บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 : ตัวแทนภาค

บทที่ 4

“เชี่ย ทำไงวะเนี่ย”

ตั้งแต่วันแรกเลยแฮะ วันนี้ผมต้องตื่นเช้ามาให้ทันเวลาลงทะเบียนเรียน แล้วไอ้เด็กปี 1 ผู้ซึ่งไร้ประสบการณ์ลงทะเบียนด้วยระบบคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเอง แต่ดันต้องมาลองผิดลองถูกโดยที่มีเพื่อนทั้งสองคนอย่างแม็กและฝุ่นคอยสอนวิธีการลงทะเบียนให้ผมกรอกหูผ่านหูฟังทุกวินาที

[ลงได้ยัง] ฝุ่นถาม

“ไม่ได้ว่ะ ทำไมอังกฤษมันบอกคนเต็มวะ”

[เต็มได้ไง ทั้งรุ่นมีห้าสิบคน แล้วแม่งก็เต็มแค่ห้าสิบคน จะเอาที่ไหนมาเต็มฮะมึง]

“ก็เนี่ย...กูกดบันทึกแล้วมันไม่ลงให้กูอะ” ไอ้ห่า อุตส่าห์แหกขี้ตาตื่นมาลงทะเบียน มึงจะมาทำให้กูเก็บหน่วยกิตไม่ครบไม่ได้นะ “คณะไหนแม่งมาลงปะวะ”

[มันจะมาลงได้ไง รหัสนี้เขาให้เฉพาะภาคเราลง...งั้นมึงก็ลงเฉพาะอันที่ได้ไปก่อนแล้วค่อยไปรอเพิ่มเปลี่ยนถอนอาทิตย์หน้าได้ไหมล่ะ] ไอ้แม็กว่า ซึ่งมันจะให้ผมรอได้ยังไงวะ ก็วันนี้ตารางเรียนผมมีภาษาอังกฤษต้อนรับเปิดเทอมเลย [มึงลองไปถามอาจารย์ปราชญ์ดิ เขาเป็นที่ปรึกษาเราไม่ใช่เหรอ]

“มีเบอร์เขาไหมอะ”

[จะมีได้ไง ยังไม่ได้เริ่มเรียนเลย...ก่อนเข้าคาบอังกฤษตอนบ่าย มึงก็เข้าไปหาเขาที่ห้องดิ]

“ไปกับกูหน่อยสิ...แล้วมันจะไม่เป็นไรใช่ปะมึง”

[ไม่เป็นไรหรอก ยังมีเวลาเหลืออีกถึงอาทิตย์หน้า แค่มึงเสนอหน้าไปหาอาจารย์อังกฤษแล้วก็บอกว่าอยากเรียนด้วย เดี๋ยวเขาก็ใส่ชื่อมึงไปเอง แต่อย่าลืมไปเพิ่มอาทิตย์หน้าแค่นั้นแหละ] ไอ้ฝุ่นสอนผมเป็นชุด เสมือนว่ามันเป็นเจ้าหน้าที่ห้องทะเบียนมาเอง

“ไม่มึงรู้ดีจังวะ”

[คู่มือที่เขาให้มาน่ะ อ่านบ้างนะ]

“อ้าวเหรอ...ไมกูไม่รู้วะ” ผมบ่นอุบ ส่วนมือก็คลิกเมาส์เลือกเฉพาะวิชาที่ยังลงได้ นี่ยังข้องใจไม่หายเลยว่าวิชาบังคับของปี 1 มันจะเต็มได้ยังไงไวขนาดนี้ “เออ ๆ มึง ขอบใจมาก เดี๋ยวกูลงเฉพาะที่ลงได้ไปก่อนแล้วกัน สาย ๆ เดี๋ยวไปหาอาจารย์ปราชญ์...ไปกับกูด้วยนะ”

[เออ เจอกันที่โรงอาหารละกัน]

แม่งเอ๊ย มีปัญหาตั้งแต่วันเปิดเรียนเลยรึไงวะเนี่ย ยังไม่ทันได้เริ่มเรียนเลยให้ตายสิ ผมก็หวังว่าอาจารย์ปราชญ์ผู้เป็นที่รักของทุกคนจะช่วยเหลือผมได้นะครับ ฮือ...จะร้องไห้แล้วเนี่ย

???

