บทที่ 2 : รับน้อง
บทที่ 2
ปีพุทธศักราช 255X
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
“ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา มันจะถูกไม้เสียบ มันจะถูกไม้เสียบ เสียบตูดซ้าย เอิ๊ว! เสียบตูดขวา เอิ๊ววว!”
ฉิบหาย สาบานว่านั่นเสียงร้อง ไอ้เพลงไก่ย่างที่ฟังมาตั้งแต่อนุบาลยันมหา’ลัยนี่เวอร์ชั่นมันเหมือนกันทุกรุ่นทุกชั่วอายุคนเลยแฮะ คนที่ฟังมาตั้งแต่อายุหกขวบยันตอนนี้ก็มีเบื่อเหมือนกันนะเว้ย ยิ่งวัยรุ่นเฟรชชี่บอยปี 1 ใส ๆ อย่างผมเนี่ย ขออะไรที่มันเร้าใจกว่าไอ้เพลงเชียร์ที่ตามมาทุกกาลเวลาอย่างไก่ย่างได้ปะ ฟังแล้วไม่ได้ช่วยให้คิดถึงชีวิตวัยเด็กเลยสักนิด
แล้วนี่ตอนนี้...ไม่อยากจะบอกเลยว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน กับใคร ยังไง
ครับ ผมชื่อบอร์น สอบติดคณะสถาปัตย์มหาวิทยาลัยนี้มาแบบงง ๆ เลยต้องมาชดใช้กรรมด้วยการมาเข้ากิจกรรมรับน้องที่ทางมหาวิทยาลัยเป็นคนจัดไงครับ ฐานแรกที่ต้องเข้าคือฐานของสถาปัตย์คณะตัวเองนี่แหละ แล้วสมาชิกฐานแม่งไม่ใช่ห้าคนหกคนนะ มีร่วมร้อย
คนที่ไม่ได้ถูกเรียกออกไปเต้นหรือออกไปทำอะไรให้น่าอับอายก็นั่งอยู่เฉย ๆ ไปสิ นั่งฟังพี่ ๆ ที่มัดแกละใส่เสื้อยืดกางเกงเลสีสันแสบตาเต้นกันสนุกสนาน พี่สาวหน้าตาน่ารักบางคนเหมือนมาปล่อยผีอะ อย่าคิดว่าจบงานนี้แล้วผมจะจำหน้าพวกพี่ไม่ได้เลย
“เฮ้ย ๆ ชื่อไรอะ” ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างหลังผมมสะกิดผมก่อนที่จะพยายามมองป้ายชื่อที่ห้อยคอผมอยู่
ดูจากเสื้อยืดที่ใส่ นี่มันเด็กคณะเดียวกันนี่หว่า เออ ๆ ตีสนิทไว้ เปิดเทอมจะได้ไม่เหงา
“ชื่อบอร์น แกอะ” เห็นว่าเป็นผู้หญิงเลยไม่อยากขึ้นมึงขึ้นกู
“ชื่อฝุ่น...เฮ้ย มึงอยู่’ถาปัตย์หลักใช่ปะ”
การให้เกียรติของกูเมื่อกี้มันไม่มีประโยชน์เลยสินะ เป็นผู้หญิงที่นับว่าคนจริงมาก มึงหยาบตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้ากันได้นี่...
“เออ มึงอะ”
“เฮ้ย! เชี่ยเหมือนกันเลย” นั่น มันออกมาอีกคำแล้ว “มีเพื่อนแล้วว่ะ หันไปเจอแต่คนใส่เสื้อคณะอื่น นี่ดีนะที่นั่งอยู่ติดมึงอะ”
เออ ๆ ดีใจกับมึงด้วย...ที่จริงผมว่าจะไปหาเพื่อนในห้องวันเปิดเทอมเสียหน่อย แต่ตกเพื่อนได้มาคนนึงแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ถึงจะดูดิบเถื่อนไปบ้างแต่ก็ไม่น่าจะมีพิษภัยอะไรเท่าไหร่นะ
“น้อง ๆ ค้า! ยินดีต้อนรับเข้าสู่ฐานของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ค่า!” รุ่นพี่ร่างใหญ่ที่ดูท่าทางน่าจะให้ความอบอุ่นได้เต็มที่ตะโกนผ่านโทรโข่งอันเล็กก่อนจะตามมาด้วยกลองทอมรัวขึ้นมา
“ก่อนอื่นเลย จะให้รุ่นพี่รุ่นใหญ่ของเรามากล่าวโอวาทอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อต้อนรับน้อง ๆ ที่น่ารักก่อนที่เทอมแรกจะเริ่มต้นขึ้นกันก่อนนะคะ” แล้วเหมือนจะมีรุ่นพี่อีกคนทนไม่ไหว ยื่นไมค์ให้พี่สาวร่างอวบของเราได้ผ่อนเสียงลงบ้าง “ขอเชิญ...อาจารย์ปราชญ์ จากภาควิชาสถาปัตยกรรมหลักค่า!”
