ตอนที่3
“อวี้เหมย... ผมรักคุณนะ รักคุณคนเดียว รักเสมอและรักตลอดไป พักผ่อนให้สบายนะที่รัก ผมจะดูแลลูกของเราให้ดีที่สุด อาหมิงเป็นตัวแทนความรักของเราสองคน ผมไม่มีวันใครหรืออะไรมาทำอันตรายแกเด็ดขาด ผมสัญญา...”
จางหลงหยิบช่อกุหลาบสีขาวหอมกรุ่นมาถือไว้ แตะริมฝีปากบนกลีบดอกทุกดอกเบาๆ สัมผัสด้วยความรักในหัวใจส่งผ่านความรู้สึกอ่อนหวานนั้นลงบนกลีบบางของกุหลาบ แล้ววางช่อดอกไม้ใกล้รูปถ่ายของภรรยา ส่งยิ้มอ่อนโยนให้เธอเหมือนที่เคยทำ
“สุขสันต์วันเกิดครับ อวี้เหมย...”
เขาอวยพรวันเกิด ให้คนสำคัญด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ร่างสูงค่อยๆ ยอบตัวลงนั่ง ปลายนิ้วแตะไล้ดวงหน้างดงาม ดวงตาทอดมองเธอด้วยความอาลัยรัก
ร่างสูงอยู่ในท่านั้นนิ่งนาน สายตาจับจ้องภาพถ่ายไม่ยอมกะพริบตา สายลมเย็นพัดมาเอื่อยๆ ห่มคลุมร่างนั้น ละม้ายมือนุ่มๆ ของใครบางคนกำลังลูบไล้แผ่นหลังกว้างด้วยความห่วงหา ผ่อนคลายความร้อนรุมในหัวใจ บรรเทาความเหนื่อยล้าให้เบาบางลง แสงสีส้มทอดจับใบหน้าคมคาย ปลายลำแสงอาบไล้เรือนกายแกร่ง ก่อนจะเลือนหายไปเมื่อดวงอาทิตย์อำลาผืนฟ้า นำพาม่านดำแห่งราตรีกาลเข้าปกคลุมผืนโลก ดั่งเช่นชีวิตมนุษย์ที่มีเกิดย่อมมีดับตามวัฎสงสาร ไม่มีใครหลีกหนีพ้น ...
“อวี้เหมยผมกลับก่อนนะ วันหนึ่ง... ผมจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณนะที่รัก”
จางหลงขยับกายลุกขึ้นยืน พร้อมเอ่ยลาภรรยาสุดที่รัก เขาหมุนกายเดินกลับไปยังรถที่จอดรออยู่ ใบหน้าหมองเศร้าเคร่งขรึมลง เมื่อกลับเขาสู่โลกแห่งความจริงอันแสนโหดร้าย โลกที่คนมีชีวิตยังต้องดิ้นรนต่อสู้ต่อไป
“คุณอ้อยโทรมาบอกว่า หลานสาวของเธอจะเดินทางมาถึงในอีกสองวันครับ” อาปิงรายงานให้ผู้เป็นนายทราบ
จางหลงชะงักนิ่ง ก่อนจะยิ้มร้าย “ดีมาก เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่าให้คุณอ้อยรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
อาปิงพยักหน้ารับ สีหน้าหนักใจไม่น้อย สิ่งที่เขากำลังทำหากภรรยารู้เข้าคงไม่ยอมยกโทษให้แน่ แต่เขาไม่อาจปฏิเสธได้เมื่อทุกอย่างเป็นความต้องการของผู้เป็นนาย เกมทวงแค้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อจางหลงคิดใช้น้องสาวของหย่งเผิงเป็นหมากในเกมนี้...