ห้องพักอาจารย์

“ทำไมลงไม่ได้ล่ะ”

“มันขึ้นว่าเต็มอะครับ”

พอนึกสภาพห้องพักอาจารย์เราก็จะนึกถึงห้องที่มีโต๊ะอาจารย์เรียงกันเป็นตับ แต่อย่าหวังว่าลักษณะห้องจะเหมือนกับอาจารย์สมัยมัธยมนะครับ แล้วนี่ก็เป็นห้องของอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สารพัดโมเดลบ้าน โมเดลห้อง ภาพสเก็ต และอีกมากมายที่อยู่เต็มโต๊ะอาจารย์ทุกโต๊ะมันทำให้ห้องกว้าง ๆ นี้แคบลงไปในทันที

แม้กระทั่งโต๊ะอาจารย์ปราชญ์ก็ไม่เว้น ขนาดมีโต๊ะใหญ่ ๆ อยู่ข้าง ๆ ยังมีแต่งานนักศึกษา นี่ผมหาที่นั่งคุกเข่าคุยกับอาจารย์ได้ก็เก่งแล้วเนี่ย

“เขารับพอดีกับจำนวนนักศึกษาไม่ใช่เหรอ...เต็มได้ไงวะ” อาจารย์ว่าก่อนจะเลื่อนเมาส์ให้หน้าจอที่ดับอยู่ติดขึ้นและเข้าหน้าเว็บสำนักทะเบียน “อ๋อ...นึกออกละ มีพี่เราปีที่แล้วเขาไม่ได้ลงตัวนี้ เลยเกินมาคนหนึ่ง”

จุด ๆ นี้ผมควรโทษอะไรดี โทษพี่ที่ทำไมไม่ยอมลงให้มันครบ ๆ ไป โทษสำนักทะเบียนที่ทำไมไม่ตรวจสอบจำนวนให้ดี หรือโทษตัวผมเองที่ตื่นสายมาลงไม่ทันเอง

ไอ้สัด สายแค่สามนาทีเองนะ

“อาจารย์มาร์กสอนใช่ไหม เดี๋ยวครูโทรหาเขาให้ เขาจะได้ไปบอกเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มจำนวนคน”

“ขอบคุณครับอาจารย์ ฮือ..” นาทีนี้ขอก้มไปกราบที่หว่างขาอาจารย์ทีหนึ่งได้ไหมอะ กี่ครั้งแล้วที่มีอาจารย์คอยช่วยเนี่ย

“ดูทำหน้า...อย่าลืมบอกอาจารย์เขาด้วยนะว่าให้เขียนชื่อเราเพิ่มไปในใบรายชื่อด้วย เดี๋ยวเกรดไม่ออก”

“ครับผม...รักอาจารย์จัง อิอิ”

“ครับ ๆ ครูก็รักนักศึกษาครับ...ไป ๆ ครูมีประชุมต่อถึงเที่ยงอีก” อาจารย์ปราชญ์รวบของที่อยู่บนโต๊ะ ทั้งเอกสาร สมุด ปากกาทั้งหลาย รวมทั้งกระเป๋าสะพายหนังแท้ลุกออกไปจากที่นั่งและเดินออกมาจากห้องพร้อมกันกับผม

“อาจารย์งานเยอะจัง แค่สอนนี่ไม่พอเหรอครับ” ผมไม่รู้หรอกว่าอาจารย์มหา‘ลัยต้องทำงาน แต่ที่รู้ ๆ คืออาจารย์ปราชญ์หันมามองหน้าผมแล้ว

“ก็ประชุมกิจกรรมที่นักศึกษาอย่างเราจะต้องจัดนี่แหละ ไอ้งานประกวดดาวเดือนอะไรเนี่ย ครูก็ไม่ค่อยอยากไปยุ่งหรอก แต่ก็หลวมตัวเข้าไปแล้ว” ดูพูดเข้า

เออ แต่พอพูดถึงดาวเดือนแล้ว มหาวิทยาลัยกับดาวเดือนมันเป็นของคู่กันสินะ คงจะมีแต่คนหล่อ ๆ สวย ๆ ยืนกันเต็มเวทีไปหมดเลยสิ

“บอร์น...” คนตัวสูงหันมามองหน้าผมก่อนจะหยุดเดินอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง

“ครับ”

“ไม่สนใจลงประกวดกับเขาบ้างเหรอ”

“ปะ...ประกวดอะไรครับ”

“เดือนไง เป็นตัวแทนเดือนภาคก่อนเข้าประกวดรอบจริง ถ้าเข้ารอบก็จะได้เป็นเดือนคณะ เดือนมหา’ลัยอะไรก็ว่าไป”