เสียงกลองรัวชุดใหญ่พร้อมเสียงกรี๊ดเกรียวกราวราวกับบอยแบนด์กำลังจะมาคณะนี้ ซึ่งพอผมมองไปตามที่รุ่นพี่ผายมือออกไป คนที่ชื่อว่าอาจารย์ปราชญ์ก็เดินเข้ามาก่อนจะหยิบไมค์ที่รุ่นพี่ส่งให้
“กรี๊ดด!!! อ๊ายยยย!!!”
นี่ไม่ใช่เสียงพี่ ๆ สันทนาการ แต่เป็นเสียงเด็กปี 1 ที่เมื่อกี้ยังนั่งทำตาปริบ ๆ กันอยู่นี่แหละครับ! คนแมนอย่างฝุ่นที่ว่าแน่ ยังเผลอเขย่าไหล่ผมรัวยิกเมื่ออาจารย์ปราชญ์อะไรนั่นปรากฏตัวออกมาต่อหน้าสาธารณชน
ผมไม่ได้นั่งด้านหลังแต่ออกจะไปทางกลาง ๆ เยื้องไปด้านหน้านิดหน่อย ทำให้เห็นหน้าอาจารย์ปราชญ์ที่สาว ๆ ทุกคนกรี๊ดกร๊าดกันเหมือนโดนน้ำร้อนสาดค่อนข้างชัดเจนพอสมควร
เออ...ถ้าผมเป็นผู้หญิงผมก็กรี๊ดว่ะ คนอะไร งานดีฉิบหาย! ตัวสูงน่าจะประมาณร้อยแปดสิบกว่ากับรูปร่างที่จัดว่าดี ผิวสีน้ำผึ้งมีเสน่ห์ ใบหน้าคมหล่อดูใจดี ไม่ได้มีท่าทางติสต์ ๆ เหมือนที่ผมจินตนาการไว้ตั้งแต่แรก
เชี่ย นี่เป็นอาจารย์จริงปะเนี่ย ถ้าไปเจอตามทางผมจะคิดว่าเขาเป็นดาราที่หลุดออกมาจากหน้าจอทีวีเลยนะ
“สวัสดีครับนักศึกษา”
“สวัสดีค่า!”
อาจารย์ปราชญ์ทักทายด้วยเสียงที่ค่อนข้างแตกและใหญ่ ท่าทางการพูดก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเท่าไหร่ เรียกได้ว่าปกติทุกอย่างนั่นแหละ แต่มันก็น่าแปลกนะ อายุของอาจารย์ดูไม่มากแต่กลับได้มาพูดแทนพวกคณบดีหรืออาจารย์ที่จะต้องมีอายุมากกว่านี้ เป็นอาจารย์ที่ดูยังไงก็เหมือนรุ่นพี่ปีสูงดี ๆ นี่เอง
“ก่อนอื่นนะครับ ครูต้องขอต้อนรับนักศึกษาทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาสถาปัตย์ วิศวะ บริหาร ศิลปศาสตร์ ครุศาสตร์ หรือคณะอื่น ๆ วันนี้ก็ไม่ได้จะพูดอะไรมากเพราะว่าพี่เราบังคับให้ครูมาพูดเมื่อกี้เลยไม่ได้เตรียมอะไรมามากนะ” หันไปชี้พี่ ๆ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ วงพวกผม ทีนี้แหละหัวเราะกันครืน “ครูแค่จะบอกว่า ใช้ชีวิตปี 1 ให้เต็มที่นะครับ ใช้ชีวิตเฟรชชี่ให้คุ้มค่า กฎระเบียบ ถ้ารักษาได้ก็ขอให้รักษาเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้แหละ อยากกินอะไรก็รีบบอกพี่รหัสเสียนะครับ พอเราเป็นพี่ขึ้นมาแล้วเราจะร้องขอขนมจากพวกพี่ ๆ ยากขึ้นแล้วนะ”
ว่าแต่พี่รหัสผมอยู่ที่ไหนน้า
“อ้อ! เรื่องเหล้า เรื่องนี้สำคัญมาก กินได้แต่อย่าให้ถึงกับทำร้ายตัวเองและทำร้ายเงินพ่อแม่ ไม่ต้องเสี้ยนอยากจะกินมันแทนน้ำทุกวัน ส่วนเรื่องเกรด ไม่ต้องกลัวเอฟ เพราะถ้าไม่แย่จริง ๆ จนถึงขั้นอาจารย์เรียกไปถอน ก็จะไม่มีอาจารย์คนไหนอยากแจกเอฟ อันนี้ครูบอกรวม ๆ ก่อน...แต่สำหรับนักศึกษา’ถาปัตย์สุดที่รักของครูและในฐานะที่ครูเป็นศิษย์เก่าที่นี่...”
