3.บุพเพฯ เล่นแง่
*** ทักทายคร้า ***
เสียงฝีเท้าคนกลุ่มใหญ่เดินตรงมาที่ห้องรับรองของโรงพยาบาลหลวง ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกด้วยมือของทหารเวรที่ยืนอยู่ด้านหน้า ทุกคนในห้องประชุมลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับชีคจามินและชีคฮามัตที่เดินเข้ามา ชีคจามินสบตานายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ในห้องด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“คืบหน้าไปถึงไหนแล้วรามาเอล” เสียงแหบพร่าของชีคชราที่เพิ่งผ่านนาทีแห่งความเป็นความตายมาหมาดๆ ถามออกมา ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ทหารนำมาให้ แต่ชีคฮามัตยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตาจับจ้องภาพชายชราบนผนังที่เขาเพิ่งให้องครักษ์พาไปส่งโรงพยาบาลเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา
“คืบหน้าไปพอสมควรครับท่านอา ตอนนี้ฟรังซ์กับอาลีกำลังไปจับตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบสวนที่กระทรวงกลาโหมอยู่ครับ” รามาเอลบอกหลังจากที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม สายตาคมมองร่างผอมสูงของชีคฮามัตที่ยังคงสนใจกับภาพที่เปิดค้างไว้
“นายรู้จักผู้ชายในรูปนั้นเหรอฮามัต”
ฮามัตหันไปมองคนถามแล้วนั่งลงข้างชีคจามิน
“ทำไมจ้องหน้าฉันแบบนี้ล่ะราม” ชีคฮามัตถามกลับด้วยน้ำเสียงยั่วอารมณ์ รามาเอลยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ก่อนจะเหลือบตามองภาพบนผนัง
“นายมองเหมือนรู้จักผู้ชายคนนี้”
“ก็เพิ่งรู้จักชั่วโมงที่แล้วนี่เอง” ชีคฮามัตสบตาคมเข้มเต็มไปด้วยคำถามของนายพลหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ก่อนจะบอกออกไป “ก่อนหน้าที่ฉันจะมาที่นี่ฉันแวะไปที่โรงแรงอดัมพ์โฮเทล เห็นผู้ชายคนนี้ท่าทางอิดโรยไม่สบาย ฉันก็เลยให้ฟามินพาไปส่งโรงพยาบาล”
ได้ยินเพียงเท่านั้นร่างสูงใหญ่ของนายพลรามาเอลก็ลุกพรวดขึ้น ดวงตาคมแข็งกร้าวจนดูน่ากลัว
“อะไรนะ! นายพาผู้ชายคนนั้นออกจากอดัมพ์โฮเทลไปแล้วเหรอ” เร็วเท่าความคิด มือใหญ่หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาองครักษ์คนสนิททันที
“ฟรังซ์ ไปที่สนามบินเร็ว ชาง เฉินน่าจะไปที่นั่น” รามาเอลสั่งเสียงเข้ม สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าผอมยาวจนเห็นโหนกแก้มของชีคฮามัต
ครู่ต่อมาโทรศัพท์ที่ถูกสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทหารไม่นานก็มีสายเรียกเข้าดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ว่าไงอัสซาน”
“มีเครื่องบินลำหนึ่งออกจากสนามบินก่อนหน้าที่เราจะปิดสนามบินเมื่อสิบนาทีที่แล้วครับ”
คำบอกเล่าของคนปลายสายทำให้รามาเอลออกอาการหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“ตรวจสอบปลายทางแล้วสั่งคนของเราไปดักรอที่นั่น”
“เกิดอะไรขึ้นราม” จามินถามเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
“คนที่เราสงสัยออกนอกประเทศไปได้ครับท่านอา” รามาเอล บอกพลางชำเลืองมองชีคฮามัตที่นั่งมองเขาอยู่
“ถ้าผู้ชายแก่ๆ คนนั้นแบกปืนมาฆ่าคนได้ ฉันว่ามันแปลกไปหรือเปล่าราม หรือนายต้องการโยนความผิดมาให้ฉัน”
“อย่าร้อนตัวสิฮามัต คนเจ็บคือพ่อฉัน คนร้ายจะเป็นใครฉันก็ต้องล่าตัวมันมารับโทษอยู่แล้ว และใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเรื่องเลวร้ายทั้งหมด อานุภาพของกฤชแสงจันทร์จะลงโทษคนผู้นั้นไม่ช้าก็เร็ว” รามาเอลบอกอย่างดุดัน มือหนากำเข้าหากันแน่นอย่างโมโห ความโกรธแค้นอัดแน่นอยู่ในอกจนแทบจะระเบิดออกมา และก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่าเดิม โกเมซก็เปิดประตูเข้ามา
“หมอออกมาแล้วครับ” โกเมซบอกแล้วรีบกลับออกไป
รามาเอลและชีคจามินเดินนำทุกคนออกจากห้องอย่างรีบร้อน ใจห่วงคนที่ได้รับอันตราย
รามาเอลเดินตรงไปที่หน้าห้องฉุกเฉิน นายแพทย์วัยกลางคนสวมแว่นสายตาท่าทางอ่อนโยนพร้อมกับทีมแพทย์โค้งคำนับผู้นำรัฐอย่างเคารพ พร้อมกับผายมือเชิญทุกคนไปที่ห้องรับรอง
“อาการท่านพ่อเป็นยังไงบ้างหมอ” โกเมซถามทันทีที่ประตูห้องรับรองปิดลง
ทุกสายตาจ้องหัวหน้าทีมแพทย์ด้วยสีหน้าบ่งบอกถึงความเคร่งเครียด ใจจดจ่อรอคอยคำตอบที่จะได้ยิน
“กระสุนเจาะทะลุปอดจนฉีกขาด อวัยวะภายในเสียหายพอสมควรครับท่านนายพล สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือสวดขอพรต่อองค์อัลลาห์ให้ประทานความเข้มแข็งและชีวิตใหม่ให้กับองค์ฮันด์” สิ้นเสียงคุณหมอ ห้องทั้งห้องเงียบกริบ ทุกคนนิ่งราวถูกสาปกับสิ่งที่ได้ยิน
เมื่อเหตุการณ์เลวร้ายยังอยู่ สิ่งที่รามาเอลทำได้ตอนนี้ก็คือรวบรวมความเข้มแข็งและจัดการงานทุกอย่างแทนบิดาอย่างมีสติ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ส่วนชีคจามินก็บีบไหล่แกร่งอย่างให้กำลังใจ
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
รถแท็กซี่สีชมพูคาดเขียวตีไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าไปจอดข้างฟุตพาทตรงข้ามกับร้านขายดอกไม้ที่อยู่ในอาคารพาณิชย์หลังสีขาว ร่างสูงเพรียวในชุดกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มสวมทับด้วยเสื้อสูทสีน้ำตาลก้าวลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบย่อม ดวงตาคมรีภายใต้แว่นกันแดดอันใหญ่มองป้ายชื่อร้านดอกไม้ที่อยู่อีกฟากถนนด้วยดวงตาเป็นประกาย...
พิมพ์ฟลาวเวอร์
มือเรียวขาวสะอาดผลักประตูเข้าไปในร้าน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้อบอวลไปทั่วร้าน ดอกไม้หลากหลายชนิดถูกจัดใส่แจกันวางตามมุมต่างๆ อย่างกลมกลืนและสวยงาม กลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดกระจายไปทั่วร้านทำให้คนที่เข้ามารู้สึกสดชื่นเสมอ ใบหน้าคมสันส่ายไปมาเพื่อมองหาเจ้าของร้าน พอเห็นร่างโปร่งระหงคุ้นตา ริมฝีปากบางรูปกระจับก็คลี่ออกมาแล้วเดินเข้าไปใกล้ แต่เจ้าของเรือนร่างระหงก็ยังไม่รู้ว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในร้าน
“สั่งดอกไม้ครับ” เสียงทุ้มที่ถูกแต่งเติมบอกพร้อมประกายตาวับวาวขี้เล่น ทำให้ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มเมื่อได้ยินเสียงลูกค้าดังมาจากข้างหลัง
“จะรับเป็นช่อหรือเป็นกระเช้าดีคะ” เจ้าของเรือนร่างโปร่งระหงถามเสียงหวานพร้อมกับหันไปมองลูกค้า แต่พอเห็นหน้าชัดๆ ดวงตากลมโตสุกใสก็เบิกกว้าง ริมฝีปากสีชมพูระเรื่ออ้าค้างอย่างดีใจ
“พี่ธนา” พิมพ์ดารา วรกุล น้องสาวสุดที่รักของธนาธรกระโดดเข้าไปกอดพี่ชายทั้งตัวอย่างคิดถึง ธนาธรรับร่างน้องสาวไว้แล้วยกหมุนไปรอบๆ เหมือนสมัยเด็ก
“พี่ธนาจริงๆ ด้วย พิมพ์คิดถึงพี่ธนาที่สุดเลยค่ะ” พิมพ์ดาราบอกเสียงหวาน ลำแขนกลมกลึงโอบรอบลำคอหนาแน่นจนพี่ชายแกล้งโวยวายเสียงดังลั่น
“โอ๊ยแม่พิมพ์จ๋า แม่พิมพ์หน้าหวาน พี่ชายหายใจไม่ออกแล้วนะ” ธนาธรวางร่างพิมพ์ดาราลงไปยืนกับพื้น มือบางดันร่างกำยำของพี่ชายออกห่าง สายตากวาดมองคนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าอย่างพิจารณา
“น้องกอดนิดกอดหน่อยทำเป็นร้องโวยวาย ทีสาวๆ กอดแน่นกว่านี้ไม่เห็นร้องสักคำ” หญิงสาวต่อว่าเสียงกระเง้ากระงอดหลังจากกราบบนอกกว้างอย่างเคารพรัก
ธนาธรกอดน้องสาวแนบอกแล้วยกมือลูบศีรษะนุ่มสลวยอย่างแสนรัก ก่อนจะโยกไปมา
“ก็อ้อมกอดสาวๆ เร้าใจกว่านี่จ๊ะคุณน้อง”
พิมพ์ดาราหน้างอง้ำ ก่อนจะจับมือหนาดึงไปนั่งที่โซฟารับแขกที่จัดไว้ต้อนรับลูกค้า
“มานี่เลยพี่ธนา มาให้สอบสวนซะดีๆ จะไปจะมาไม่บอกกันสักคำ ไปหาที่บริษัทเด็กก็บอกว่าไปต่างประเทศ โทรศัพท์ก็ไม่ยอมเปิด รู้ไหมพิมพ์เป็นห่วงมากแค่ไหน” พูดจบพิมพ์ดาราก็สูดลมหายใจเข้ายาวๆ จนพี่ชายหัวเราะอย่างขบขัน “ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะคะ พิมพ์งอนแล้วนะ” หญิงสาวกอดอกเมินหน้ามองออกไปนอกร้าน
“ก็ได้ๆ บอกก็ได้ พี่ไปเที่ยวอียิปต์มา” หญิงสาวตาโตเมื่อพี่ชายเอ่ยถึงเมืองที่เธอฝันอยากไปมานาน แต่ก็ไม่ได้ไปสักที
“ว้าว! จริงเหรอคะ แล้วเห็นพีระมิดกีซาไหมคะ” พิมพ์ดาราสบตาคมรีอย่างรอคำตอบ ธนาธรพยักหน้าแล้วหยิบเซรามิกพีระมิดจากกระเป๋าส่งให้น้องสาว
“ของฝากจากอียิปต์จ้ะแม่พิมพ์หน้าหวาน”
พิมพ์ดาราตาโตรับของฝากอย่างตื่นเต้น ก่อนจะโน้มตัวไปหอมแก้มสากฟอดใหญ่อย่างขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะพี่ธนา ไปคนเดียวไม่ยอมชวนน้องสักคำ” หญิงสาวบอกอย่างงอนๆ มือหนาจึงยกขึ้นจับศีรษะเล็กโยกไปมา
“เอาน่า เดือนหน้าพี่ว่างเราปิดร้านไปเที่ยวสักสองอาทิตย์ยังได้ แต่ตอนนี้เหนื่อยแล้วก็ง่วงด้วย ขอไปอาบน้ำนอนก่อนนะน้องรัก” ว่าแล้วร่างสูงเพรียวก็ลุกขึ้นและคว้ากระเป๋าคล้องบ่าเดินขึ้นบันไดขึ้นไปชั้นบน
“เดี๋ยวเที่ยงๆ พิมพ์จะทำอาหารที่พี่ชอบไว้รอนะคะ” เสียงหวานตะโกนบอก สายตามองพี่ชายอย่างมีความสุข ตั้งแต่พ่อกับแม่ของเธอจากไป พี่ชายก็ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้เธอ หลายครั้งพี่ชายเดินทางไปต่างประเทศแล้วเงียบหายไปจนบางครั้งเธอก็อดห่วงไม่ได้
พิมพ์ดาราถอนหายใจแรงๆ ถือพีระมิดจำลองไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินไปจัดดอกไม้รอลูกค้าที่นัดไว้
เสียงกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีลูกค้าเข้ามา ริมฝีปากอวบอิ่มแย้มยิ้มและเอ่ยทักทายตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าด้วยซ้ำ
“สวัสดีค่ะ รับดอกไม้อะไรดีคะ” เสียงหวานใสเอ่ยทักทายแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง ทำให้ร่างสูงสง่าสวมสูทสากลสีเข้มของนายพลรามาเอลชะงัก สายตาคมกวาดมองหาเจ้าของเสียง แล้วเจ้าของเสียงหวานใสก็เดินออกมาจากด้านหลังแจกันอันใหญ่ที่มีดอกกุหลาบสีต่างๆ เสียบแซมอยู่
“รับดอกไม้ชนิดไหนดีคะ จะรับเป็นช่อหรือเป็นกระเช้า แล้วจะให้เนื่องในโอกาสไหนคะ วันเกิดหรือวันบอกรัก หรือให้ผู้ใหญ่ที่นับถือ ทางร้านจะได้จัดให้ถูกใจค่ะ” เธอถามไปหลายประโยคแต่ก็ไม่มีเสียงตอบจากร่างสูงสง่าที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่พิมพ์ดารามั่นใจว่าดวงตาภายใต้แว่นกันแดดนั้นกำลังมองมาที่เธอ เมื่อคนตรงหน้าไม่ตอบ หญิงสาวจึงมองไปที่กลุ่มชายฉกรรจ์สวมสูทสีดำหน้าตาเรียบเฉยที่ยืนอยู่นอกร้าน ร่างสูงขยับตัวทำให้พิมพ์ดาราถอยไปข้างหลังอย่างระวังตัว สัญชาตญาณบางอย่างบอกเธอถึงอันตรายจากผู้มาใหม่ มือเรียวสวยหยิบแจกันเล็กสองอันไปถือไว้
“พวกคุณไม่ได้มาซื้อดอกไม้”
ริมฝีปากได้รูปยกขึ้นน้อยๆ เหมือนจะยิ้มกับท่าทางเตรียมพร้อมของเธอ...แจกันอันเท่านี้จะทำอะไรได้แม่คุณ
“ใครบอก...ผมต้องการดอกไม้ช่อใหญ่ๆ สักช่อ ไปกราบญาติผู้ใหญ่เนื่องในวันเกิดครบรอบหกสิบปี คำตอบครบหรือเปล่าครับคุณผู้หญิง”
สำเนียงภาษาไทยชัดเจนดังออกมาจากปากของเจ้าของร่างสูง ทำให้พิมพ์ดาราถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก...คิดว่าเป็นพวกโจรมาปล้นร้านซะอีก ดูหน้าตาแต่ละคนสิ ไร้ความรู้สึกสิ้นดี เธอค่อนขอดอยู่ในใจ ก่อนจะวางแจกันไว้ที่เดิม
“จะรับเป็นดอกไม้ชนิดไหนดีคะ”
“ดูให้ด้วยก็แล้วกัน ราคาผมไม่เกี่ยง” เสียงทุ้มกังวานเอ่ยบอก หญิงสาวจึงส่งแบบช่อดอกไม้ให้เขาเลือก
“ลองดูค่ะชอบแบบไหน แล้วคุณจะรอรับไปเลยหรือจะให้เด็กที่ร้านไปส่งคะ” เจ้าของร้านถามพลางเอียงตัวไปดูแบบที่เขาเลือก ทำให้ใบหน้าหวานยื่นเข้าไปใกล้อกกว้าง กลิ่นกายหอมละมุนจากหญิงสาวทำให้รามาเอลอดไม่ได้ที่จะสูดความหอมนั้นเข้าจนเต็มปอด
“ผมจะรอ” เขาบอกแล้วยื่นอัลบั้มคืนให้ พิมพ์ดารายื่นมือไปรับ ปลายนิ้วเรียวสวยชนกับปลายนิ้วแกร่งของเขา มีผลให้ร่างสองร่างชะงักงันคล้ายกับมีกระแสบางอย่างวิ่งชนกันที่ปลายนิ้ว พิมพ์ดาราหน้าร้อนผ่าวถืออัลบั้มไปวางบนเคาน์เตอร์เพื่อหลบสายตาคม
“เชิญนั่งก่อนนะคะ น้อยจ๊ะ เอาน้ำมาเสิร์ฟแขกด้วยจ้ะ” หญิงสาวบอกเด็กในร้านที่ยืนเช็ดกระจกอยู่
รามาเอลสบตาฟรังซ์แล้วเดินไปนั่งที่โซฟา สายตาคมมองไปรอบๆ ก่อนจะไปหยุดที่บันไดวนทอดยาวขึ้นไปชั้นบน
ดวงตากลมโตมองตามร่างสูงบึกบึนของฟรังซ์ที่เดินออกจากประตู แล้วชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่หน้าร้านก็หายไป จะเหลือก็แต่ร่างสูงที่นั่งไขว่ห้างอ่านนิตยสารที่วางอยู่ตรงหน้าเหมือนไม่สนใจเธอ แต่หญิงสาวหารู้ไม่ว่าทุกย่างก้าวของเธอมีสายตาคมมองอยู่ตลอดเวลา
****