“โอ้โห...” อาจารย์เห็นหน้าผมไหมว่าหน้าผมมันเป็นยังไง “ไม่เอาหรอกครับ ดาวเดือนอะไรพวกนี้มันต้องเก่งด้วยไม่ใช่เหรอ ผมก็ไม่ได้ขนาดนั้น...ไม่เอาอะ ขอเรียนอย่างเดียวพอครับ”

เชี่ย...ปฏิเสธแทบไม่ทันแลยกู ถึงจะมีคนบอกผมว่าผมเป็นคนหน้าตาดียังไงก็เถอะ แต่เข้าใจปะครับ หล่ออย่างเดียวมันกินไม่ได้ ถ้าไม่มีอะไรดี เขาก็ไม่เลือกหรอกจริงไหม

“ใช้ชีวิตปี 1 ให้คุ้มไง อย่าลืมนะว่างานแบบนี้ปีอื่นไม่มีสิทธิ์ลงนะ”

ก็รู้ว่าต้องคุ้ม แต่ผมก็อยากอยู่แบบสงบ ๆ อะ ไม่อยากให้ใครมารู้จักมากมาย มีเพื่อน มีรุ่นพี่ เรียน ๆ เล่น ๆ เฉย ๆ ไม่ได้เหรอ

“ยังไงก็...ถ้าอยากลงก็ลองบอกพวกพี่ ๆ เขาไปแล้วกัน เดี๋ยวก็มีพวกปี 2 มาเรียกตัวเองแหละ ครูไปประชุมก่อนนะ”

อ่า “ครับ สวัสดีครับ”

อาจารย์ปราชญ์ทิ้งผมโดยการเดินเข้าห้องประชุมห้องนั่นไปแล้ว ส่วนผมเองก็ต้องเดินลงมาหาไอ้ฝุ่นกับไอ้แม็กที่ก่อนหน้านี้ผมอุตส่าห์ขอร้องพวกมันว่าให้มาเป็นเพื่อนหน่อย แต่ที่ไหนได้ มันก็ทิ้งผมให้เดินเข้าไปหาอาจารย์ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘โตแล้ว ไปเองได้’ อยู่ดี

และเมื่อถึงคาบภาษาอังกฤษที่ผมลงทะเบียนไม่ได้ พออาจารย์เข้ามาผมก็ปรี่ไปบอกอาจารย์ผู้ชายหน้าลูกครึ่งที่ชื่อมาร์กตามคำบอกของอาจารย์ปราชญ์ ซึ่งพออาจารย์มาร์กรู้ว่าอาจารย์ปราชญ์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาชั้นปีผม เท่านั้นแหละ...

ความลับของอาจารย์ปราชญ์แม่งรั่วเลยทีนี้!

เหตุเกิดจากการที่อาจารย์มาร์กเป็นเพื่อนกับอาจารย์ปราชญ์ตอนเรียนสถาปัตย์นี่เอง แต่ด้วยความที่อาจารย์มาร์กแกกล้ำกลืนฝืนทนเรียนสถาปัตย์จนจบด้วยความช่วยเหลือและเหมือนเป็นหนี้บุญคุณอาจารย์ปราชญ์ที่ทำให้แกเรียนจบ เลยมาขอเป็นวิญญาณตามติดอาจารย์ปราชญ์แม้กระทั่งสอนที่มอเดียวกัน

โอ้โห...คาบแรกไม่ได้เรียนอะไรเลยนอกจากวิชาชีวิตจากอาจารย์มาร์กสุดหล่อ (อีกคน) ตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคณะนี้ผลิตแต่คนหน้าตาดีหรือเปล่า อาจารย์ปราชญ์ว่าสุดแล้วนะ เจออาจารย์มาร์คที่ผสมผสานระหว่างชาติตะวันตกกับตะวันออกได้อย่างลงตัวนี่สุดกว่าจริง ๆ

“มึง” ฝุ่นเอ่ยหน้านิ่งหลังจากที่อาจารย์ลูกครึ่งเดินออกจากห้องไปแล้ว “กูเจอเนื้อคู่คนใหม่แล้วนะมึง”

“แหม กับอาจารย์ก็ไม่เว้นนะมึงอะ”

“ต้องสนด้วยเหรอ มโนเฉย ๆ คงไม่เป็นไรหรอกน่า”

เป็นไม่เป็นไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ ผมว่าไอ้ฝุ่นต้องลดละเลิกการบ้าคลั่งผู้ชายหล่อได้แล้ว ก่อนที่จะเดินมาถึงคณะมันก็กรี๊ดผู้ชายวิศวะไปทีหนึ่ง เดินผ่านคนหล่อก็สะกิดพวกผม กรี๊ดเรี่ยราดฉิบหาย

“น้อง ๆ คะ พี่ขอเวลาสักสิบนาทีได้ไหมเอ่ย” ในขณะที่ผมกับเพื่อนอีกสองคนกำลังเก็บกระเป๋าเตรียมกลับหอใครหอมัน จู่ ๆ กลุ่มรุ่นพี่ผู้หญิงก็เดินเข้ามาในห้องที่ตอนนี้ก็เรียกความสนใจจากเพื่อนในภาคได้ทุกคน

รุ่นพี่เหรอ?

“สวัสดีค่ะ/ครับ” เมื่อเพื่อนทุกคนยกมือไหว้รุ่นพี่กัน ผมก็ต้องไหว้กับเขาบ้าง ถึงจะไม่เคยเห็นหน้าพวกพี่เขามาก่อนก็ตาม

“สวัสดีค่ะน้อง ๆ พี่จะขอรวบรัดสั้น ๆ นะคะ...คือมหา’ลัยเราจะมีการจัดกิจกรรมประกวดดาวเดือน แล้วทีนี้พี่อยากได้ตัวแทนจากภาคเข้าไปประกวดรอบดาวเดือนของคณะก่อนว่าใครจะเป็นตัวแทนจากคณะสถาปัตย์ของเราไปประกวดรอบมหา‘ลัยได้ ตรงนี้น้องคนไหนมีใครอยากลงประกวดไหมคะ”

ไอ้เหี้ย สั้นจริง ไม่เกริ่นอะไรทั้งนั้น มาถึงโบ๊ะ ๆ บ๊ะ ๆ เลย

แต่สถานการณ์ตอนนี้มันเงียบยิ่งกว่าอาจารย์มาร์กเข้ามาสอนเมื่อกี้อีก ตอนนี้ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตารุ่นพี่ที่ยืนอยู่หน้าห้องสักคน มีแต่มองหน้ากันเอง

โดยเฉพาะผม นึกถึงที่อาจารย์ปราชญ์พูดตอนสาย ๆ แล้วยิ่งก้มหน้าหาเศษเหรียญอย่างเดียวเลย

“มึงไงไอ้บอร์น!”

ไอ้เหี้ย! นั่งอยู่เงียบ ๆ ก็ดีอยู่แล้ว ไอ้ฝุ่นแม่งผลักไหล่แถมตะโกนขึ้นเสียงดังจนผมต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่มันโดยไม่เอ่ยปากให้เป็นที่สนใจซ้ำรอบสอง

แต่...ไม่ทันแล้วครับผมว่า พี่ ๆ ทุกคนรวมถึงเพื่อน ๆ ทุกคนในห้องนี้หันมามองผมเป็นตาเดียวแล้ว

“เออ บอร์นไง เหมาะอยู่นะเนี่ย” แล้วเพื่อนในห้องนี่แหละทั้งรู้จักและไม่รู้จักก็เรียกผมปากเป็นระวิง

ถามจริงเหอะ มึงเคยคุยกับกูหรือยัง ทำเหมือนรู้จักกันมาเป็นปีอะ

แล้วไงอะ รุ่นพี่แม่งเดินมาหาผมแล้วเนี่ย

“เราอยากลงประกวดไหม” พี่ผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผมก่อนจะลากเก้าอี้ตัวว่าง ๆ มานั่งข้าง ๆ ผม

แบบนี้เขาเรียกบังคับอ้อม ๆ ปะวะ หนีไม่รอดแล้วด้วยว่ะเฮ้ย ซึ่งความจริงผมอยากจะตอบกลับไปมากเลยนะว่า กูไม่อยากประกวดโว้ย แต่ความจริงก็ทำได้แค่...

“เฉย ๆ ครับ”

“แล้วเรามีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง” กินแล้วก็นอนนี่เอาไปเป็นความสามารถได้ปะ “คืองี้นะ น้องไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะทางคณะมีงบให้สำหรับเสื้อผ้าแล้วก็ช่างแต่งหน้าหรือพวกสตูดิโออะไรพวกนี้ เราแค่งัดความสามารถออกมาตอนวันประกวดจริง ส่วนก่อนวันจริงเราก็ซ้อมโชว์ของเราไปโดยที่จะมีรุ่นพี่ดาวเดือนรุ่นก่อน ๆ มาไกด์ให้...โอเคไหม”

เดี๋ยว ๆ ผมบอกตอนไหนว่าผมจะลงประกวด ไอ้พี่นี่แม่งร่ายยาวไม่ให้ผมปฏิเสธเลยว่ะ

โดนอาจารย์ปราชญ์จ้างมาอีกทีปะ

“เอาดิมึง เป็นผลงานติดตัวมึงนะเว้ย ไปทำงานที่ไหนใคร ๆ ก็อยากรับ ถือว่าเป็นเด็กกิจกรรม” นั่น แม็กก็อีกคน

“แล้วน้องผู้หญิงคนไหนอยากลงประกวดดาวไหมคะ” เฮ้ยพี่ ฟังคำตอบผมก่อน

“คะนิ้งเลยค่ะพี่”

“สร...ไม่เอา”

คะนิ้งไหนผมยังไม่รู้จัก แต่เมื่อมีเสียงผู้หญิงสองคนลอดออกมาจากหน้าห้อง ก็ทำให้ผมแทบจะชะเง้อหน้ามองเจ้าของชื่อนั้น แล้วพอมองไปที่เจ้าตัวผมก็ถึงกับร้องอ๋อ เพราะค่อนข้างจะคุ้นหน้าอยู่ด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าเด่นพอสมควร พูดง่าย ๆ ว่าหน้าสวยจนเป็นจุดสนใจนั่นแหละ

แต่ด้วยความขี้อายและท่าทางที่ไม่ค่อยมั่นใจที่ผมเคยเห็น มันทำให้ผมรู้สึกว่าถ้าเธอมีความมั่นใจอีกหน่อย คงเด่นสุด ๆ ในภาคของเราแล้ว

“ได้อยู่ ๆ มีความสามารถพิเศษที่พอจะเอาไปขึ้นโชว์ได้ไหม” ถามเจ้าตัวเขาหรือยังก่อนเดินเข้าไปหาเขาน่ะ

ณ จุด ๆ นี้ผมไม่รู้ว่าควรจะสงสารใครก่อนดีระหว่างผมกับคะนิ้งที่โดนยัดเยียดจากเพื่อนตัวเองทั้งคู่ แล้วนี่ที่อาจารย์ปราชญ์บอกว่าให้ใช้ชีวิตในปีแรกของมหา’ลัยให้คุ้ม อาจารย์ลองมาดูสิครับว่าคุ้มของอาจารย์นี่มันมาจากความไม่เต็มใจทั้งนั้นเลยนะ ยิ่งผมเห็นคะนิ้งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตอนที่พี่ ๆ เข้าไปรุมเธอ ผมรู้สึกสงสารเธอขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

ก็คนเขาไม่อยากประกวดอะ จะบังคับอะไรนักหนาวะ

ในที่นี้หมายถึงตัวผมเองด้วยนะที่โดนบังคับน่ะ อยากจะบ้าตาย

แล้วตอนนี้ผมก็ต้องให้เบอร์ ไลน์ เฟซ อะไรก็ว่าไปที่มันพอจะติดต่อผมได้ ให้กับพวกรุ่นพี่ไป รวมถึงคะนิ้ง เพื่อนใหม่ที่เราต้องร่วมงานกัน คือผมก็เฉย ๆ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรแค่รู้สึกว่าทำไมต้องกูวะ...แค่นี้ แต่คะนิ้ง หน้าเธอดูประหม่าจนเหมือนจะร้องไห้ทั้ง ๆ ที่อะไร ๆ ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ

“คงไม่มีอะไรหรอก” ตัวผมก็พูดปลอบใครไม่เป็น แต่ด้วยความที่ต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษและให้เธอหายตื่นเต้น ก็คงพูดได้แค่นี้

“ไม่จริงหรอก” อ้าว

“ถ้ามันน่ากลัวจริงเขาจะจัดงานนี้ขึ้นมาทำไมล่ะ”

“นายไม่ได้เป็นอย่างเรานายไม่รู้หรอก”

“เอ๊า...” อิหยังวะ

สรุป อะไร ๆ ก็ยังไม่รู้ เบอร์คุณเธอผมก็ยังไม่ได้ แม่เจ้าประคุณเธอให้เบอร์รุ่นพี่เสร็จแล้วก็หยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องไปเลย ทิ้งให้ผมยืนเด๋ออยู่ตรงนี้คนเดียว

นี่ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ ก็ให้กำลังใจอะผิดตรงไหนวะ

TBC

เอาน่า ทำกิจกรรม แต่อย่างว่าแหละเนอะ ถ้าใครไม่อยากทำ การที่จะไปบังคับให้เขาทำตาม ก็คงจะอึดอัดไม่น้อยจริง ๆ แหละค่ะ

เจอกันพรุ่งนี้ค่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel