2.บทนำ
*** ทักทายคร้า ***
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รามาเอลและหน่วยรบพิเศษก็มาถึงโรงแรมอดัมพ์โฮเทล ทหารเกือบร้อยนายกระจายกำลังตรวจตรารอบบริเวณ แขกที่เข้าพักทั้งหมดถูกเชิญมารวมตัวกันที่ล็อบบี้ชั้นล่างเพื่อลงประวัติและตรวจสัมภาระ
“ฟรังซ์ อาลี ตรวจค้นทุกห้องจากชั้นล่างขึ้นไป ฉันกับอัสซานจะขึ้นไปที่ดาดฟ้า ห้ามให้ใครเข้าออกที่นี่โดยเด็ดขาด”
สั่งเสร็จรามาเอลก็เดินเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับอัสซานและทหารอีกสิบนาย แต่ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดสนิทสายตาคมก็ไปสะดุดกับชายแก่ผิวดำแดงลักษณะคล้ายคนเอเชียคนหนึ่งยืนอยู่ท้ายแถว นายพลหนุ่มจึงเดินออกจากลิฟต์ตรงไปหา ดวงตาคมกริบมองใบหน้าขึ้นเหลี่ยมและถามออกไปอย่างสุภาพ
“คุณลุงมาจากไหนครับ”
“มาจากไต้หวันครับท่านนายพล เห็นเขาเล่าลือว่าทะเลทรายที่นี่สวยมาก ฉันก็เลยมาเที่ยว”
เสียงแหบพร่าของชายชราบอกด้วยรอยยิ้ม รามาเอล แอบพิจารณาคนตรงหน้าและแขกที่ยืนอยู่ด้านหลัง เมื่อไม่พบความผิดปกติจึงกลับเข้าไปในลิฟต์ ชายแก่ที่อ้างตัวว่าเป็นชาวไต้หวันถึงกับเป่าลมออกจากปากอย่างโล่งใจ แล้วเดินไปลงทะเบียนประวัติไว้กับทหารเหมือนคนอื่นๆ
“เจอหลักฐานอะไรไหมอัสซาน”
นายทหารคู่ใจยืดอกโค้งคำนับผู้บังคับบัญชา แล้วส่งคู่มือการใช้คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัทยักษ์ใหญ่รายหนึ่งให้แก่ผู้มาใหม่
“ไม่มีลายนิ้วมือ ไม่มีร่องรอยอื่นๆ หลงเหลือ นอกจากหนังสือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เล่มนี้ครับท่านนายพล”
มือหนายื่นไปรับแล้วเปิดอ่านเนื้อหาในเล่มด้วยใบหน้าเคร่งเครียด จนกระทั่งมาถึงหน้าสุดท้ายที่มีเนื้อหาอธิบายถึงการใช้คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่หาพิกัดการเคลื่อนไหวภายในรัศมีไม่เกินห้ากิโลเมตร แสดงว่ามือปืนที่ลงมืออุกอาจในครั้งนี้คงเป็นถึงโปรแกรมเมอร์ระดับหัวกะทิแน่
รามาเอลเดินสำรวจห้องพักที่เขามองมาแล้วเห็นคนชุดดำที่ลั่นไกปืนอย่างละเอียด
“ให้ฝ่ายความมั่นคงหาชนิดของปืนที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด และปิดห้องนี้อย่าให้ใครเข้าออกจนกว่าจะจับคนร้ายได้”
“เดี๋ยวผมให้คนของเราหารายชื่อโปรแกรมเมอร์มือดีในแถบนี้ด้วยครับ” ฟรังซ์บอกเสียงเรียบ แววตาดุดันไม่แพ้เจ้านาย
“หาโปรแกรมเมอร์แถบเอเชียด้วยนะฟรังซ์”
สิ้นเสียงผู้บังคับบัญชา ฟรังซ์ อาลี และอัสซานถึงกับมองหน้านายพลรามาเอลอย่างใคร่รู้
“ท่านนายพลเห็นหน้าคนร้ายหรือครับ” อาลีถามเสียงเบาพอได้ยินกันสี่คน รามาเอลมองทหารที่ตรวจหาหลักฐานอยู่ในห้อง
“ไม่เห็น แต่ฉันมั่นใจ ดวงตาดำคมรีคู่นั้นไม่ใช่นักฆ่าทะเลทราย บวกกับรูปร่างไม่สูงใหญ่เหมือนชาวตะวันตก”
รามาเอลมองไปยังหน้าต่างบานที่คนร้ายใช้ในการลงมือ พลางนึกถึงนัยน์ตาเยือกเย็น มุ่งมั่นและเต็มไปด้วยความรุ่มร้อนของคนร้าย
“งั้นเราก็มุ่งประเด็นไปที่นักท่องเที่ยวเอเชียที่เข้ามาในรัฐได้สิครับ” อาลีเอ่ยแล้วรีบโทรศัพท์สั่งการไปที่กระทรวงการต่างประเทศให้ตรวจเช็กคนเอเชียที่เข้ามาท่องเที่ยวในอานาเวียร์ แต่การสนทนาจำต้องหยุดชะงักลงเมื่อโทรศัพท์ของฟรังซ์ดังขึ้น เจ้าของเครื่องพูดสายไม่นานก็ส่งให้รามาเอล
“คุณชายโกเมซต้องการเรียนสายด้วยครับท่านนายพล”
รามาเอลหยิบขึ้นมาแนบหูและถามออกไปอย่างร้อนใจกับอาการของบิดา
“ท่านพ่อเป็นยังไงบ้างโกเมซ”
“พี่รีบมาที่โรงพยาบาลตอนนี้เลยนะครับ” คนปลายสายไม่ตอบคำถาม แต่ตอบกลับมาอย่างร้อนรนไม่แพ้กัน องครักษ์ทั้งสามขยับตัวเมื่อร่างสูงก้าวออกจากห้องอย่างรีบร้อน
กลุ่มนายทหารองครักษ์เดินออกจากลิฟต์ไปอย่างเร่งรีบ ทำให้แขกที่นั่งรวมตัวกันอยู่ในล็อบบี้หันไปมองอย่างสนใจ ชายชราที่มาจากไต้หวันมองร่างสูงสง่าของนายพลรามาเอลแล้วเหยียดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะก้มหลบสายตาคมที่หันขวับมามอง แต่ความห่วงใยในความปลอดภัยของผู้ให้กำเนิดทำให้รามาเอลไม่มีเวลาซักถามเพื่อไขข้อข้องใจของตัวเอง
ขบวนรถคาดิลแลคแบบทหารที่ติดตราวังวาเนียร์ด้านข้างวิ่งออกไปไม่นาน ขบวนรถของชีคฮามัตก็เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ร่างผอมสูงของชีคฮามัตก้าวลงจากรถแล้วเดินเข้าไปข้างใน ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่างโค้งคำนับ ใบหน้ายาวรีของชีคฮามัตยิ้มน้อยๆ เป็นการทักทาย ก่อนจะกวาดตามองบรรดาแขกของโรงแรมที่นั่งรวมตัวกันอยู่ แล้วไปหยุดสายตาที่ชายชราชาวไต้หวัน จากนั้นก็เดินเข้าไปหาช้าๆ
“ดูหน้าท่านลุงเหมือนจะไม่สบายใช่ไหม” ดวงตาเล็กรีทอดขนานกับคิ้วหนามองใบหน้ายับย่นของชายชรา ก่อนจะก้มไปประคองให้ลุกขึ้น ความปรานีและความอ่อนโยนที่ชีคหนุ่มแสดงแสดงออกมาทำให้หลายคนมองด้วยสายตาชื่นชม
“โอ้ ขอบคุณในความกรุณาของท่านชีคผู้เมตตากับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างข้า” ชายชราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าอย่างซึ้งใจ
“ไม่เป็นไร เราจะให้คนของเราพาท่านไปหาหมอเดี๋ยวนี้”
“เราคงปล่อยใครออกจากที่นี่ไม่ได้หรอกครับองค์ฮามัต เพราะเป็นคำสั่งของท่านนายพลรามาเอล” นายทหารยศร้อยเอกบอกอย่างนอบน้อมก่อนจะโค้งคำนับอย่างให้เกียรติ
ชีคฮามัตถึงกับหันขวับไปมองด้วยแววตาดุดัน
“เจ้าไม่เห็นเหรอว่าผู้ชายคนนี้ไม่สบายและต้องการหมอ พวกเจ้าใจดำเหมือนนายพลรามาเอลไม่มีผิด”
“เอ่อ กระผมขอรายงานท่านนายพลก่อนนะครับท่านชีค” นายทหารคนเดิมกล่าวอย่างนอบน้อมแต่ท่าทางลำบากใจ
“เจ้ากล้าขัดคำสั่งเรารึยังไง หรือกลัวว่าเราจะช่วยคนร้ายหนี ชายชราคนนี้เดินแทบจะไม่ไหว ถ้าเป็นคนร้ายก็แปลกแล้ว”
ชีคฮามัตบอกอย่างไม่พอใจ ทำให้นายทหารโค้งคำนับแล้วถอยออกห่าง
“ฟามินพาท่านลุงคนนี้ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
ฟามินขยับเข้าไปประคองชายชราตามคำสั่งนายเหนือหัวแล้วพาไปที่รถ จากนั้นก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
รามาเอลเดินนำหน้าองครักษ์ทั้งสามคนไปที่ห้องฉุกเฉินอย่างรีบร้อน ทหารที่ยืนเรียงรายตามจุดต่างๆ โค้งคำนับอย่างจงรักภักดี โกเมซ อดัมพ์โกเมซ อาร์นัลดา เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงสง่าของพี่ชายแล้วลุกขึ้นยืน
ดวงตาคมกริบของรามาเอลมองประตูห้องฉุกเฉิน เหมือนจะให้ทะลุเข้าไปเห็นบิดาที่นอนนิ่งอยู่ข้างใน
“อาการท่านพ่อเป็นยังไงบ้าง”
“หมอยังไม่ออกมาเลยครับพี่ราม แล้วได้เบาะแสคนร้ายหรือยัง” คำตอบคือความเงียบ นั่นหมายถึงหลายอย่างยังไม่กระจ่าง โกเมซมองกรามแกร่งที่นูนขึ้นเป็นสันอย่างไม่สบายใจ จากนี้เขาเชื่อว่าพี่ชายคงทุ่มเทเวลาทั้งหมดเพื่อตามหาศัตรูในเงามืดของรัฐออกมาให้ได้ ประตูห้องที่อยู่ถัดไปไม่ไกลเปิดออกพร้อมกับอัสซานเดินออกมาโค้งคำนับนายเหนือหัวทั้งสอง
“ฝ่ายความมั่นคงพร้อมกันที่ห้องประชุมแล้วครับ”
อัสซานกล่าวรายงานและขยับไปยืนข้างฟรังซ์
“หมอออกมาให้คนไปรายงานพี่ทันทีนะเมซ” สั่งเสร็จร่างสูงสง่าบึกบึนก็เดินเข้าไปในห้องรับรองของโรงพยาบาล ที่บัดนี้กลายมาเป็นห้องประชุมชั่วคราวของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ระดับหัวกะทิเพื่อหาวิธีตามจับตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้
นายทหารทุกคนต่างลุกขึ้นยืนทำความเคารพนายพลรามาเอล ร่างสูงเดินไปนั่งที่เก้าอี้หัวโต๊ะ ส่วนองครักษ์ทั้งสามไปยืนอยู่ข้างหลัง ใบหน้าเคร่งเครียดของนายพลหนุ่มมองไปยังภาพโปรแกรมเมอร์ที่แหล่งข่าวเพิ่งส่งมาให้ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
“นี่เป็นรายชื่อโปรแกรมเมอร์คนสำคัญที่อยู่ในลิสต์ของตำรวจสากล คนพวกนี้จะแฮ็กข้อมูลของหน่วยงานสำคัญๆ เพื่อขายความลับให้กับฝ่ายตรงข้าม”
รามาเอลมองภาพที่ปรากฏขึ้นอย่างพิจารณา อาลีในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์มือฉกาจของกองทัพกล่าวรายงาน ภาพชายหญิงปรากฏขึ้นบนผนังสีขาวหลายต่อหลายภาพ แต่ก็ไม่มีความคิดเห็นใดๆ หลุดออกมาจากนายพลรามาเอล จนกระทั่งภาพของผู้ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้น เสียงเข้มทรงอำนาจก็สั่งหยุดภาพทันที
