมากมายยังงั้น พวกญี่ปุ่นใช่ไหม เพราะนักธุรกิจญี่ปุ่นเท่านั้นที่มีเงินมากพอจะซื้อกิจการแบบนี้แล้วเงื่อนไขในการชําระเงินล่ะคะ”

“จ่ายสด”

“คุณพระช่วย...”

“แม่เองก็งงไปเหมือนกัน เพราะจริง ๆ แล้วตลอดเวลาปีครึ่งที่ผ่านมานี้ แม่ก็ไม่ได้ทําอะไรกับบริษัทนั่นเท่าไหร่นักหรอก คล้าย ๆ กับว่ามันดําเนินไปได้ด้วยตัวของมันเองมากกว่า และเมื่อมาถึงเวลานี้ เมื่ออายุแม่ลดน้อยถอยลงทุกวัน แม่ก็อยากจะใช้เวลาอยู่กับธัดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ด้วย”

“งั้นให้หนูลองปรึกษากับแรนด์ดูก่อนนะคะ คงจะให้คําตอบมัมได้ในวันสองวันนี้ละค่ะ คงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”

“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกลูก เอาละ ตอนนี้เรามาคุยกันเรื่องที่มันน่าสนใจจริง ๆ ดีกว่าระยะหลัง ๆ นี่ลูกคุยกับโคลหรือซอว์เยอร์บ้างหรือเปล่าล่ะ อากาศที่นั่นเป็นยังไงมั่ง”

“ลูก ๆ ก็สบายดีค่ะมัม อากาศที่นี่ค่อนข้างร้อน หนูต้องออกมาที่ห้องระเบียงนี่ด้วยเสื้อบาง ๆ ข้างนอกนี่มันค่อยมีลมหน่อยช่วยให้สบายขึ้นเยอะเลย อยากจะขดตัวนอนอยู่แต่ในห้องนี้ทั้งคืนเสียด้วยซ้ำ มันเหมือนสวรรค์เลยละค่ะมัม...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel