ดอกรักที่ 2 คู่หมั้น! (1)
กางเขนตัดสินใจกลับเข้าห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ทว่ายังไม่ทันเดินเข้าห้อง เธอก็พบกับ ‘หงส์หยก’ พี่สาวคนสวยที่เปิดประตูห้องนอนออกมาพร้อมกับหนังสือเล่มโตในมือเข้าซะก่อน
“อ้าวกางเขน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ไม่เพียงคำถาม หงส์หยกยังยิ้มให้น้องสาวด้วย
“เพิ่งมาถึงสด ๆ ร้อน ๆ เลยค่ะ”
“พี่ทำงานอยู่ ปิดเสียงโทรศัพท์เลยไม่ได้รับสายของเธอ พอคุณแม่บอกว่าให้ออกไปรับ พี่เลยโทรฯ ไปบอกให้เพรียวไปรับเธอ พอดีคุณพ่อเอารถไปทำธุระในตัวเมืองน่ะ”
“ไม่ต้องแล้วล่ะเจ๊ ส้มจีนไปรับกางเขนแล้ว”
“ว่าแต่ไปทำอะไรมาล่ะ เนื้อตัวถึงได้มอมแมมซะขนาดนี้”
พอถูกถามกางเขนก็ย่นจมูกทำหน้ายุ่งทันที “เจ๊ต้องไปถามนายเพรียวเอาเองแล้วล่ะ นึกแล้วน่าโมโหนัก คนอะไรนิสัยแย่ชะมัด”
คิ้วเรียวสวยรับกับวงหน้ารูปไข่ของหงส์หยกยกขึ้นสูง “นี่ทะเลาะกันมาอีกแล้วเหรอ?”
“เรื่องมันยาว พูดแล้วเจ็บใจ เดี๋ยวกางเขนขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกัน”
หงส์หยกพยักหน้า พอน้องสาวหายเข้าไปในห้องนอนแล้ว เธอก็อดส่ายหน้าไม่ได้
ลองกางเขนกลับบ้านมาในสภาพมอมแมมแบบนี้ เธอมั่นใจว่ากางเขนต้องมีเรื่องทะเลาะกับอาคเนย์คู่หมั้นของเธออย่างแน่นอน แต่จะให้ตัดสินว่าใครถูกใครผิด หรือใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน งานนี้ก็ดูว่าจะยาก เพราะคู่นี้เป็นไม้เบื่อไม้เมามาตั้งแต่ไหนแต่ไร และดูว่าทั้งสองคนจะไม่มีทางญาติดีกันง่าย ๆ ซะด้วยสิ
หงส์หยกทิ้งความสนใจเรื่องของกางเขนไว้แค่นั้น แล้วเธอก็หามุมสงบของบ้านเพื่ออ่านหนังสือ เพื่อนำสิ่งที่อ่านมาใช้ประกอบการเขียนหนังสือ...
ทางด้านกางเขนหลังจากอาบน้ำสระผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เธอยังไม่ไปพบหน้าคุณย่า และคุณแม่อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ พอเช็ดเส้นผมให้แห้งหมาด ๆ เธอก็ล้มตัวนอนบนเตียงนุ่มเพื่อพักสายตา
แต่เอาเข้าจริง กางเขนกลับหลับเป็นตาย ทั้งนี้เป็นเพราะเธอเหนื่อยจากการเดินทางไกลนั่นเอง จนได้เวลาอาหารมื้อค่ำนั่นล่ะส้มจีนก็มาเคาะประตูห้องนอน
“คุณหนูกางเขนคะ คุณท่านให้มาตามค่ะ”
หญิงสาวลืมตาขึ้นพลางบิดตัวไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยขบออกจากร่างกายแล้วอ้าปากกว้างหาวหวอด ก่อนดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนลุกไปเปิดประตูให้เด็กสาวรับใช้ในบ้าน ซึ่งตอนนี้น่าจะเคาะประตูจนมือไม้ระบมไปหมดแล้ว
“ว่าไงส้มจีน?”