“เดี๋ยว!” ดวงตาคมมองใบหน้าขึ้นเหลี่ยมขาวสะอาด ภายใต้เรือนผมหยักศกสั้น ดวงตาคมรีที่ทอดขนานไปกับคิ้วดกดำ และแล้วดวงตาของคนร้ายที่เขาเห็นก็ซ้อนทับเข้ามา สายตาคมมองอักษรภาษาอังกฤษที่อยู่ใต้รูป
“ธนาธร วรกุล สัญชาติไทย อายุสามสิบห้า”
ทุกคนในห้องขยับตัวเมื่อเห็นแววตาเรืองรองและดุดันของผู้บังคับบัญชาหนุ่ม
“ขอรายละเอียดทั้งหมดของผู้ชายคนนี้อาลี” เร็วเท่าคำสั่ง ไม่นานรายละเอียดของธนาธร วรกุลก็ปรากฏขึ้น
“ธนาธร วรกุล อายุสามสิบห้า ถือสัญชาติไทย จบปริญญาโทด้านการสื่อสารจากมหาวิทยาลัยในบอมเบย์ ขณะเรียนอยู่ที่นั่น ธนาธรเคยร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรงแฮ็กข้อมูลหน่วยข่าวกรองของรัฐบาลอินเดียและถูกจับได้ ทำให้เขาต้องจำคุกในอินเดียสองปี พอออกจากคุกก็กลับมาตั้งบริษัทเล็กๆ ในเมืองไทยผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ป้อนหลายบริษัท มีน้องสาวคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านดอกไม้อยู่ที่เมืองไทย พ่อแม่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมใหญ่ทางการเมืองในไทยเมื่อหลายปีก่อน”
“ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศมีรายละเอียดของ ธนาธรไหม” รามาเอลถามเสียงเรียบ มองรายละเอียดอย่างสนใจ
“จากรายงานที่ส่งมา ไม่มีชื่อธนาธร วรกุลเดินทางเข้าอานาเวียร์เลยครับท่านนายพล” อัสซานรายงาน ทำให้คิ้วหนาเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบยกขึ้นอย่างแปลกใจ
“นี่เป็นรายชื่อนักท่องเที่ยวชาวเอเชียที่เดินทางมาเยือนอานาเวียร์ภายในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา” กล่าวจบอัสซานก็ฉายภาพของนักท่องเที่ยวทั้งหญิงและชายชาวเอเชีย จนมาถึงภาพสุดท้ายซึ่งเป็นภาพชายชราผมสีขาวมีหนวดเครายาวปกคลุมใบหน้าเหมือนชาวจีนสูงอายุทั่วไป ดวงตาคมเข้มของนายพลหนุ่มหรี่มองเพราะรู้สึกคุ้นหน้า อัสซานเห็นบางอย่างในสายตาของนายเหนือหัวจึงกดฉายรายละเอียดเกี่ยวกับคนในรูปทันที
“ข้อมูลในวีซ่าของผู้ชายคนนี้ระบุชื่อคือนายชาง เฉิน เป็นชาวไต้หวัน เดินทางเข้ามาในอานาเวียร์เมื่อวานเพื่อชมพิธีฉลองวันชาติของเรา ตอนนี้พักอยู่ที่อดัมพ์โฮเทล”
สิ้นเสียงองครักษ์คนสนิท ภาพชายชราท่าทางอ่อนแอที่รามาเอลสนทนาด้วยเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วก็แวบเข้ามาในหัว ร่างสูงสง่าของนายพลหนุ่มลุกพรวดขึ้นพร้อมกับสั่งการออกไปทันที
“ฟรังซ์ อาลี ให้คนของเราจับตัวชาง เฉินไปที่กระทรวงกลาโหมเดี๋ยวนี้ อัสซานปิดล้อมสนามบินไว้ห้ามเครื่องบินทุกลำออกจากรันเวย์เด็ดขาด” สิ้นเสียงสั่งทุกคนก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติการทันที เพื่อตามล่าคนที่ลงมือสังหารนายเหนือหัวที่พวกเขารักดุจชีวิต
***