“กรี๊ดด!!!”
คิดว่าผีเข้า ผู้ชายที่นั่งข้างหน้าสุดที่เหมือนจะอยู่คณะเดียวกับผมเขากรีดร้องออกมาเหมือนโดนน้ำกรดสาดด้วยเสียงที่แตกไม่แพ้อาจารย์เลยครับ
“มีเวลานอนก็ให้รีบนอนนะ เพราะปี 1 สบายที่สุดแล้ว งานน้อยที่สุด เรียนเบาที่สุด และหลังจากนี้เวลานอนของนักศึกษาคณะสถาปัตย์มันจะลดลงไปเรื่อย ๆ ตามปีที่สูงขึ้น เพราะฉะนั้น...อย่ารีบนอนเช้าตั้งแต่ปี 1 นะครับ เก็บร่างกายไว้ใช้งานหนัก ๆ ตอนปีสูง ๆ นะ...แล้วเจอกันนะเด็ก‘ถาปัตย์ ขอบคุณครับ”
“กรี๊ดดดดดด!!!”
มึงจะกรี๊ดกันทำไมนักหนาวะ งง ปรบมือหรือไม่ก็พูดขอบคุณเป็นการให้เกียรติอาจารย์น่ะทำไม่เป็นกันเหรอ แต่อาจารย์ก็เหลือเกินจริง ๆ จะไปก็ไปไม่สุด ยังจะมีหน้าหันกลับมายิ้มโบกมือลาให้พวกนักศึกษาอีก ทีนี้แหละคิดว่าไปดูคอนเสิร์ตเลย
“เอาล่ะค่ะน้อง ๆ ทีนี้ก็ถึงเวลาของเราแล้วนะคะ พร้อมที่จะสนุกกับฐานแรกแล้วหรือยังเอ่ย”
“วู้วววว...”
พร้อมไม่พร้อมไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ ผมจะโดนอะไรบ้างเถอะ ไม่ได้อยากมีสภาพเละเทะกลับหอเหมือนกิจกรรมรับน้องที่เคยดูในหนังหรอกนะ
“ใครมีมือถือหรืออะไรที่โดนน้ำไม่ได้ให้ยกมือขึ้นเลยนะ เดี๋ยวจะให้พี่ ๆ สต๊าฟไปเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยนะคะ”
ไม่นาน พี่ ๆ สต๊าฟทั้งหญิงและชายก็เดินแทรกมาตามแถวที่ปี 1 นั่งอยู่กันเต็มลานกว้างนี้ ก่อนจะรับมือถือและเครื่องมือที่โดนน้ำแล้วอาจจะมีสิทธิ์พังไปเลยเก็บใส่ก๊อบแก๊บหูหิ้วนี่แหละ ทีแรกผมก็จินตนาการว่ามันเป็นซิปล็อกอะไรแบบนี้
“มันจะหายปะวะ” ฝุ่นหันมาหาผมด้วยสีหน้าหวั่น ๆ ซึ่งหน้าผมก็ไม่น่าจะแตกต่างจากมันเท่าไหร่
“ไม่หรอก อย่างน้อยมันก็ต้องมีพี่เฝ้าบ้างแหละ”
กระอักกระอ่วนเหลือเกินนะหน้ามึง เพิ่งไปถอยรุ่นใหม่มาเลยละสิ แต่หน้าผมก็ไม่ได้แตกต่างจากหน้ามันเท่าไหร่หรอก พ่อผมเขาอุตส่าห์ซื้อให้เป็นของรับขวัญตอนเข้าปี 1 เลยนะ
“พี่สต๊าฟแจกผ้าน้องเลยค่ะ”
อะไรอีกอะ มาถึงจุดที่ทุกคนที่นั่งหน้าสลอนอยู่ในที่นี้มีผ้าเส้นยาวสีดำอยู่ในมือทุกคน นี่อย่าบอกนะว่าจะให้มัดมือมัดเท้าเพื่อนแล้วไปทารุณกรรม!
“เอาผ้าที่พี่ ๆ แจกให้ ปิดตาเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เลยค่ะ ถ้าหาเพื่อนไม่เจอก็ปิดตาตัวเองไปเลย”
ฉิบหาย หนักกว่ามัดมือมัดเท้าจับไปทำมิดีมิร้ายอีก
“หันหลัง ๆ” รู้จักกับฝุ่นก็ดีไปอย่าง ผมเลยบอกให้มันนั่งหันหลังและเป็นฝ่ายเอาผ้าที่ได้มาปิดตาและผูกไว้ที่ด้านหลังของหัวมัน “อ้าว แล้วใครจะผูกให้กูอะ”
“เฮ้ย...เดี๋ยวผูกให้” ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร คนที่นั่งอยู่แถว ๆ นั้นที่ยังนั่งตาใสก็ยกมือขึ้นอาสาจะเป็นคนผูกผ้าให้ผม
“ขอบใจ ๆ” ผมส่งผ้าสีดำให้ผู้ชายด้านหลัง “ชื่อไรเหรอ”
เขาเป็นผู้ชายตัวสูงโปร่ง สูงมาก ร้อยเก้าสิบน่าจะถึง ใส่แว่นด้วย เขาค่อย ๆ แหวกทางเดินเข้ามาหาผมที่กำลังยื่นผ้าให้เขา ส่วนฝุ่นเหรอ เหมือนกลัวว่าผมจะหายเลยจับกางเกงวอร์มผมแน่นไปหมด
“ชื่อแม็ก...แล้วชื่อไรอะ”
“บอร์น...เออ ไอ้นี่ชื่อฝุ่นนะ” มองไม่เห็นช่างมัน แต่ผมชี้ไปทางผู้หญิงที่ผงกหัวหงึกหงักเป็นเชิงทักทายแม็ก
ส่วนแม็กก็ยิ้มให้กับท่าทางตลก ๆ ของฝุ่นก่อนจะถอดแว่นเก็บใส่กระเป๋ากางเกง แล้วดูท่าทางแม็กเองคงจะสายตาสั้นพอตัว เพราะหลังจากที่เขาถอดแว่นนั้น แม็กก็หลับตาปี๋ก่อนจะหลับตาให้ผมผูกผ้าให้
โอเค หลังจากที่รู้จักกันแล้ว (ได้เพื่อนมาสองคนผมก็ว่าเยอะแล้ว) ภารกิจแรกที่รุ่นพี่ทั้งหลายมอบให้พวกเราชาวปี 1 คือปิดตาเดินจับมือกันครับ เดินเฉย ๆ มันก็คงไม่ตื่นเต้นใช่ไหมล่ะ ใช่ไง เขาเลยมีพี่สต๊าฟมาแหกปากใส่พวกผมพร้อมบอกว่ามีหลุมนะ ให้ก้มนะ ให้คลานนะ เออ...แล้วประเด็นคือเขาพาเดินเข้ามาตรงไหนก็ไม่รู้ซึ่งผมมั่นใจมาก ๆ ว่าไม่เคยมาแน่ ๆ แล้วถามว่าเชื่อไหม เออ บอกมีหลุมก็หลบอะ
“โอ๊ย เหยียบทำไมเล่า” กลายเป็นว่าผมไปเหยียบเท้าฝุ่นเฉย
“น้องระวัง ๆ ๆ มีตะปูอยู่”
มึงจะให้กูเดินปะถามจริง จะฆาตกรรมกันไง
“น้องระวังน้ำ ก้มหน่อย ๆ คลานเลย ๆ”
เอ้า คลานก็คลาน ซึ่งผมดึงมือแม็กกับฝุ่นให้คลานมาด้วยกันจริง ๆ นะ บอกให้ทำอะไรก็ทำอะ แล้วไอ้ที่เขาบอกว่ามีน้ำก็รู้สึกถึงหยดน้ำที่กระเซ็นมาโดนหน้าจริง ๆ แล้วพื้นที่ผมคลานอยู่นะ มันไม่ใช่พื้นเรียบ ๆ เลย ทั้งขรุขระ ทั้งแฉะ ไม่ควรเอามือไปสัมผัสเลยบอกตรง ๆ
พรวด!
เชี่ย เมื่อกี้หยดน้ำ แต่อันนี้ผมเชื่อว่ามันมาเป็นถัง ใครไม่โดนผมไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ กูโดนเต็ม ๆ รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือก ชื้นแฉะไปถึงชั้นใน
รับน้องของทั้งมหา’ลัยมันเป็นอย่างนี้เองเหรอวะ ความรู้สึกเหมือนเอาเด็ก ๆ ที่ไม่รู้ประสีประสามาทรมานยังไงไม่รู้ สั่งให้ทำโน่นทำนี่ผมก็ทำ เพราะไหน ๆ อาจารย์ปราชญ์ก็พูดเองแล้วด้วยว่าชีวิตเฟรชชี่มีอะไรให้ทำก็ทำไป ใช้มันให้คุ้ม ซึ่งผมคิดว่าแค่อีฐานนี้ฐานเดียวแม่งก็คุ้มยันเรียนจบแล้วมั้งเนี่ย
TBC
คิดถึงสมัยเรียนจังเลยอะ
ขอฝากนิยายเรื่อง อาจารย์ครับ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ // กราบบบ