“คุณท่านให้มาตามไปทานข้าวค่ะ”
“ไปเรียนคุณย่าว่าเดี๋ยวฉันตามไป”
“ค่ะ” ส้มจีนพยักหน้าทำท่าว่าจะผละไป แต่กางเขนก็รั้งไหล่บางนั่นไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน”
“คะ?”
“กระเป๋าที่ฉันใช้ให้ไปเอามาล่ะ?”
“เอ่อ...คือ” ส้มจีนทำหน้าอึกอัก
“คืออะไร?” กางเขนนิ่วหน้า
“ส้มจีนไปหากระเป๋าที่ร้านกาแฟตามที่คุณหนูบอกแล้วค่ะ แต่เด็กในร้านบอกส้มจีนว่า คุณเพรียวเอากระเป๋าขึ้นท้ายรถปิคอัพไปแล้ว”
“อะไรนะ?!” หญิงสาวอุทานทำตาโต ก่อนเปลี่ยนเป็นกรอกลูกตาไปมา “ให้ได้อย่างนี้สิส้มจีน”
“ส้มจีนขอโทษค่ะ ส้มจีนไม่กล้าไปตาม” เด็กสาวรับใช้รีบยกมือขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกส้มจีน นายนั่นต่างหากที่แส่มายุ่งไม่เข้าเรื่อง” กางเขนรีบโยนความผิดไปให้อาคเนย์ทันที
ส้มจีนที่ประนมมือขอโทษเธอประหงก ๆ เลยยิ้มแหย ๆ ออกมาได้
“มีอะไรก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป”
พอส้มจีนไปแล้ว กางเขนก็ถอนหายใจอีกเฮือก ดูว่าเธอจะงานเข้าแล้วล่ะ หญิงสาวทำหน้ามุ่ย ก่อนรีบไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยดูดี แล้วรีบตรงดิ่งไปยังโต๊ะอาหารเพื่อร่วมรับประทานอาหารกับสมาชิกทุกคนในบ้าน...
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างชื่นมื่น หากจะมีก็แค่กางเขนเท่านั้นที่ไม่ค่อยสบอารมณ์กับการร่วมรับประทานอาหารกับสมาชิกในครอบครัวสักเท่าไหร่ ซ้ำเธอยังไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าที่ควรทั้งที่ตอนนี้เธอหิวจนแสบไส้
และสาเหตุที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะค่ำนี้มีแขกรับเชิญที่เธอไม่ชอบขี้หน้ามานั่งเสนอหน้าอยู่ข้างหงส์หยก และนั่งรับประทานอาหารอยู่ในฝั่งตรงข้ามของเธอนั่นเอง
แต่ที่ร้ายกาจกับกางเขนมากกว่านั้นก็คือ นายอาคเนย์แย่งตักกับข้าวที่เธอชอบไปกินหน้าตาเฉย แล้วเธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเก็บความไม่พอใจเอาไว้เท่านั้น!
ยิ่งเห็นอาคเนย์เจริญอาหารได้ดีจนน่าหมั่นไส้ อีกทั้งสมาชิกในบ้านให้การต้อนรับอาคเนย์เป็นอย่างดี ก็ยิ่งขัดหูขัดตากางเขนมาก เพราะดูว่าทั้งคุณย่าดาวเรือง คุณแม่อัญมณี คุณพ่อสิทธา หรือแม้แต่หงส์หยกผู้เป็นพี่สาวจะไม่สนใจกับการมีตัวตนของเธอแล้ว ซ้ำพวกเขายังพูดคุยในเรื่องที่เธอไม่เข้าใจอีก
อย่างเช่นเรื่องไร่ทานตะวันที่ทางอำเภอให้การสนับสนุน นอกจากนี้ยังมีเรื่องหมู เห็ด เป็ด ไก่ สารพัดสัตว์ซึ่งเกี่ยวกับพวกเกษตรกรอีก กางเขนเลยละความสนใจจากเรื่องพวกนั้นมาสนใจอาหารตรงหน้าแทน แต่แล้วเรื่องสัพเพเหระบนโต๊ะอาหารก็เปลี่ยนมาที่เรื่องเธอจนได้