สองวันต่อมาอิงอรก็เดินทางมาถึงฮ่องกง หญิงสาวเดินทางโดยไม่ได้บอกพี่ชาย เมื่อรู้จากอาเฟยที่นำของขวัญวันเกิดมาส่งให้ว่า พี่ชายของเธอเดินทางไปฮอกไกโดเพื่อร่วมประชุมกับเพื่อนนักธุรกิจ มีกำหนดกลับในอีกหนึ่งอาทิตย์ อิงอรจึงตัดสินใจไม่รอบอกพี่ชายเกรงคนเป็นน้าจะรอนาน การเดินทางครั้งนี้เธอไม่ได้มาเพียงลำพังเมื่อริวอิจิรู้ว่าน้าสาวของเธอกำลังจะคลอดก็ขอมาเยี่ยมด้วย อิงอรเลยไม่กล้าปฏิเสธจำต้องยอมให้เขาตามเธอมาด้วย เพื่อนชายของเธอคนนี้มีอายุมากกว่าเธอสองปีแต่เรียนช้า เลยต้องมาเรียนชั้นเดียวกับเธอ อิงอรรู้จักกับริวอิจิตั้งแต่สมัยมัธยมเขาเป็นเพื่อนชายคนเดียวที่อารีย์ยอมให้หลานสาวคบหา ด้วยรู้จักกันมาตั้งแต่เป็นเด็กจึงเป็นที่ไว้วางใจของน้าสาวจอมหวง
“นี่น้ำอิง ริวว่าเราเรียกแท็กซี่ไปกันเถอะ นี่รอมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นใครมารับเลย”
ริวอิจิยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ใบหน้าเริ่มแสดงสีหน้าหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย เมื่อถูกสายตาของหญิงสาววัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ที่มารอรับศิลปินคนโปรดพากันเมียงมองอย่างสนใจ เขาไม่ชอบทำตัวเป็นที่สนใจ ตอนอยู่เมืองไทยมีโมเดลลิ่งหลายต่อหลายแห่งมาทาบทามให้เป็นนายแบบแต่ถูกชายหนุ่มปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย บางแห่งลงทุนไม่จับเซ็นสัญญาขอแค่ดูแลและรับงานให้ ริวอิจิก็ยังเฉย เมื่อถูกกวนมากๆ ชายหนุ่มก็ด่ากราดเข้าให้ แต่ถึงกระนั้นความหล่อของเขาก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกรำคาญอยู่เสมอ
“น้าอ้อยบอกว่าน้าเขยจะมารับ เดี๋ยวก็คลาดกันหรอก น้ำอิงไม่อยากให้น้าอ้อยเป็นห่วง รออีกสักนิดนะบางทีรถอาจจะติดก็ได้” อิงอรเกาะแขนเพื่อนชาย ยิ้มหวานให้คนขี้หงุดหงิด
ริวอิจิถอนหายใจยาว พยักหน้ารับอย่างจำยอม “อื้อ... ก็ได้” เวลาเห็นรอยยิ้มจากเธอทีไร เขาไม่เคยใจแข็งได้สักหน
สิบสามปีสินะที่รู้จักกันมา จากเด็กหญิงผมเปียขี้แยกลายมาเป็นหญิงสาวแสนแกร่ง เขาไม่เคยเห็นเธอร้องไห้อีกนับตั้งแต่วันที่มารดาของอิงอรตายไป เพื่อนสาวของเขาเป็นเด็กผู้หญิงท่าทางนุ่มนิ่ม แต่จิตใจเข้มแข็งเกินใคร แม้จะเจอเรื่องกดดันเพียงใดก็ตาม เธอไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายให้เห็น มีแต่ลุกขึ้นสู้ ยิ้มสู้กับทุกปัญหาและก้าวผ่านมันไปได้อย่างน่าทึ่ง ริวอิจิจึงเทหัวใจรักอิงอรเต็มหัวใจ พยายามใช้ความเป็นเพื่อนเป็นสะพานทอดเข้าสู่หัวใจของเธอ หวังว่าวันหนึ่งอิงอรจะมองเห็นความเอาใจใส่ที่เขาเพียรดูแลเธอมานานกว่าสิบปีบ้าง
“คุณน้ำอิงใช่ไหมครับ ผมอาปิงสามีคุณอารีย์ครับ”
ชายร่างสูงใหญ่ เดินตรงเข้ามาทักทายพร้อมแนะนำตัว ทำให้คนที่รออยู่ยิ้มกว้างรีบยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ น้าเขย เรียกหนูว่าน้ำอิงเฉยๆ เถอะค่ะ” อิงอรทำความเคารพน้าเขย แล้วผายมือไปยังเพื่อนชาย “นี่ริวอิจิค่ะ เป็นเพื่อนของน้ำอิง เขารู้จักกับน้าอ้อยค่ะเลยขอตามมาเยี่ยมด้วย”
อาปิงหันไปมองชายหนุ่มรูปร่างสูงผิวขาวจัด ใบหน้าหล่อเหลาครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“แล้วจะหนูน้ำอิงจะให้เพื่อนพักด้วยกันไหมครับ น้าจะได้สั่งให้เขาจัดห้องให้” อาปิงเอ่ยถาม
“ผมไม่รบกวนดีกว่าครับ จองโรงแรมไว้แล้ว พอดีจะมาเที่ยวด้วยเกรงจะไม่สะดวก”
ริวอิจิเป็นคนตอบคำถามนี้เอง เขามองน้าเขยของเพื่อนสาวอย่างสำรวจ อีกฝ่ายมีลักษณะบางอย่างน่ากลัวไม่น้อย แม้จะมีท่าทางเป็นมิตรแต่สายตาที่มองเขา มีแววตาบางอย่างที่เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวแฝงเร้นอยู่ กลิ่นไอนักฆ่าฉายโชนออกมาจากแววตาคู่นั้น อิงอรเล่าให้ฟังเพียงว่าน้าเขยทำงานให้เจ้านายของน้าสาว แต่ไม่ได้บอกว่าทำงานอะไร หญิงสาวอาจไม่รู้หรืออีกฝ่ายไม่เปิดเผยให้รู้ เขาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนสาวขึ้นมา จากที่ตั้งใจจะเดินทางมาเป็นเพื่อน ริวอิจิคิดว่าคงต้องอยู่ยาว จนกว่าน้ำอิงจะกลับญี่ปุ่นถึงจะหายห่วง
ภายในโรงแรมหรูของฮอกไกโด หย่งเผิงกับทาเคชิหัวหน้าแก๊งมิสึโยชินั่งเอนหลังอยู่ในห้องซาวน่าด้วยกัน ด้านนอกมีลูกสมุนในชุดสูทสีดำยืนดูแลอยู่ ปล่อยให้ผู้เป็นหัวหน้าได้พักผ่อนอยู่ภายในอย่างไร้กังวล ร่างผอมสูงของหย่งเผิงปรากฏริ้วรอยแผลเป็นทั่วแผ่นอกเป็นรอยกรีดหลายสิบรอย แขนข้างซ้ายมีรอยแผลน่าเกลียดเกิดจากรอยไฟไหมปรากฏอยู่ ด้านหลังของเขามีรอยสักรูปมังกรเต็มแผ่นหลังช่วงหัวของมังกรมีรอยแผลเป็นรอยใหญ่นูนขึ้น ทำให้รอยสักเสียรูปไม่สวยงามเหมือนเก่า ต่างจากร่างหนาของทาเคชิที่เต็มไปด้วยลวดลายสีสันสวยงามตลอดทั้งตัว มองดูคล้ายกับสวมเสื้อเอาไว้ แม้ขณะเปลือยยังมองไม่เห็นผิวเนื้อเพราะเต็มไปด้วยรอยสักเต็มพื้นที่ บ่งบอกคุณลักษณะของยากูซ่าผู้ซึ่งอยู่เหนือกฏเกณฑ์ของสังคม
“เดือนหน้าน้องสาวของคุณจะรับปริญญาแล้วสินะ” ทาเคชิเปรยขึ้น ขณะใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดไว้ ซับเหงื่อบนใบหน้า
หย่งเผิงยิ้มเย็น พยักหน้ารับสีหน้าเรียบนิ่ง “ใช่ครับ ลูกชายของคุณก็เรียนจบพร้อมกันนี่ครับ”
“ริวอิจิมันดื้อ จนป่านนี้แล้ว ยังไม่ยอมรับรับตำแหน่งทายาทต่อจากผม”
ทาเคชิยิ้มขื่น สีหน้าเหนื่อยหน่ายเมื่อนึกถึงลูกชายคนเดียวของเขาขึ้นมา “ถ้าน้องสาวของคุณไม่มาเรียนต่อที่นี่ ไอ้ลูกชายของผม คงไม่ยอมกลับมาให้เห็นหน้า”
