ตอนที่ 9 ไม่เหมือนคืนก่อน
เช้าวันเสาร์
ทิวากรสวมเสื้อคอปกสีขาวกางเกงขายาวเตรียมตัวออกไปไดรฟ์กอล์ฟกับกลุ่มเพื่อนที่นัดเจอกันทุกวันเสาร์ ส่วนอันนาหลบหน้าไม่ยอมพูดคุยและเฉยชากับอามาสองวันอีกทั้งไม่ยอมให้อารับส่งแต่ให้ลุงหมึกคอยรับส่งแทน ทิวากรไม่เซ้าซี้วุ่นวายเพราะรู้ว่าหลานไม่พอใจเรื่องไปเรียนต่อต่างประเทศและกำลังจะโดนจับหมั้นเลยต่อต้านเขาเลยรอให้เธออารมณ์ดีพร้อมที่จะพูดคุยกับเขา
ด้านอันนาเปิดผ้าม่านหน้าต่างห้องมองรถยนต์คันหรูของทิวากรแล่นออกจากรั้วบ้าน หน้าสวยเศร้าหมองน้อยใจอาที่รู้ว่าเธอต้องไม่สบายใจเรื่องไปเรียนต่อกับจะมีคู่หมั้นแต่อาก็ไม่สนใจที่จะมาพูดคุยไต่ถามความรู้สึกของเธอสักนิดกลับทำเป็นนิ่งเฉยเหมือนเธอไม่มีความสำคัญที่ต้องใส่ใจ
เวลาผ่านไปจนค่ำ
ทิวากรไดรฟ์กอล์ฟเสร็จนั่งสังสรรค์กับเพื่อน ๆ ต่อกว่าจะกลับเข้าบ้านเกือบสามทุ่ม ร่างหนาเดินเข้ามาในบ้านสีหน้าอ่อนล้า ลุงหมึกรีบเดินมาลานจอดรถเพื่อช่วยหยิบถุงกอล์ฟลงจากท้ายรถคันหรู
“คุณกรจะรับประทานอาหารค่ำไหมครับ?”
“ไม่ครับ ผมกินกับเพื่อนมาแล้ว” เขาคุยกับลุงหมึกแล้วกำลังจะเดินเข้าบ้านเมื่อมองขึ้นไปเห็นห้องอันนามืดสนิท
“วันนี้อันนานอนไวจัง”
“คุณหนูยังไม่กลับมาครับ ลุงไปส่งที่เที่ยวกับเพื่อน ๆ คุณหนูนัดให้ลุงไปรับตอนเที่ยงคืน”
“ใครอนุญาตให้ไป!” เท้าหนาชะงักหันขวับไปมองตาขวาง ลุงหมึกสะดุ้งหน้าตาเหลอหลา
“คุณหนูบอกว่าคุณกรอนุญาตแล้วนะครับ”
จะให้ผมไปรับกลับเลยไหมครับ” ลุงหมึกเห็นท่าไม่ดีพึ่งรู้ตัวว่าถูกคุณหนูหลอก
“ไม่เป็นไร เขาไปที่ไหนผมจะไปรับเอง” ทิวากรเสียงแข็งยืนฟังลุงหมึกบอกสถานที่แล้วเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปในบ้าน ลุงหมึกหน้าเสียรีบเอาถุงกอล์ฟไปเก็บในห้องเก็บของแล้ววิ่งไปเล่าเรื่องคุณหนูโกหกให้ป้าพัดฟัง
ทิวากรอาบน้ำแต่งตัวสวมเชิ้ตสีดำแขนยาวปลดกระดุมเผยหน้าอกหล่อเนี้ยบน่าหลงใหล เขายืนฉีดน้ำกลิ่นโปรดแล้วสวมนาฬิกาเรือนหรูก่อนจะไปที่ลานจอดรถเลือกรถซูเปอร์คาร์สีแดงสำหรับท่องราตรีเพื่อไปรับสาวน้อยหนีเที่ยว
รถซูเปอร์คาร์สีแดงสดได้อภิสิทธิ์จอดหน้าร้านซึ่งเป็นที่จอดสำหรับรถซูเปอร์คาร์เท่านั้น นักท่องราตรีมองรถอย่างตื่นเต้นเมื่อเจ้าของรถลงจากรถความหล่อของเขาก็ทำให้สาว ๆ แทบกรีดร้อง ทิวากรโปรยยิ้มหว่านเสน่ห์ให้สาว ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน ซึ่งมีรินลดาสาวสวยเซ็กซี่เจ้าของผับกำลังเดินนวยนาดบนรองเท้าส้นสูงห้านิ้วตรงมาหาเขา
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะกร”
“สบายดีไหมริน?”
“โอ้โห ทักทายได้ห่างเหินมากลืมความหลังของเราไปหมดแล้วเหรอ.......อยากทบทวนหน่อยไหม?” มือเรียวแตะแทรกเข้าไปในหน้าอกแกร่งส่งสายตายั่วยวนทันทีที่พบเจอ ทิวากรอมยิ้มดึงมือเธอออกเบา ๆ รินลดาหน้างอกระเง้ากระงอดนึกถึงเมื่อก่อนที่เคยสนุกด้วยกันก่อนที่เธอจะถูกจับแต่งงานกับสามีแก่คราวพ่อที่อยู่กินกันไม่กี่ปีก็ตายทำให้เธอเป็นหม้ายแต่ได้รับมรดกมหาศาลสบายไปทั้งชาติ
“วันนี้ไม่สะดวก มาคุมหลาน” สายตาคมกวาดมองไปรอบ ๆ ร้านที่ผู้คนหนาแน่นและด้วยความขาวสวยของอันนาทำให้เขาสะดุดตาหยุดมองหาเธอเจออย่างรวดเร็ว
“หลานที่กรรับเลี้ยงไว้ใช่ไหม โตจนเที่ยวกลางคืนได้แล้วเหรอเนี่ย” รินลดาเอ่ยถามแต่เขาไม่ตอบเธอเลยมองตามสายตาของเขาที่จับจ้องไปทางกลุ่มหญิงสาวและชายหนุ่มซึ่งคาดว่าเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเพราะหน้าตาละอ่อนทั้งโต๊ะ
“ผู้หญิงชุดดำมีกระดุมตรงกลางกระโปรงยาวผิวขาวแต่งหน้าเบา ๆ รวบผมสูงทรงดังโงะใช่ไหม...”
“ใช่ จำอันนาได้ด้วยเหรอ?” ทิวากรหันมองแปลกใจที่เธอทายถูก
“ก็สวยซะขนาดนั้นโดดเด่นกว่าคนอื่น แต่แต่งตัวเรียบร้อยไปหน่อยน่าจะเป็นชุดที่ดูเปรี้ยวที่สุดแล้วล่ะมั้ง เพราะมีอาเป็นเสือผู้หญิงคงสแกนทุกชุดที่หลานใส่ต้องไม่โป๊ให้ผู้ชายคิดเกินไปไกล”
“เป็นหมอดูหรือเจ้าของผับกันแน่”
“เจอคนเยอะก็ต้องหัดสังเกต.........แล้วก็รู้สึกว่าออร่าจะทำงานแล้วนะ มีหนุ่ม ๆ รุมล้อมด้วย” รินกอดอกยืนอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ทิวากรแล้วพูดเสริมเมื่อเห็นชายหนุ่มโต๊ะข้าง ๆ กำลังหันมาชนแก้วยืนใกล้ชิดอันนา ทิวากรหันมองตาขวางเห็นเธอใกล้ชิดกับชายอื่นก็หายใจแรงรีบเดินจ่ำตรงไปหาหลานสาวแล้วแทรกตัวแหวกหนุ่ม ๆ ที่รุมล้อมเพื่อมาจับข้อมืออันนา
“หมดเวลาสนุกแล้ว”
“อากร” หน้าสวยชะงักเหลอหลา เพื่อน ๆ ยกมือไหว้สวัสดีทิวากรแล้วยืนเต้นยกแก้วดื่มเหล้ากันสนุกสนานเพราะไม่รู้ว่าอันนาโกหกเพื่อหนีมาเที่ยวกับพวกเขา
“กลับบ้าน”
“ไม่ค่ะ!”
“อันนาอย่าดื้อ!” เสียงทุ้มแข็งขึ้นออกแรงกระชากข้อมือบางดึงตัวเธอเข้าใกล้
“อากรกลับไปเถอะค่ะ ไม่ต้องมาสนใจคนดื้อเอาแต่ใจอย่างอันนา!” หน้าสวยขึงขังมองจ้องตากับอาต่างคนต่างไม่ยอม เธอสะบัดแขนอย่างหงุดหงิด มือหนาบีบกำข้อมือบางไว้แน่นขึ้นก่อนจะย่อตัวลงจับหลานสาวตัวแสบขึ้นพาดบ่า อันนาหน้าเหวอตัวลอยอยู่บนบ่าแกร่งท่ามกลางสายตาของกลุ่มเพื่อนและนักท่องราตรีต่างอ้าปากค้างงงกันเป็นแถว
“อากรปล่อยนะ!” มือเรียวทุบแผ่นหลังหนาดีดขาดิ้นไปมาแขนแกร่งรวบกระชับขาเรียวไว้แล้วเดินหน้าบึ้งแบกหลานจะพาออกไปข้างนอก การ์ดหน้าร้านกันตัวไม่ให้ออกแต่รินลดาโบกมือให้ลูกน้องถอย ทิวากรหันมายิ้มให้รินลดาแล้วแบกหลานสาวร่างบางออกจากร้านไปโดยดี
“เด็กกำพร้าที่ขอมาเลี้ยง ตอนนี้คงไม่ใช่แค่อาหลานแล้วมั้ง” รินลดายกยิ้มอย่างรู้ทันก่อนจะหันหลังเดินตรวจร้านไม่สนใจสองอาหลาน
ทิวากรแบกอันนาพาดไหล่ออกมาหน้าร้านตรงไปยังรถซูเปอร์คาร์ เธอยังดีดดิ้นโวยวายให้ปล่อยไม่หยุดจนเขามันเขี้ยวยกมือขึ้นฟาดก้นงอน
“เดี๋ยวนี้หัดโกหก!”
“โอ๊ย! อันนาเจ็บนะ”
“สั่งสอนเด็กดื้อ”
“อันนาไม่ใช่เด็ก ปล่อยลงสักทีอายคนอื่นเขา” อันนาโวยวายเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงที่ดังอึกทึก
“ดีให้อายไปเลยจะได้ไม่หนีเที่ยวอีก” เขาแบกหลานมาถึงรถแล้วค่อย ๆ วางลงอย่างระวัง เมื่อเท้าเหยียบพื้นอันนาก็ทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในร้าน
“ขึ้นรถแล้วห้ามลงมา อย่าให้อาโมโห!” เสียงทุ้มแข็งขึ้นมองตาขวาง อันนาหยุดชะงักเบะปากหน้างออากรไม่เคยขึ้นเสียงกับเธอทำให้รู้สึกได้ว่าอาไม่พอใจจริง ๆ เลยหันหลังไปเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งอย่างว่าง่าย เขาพ่นลมหายใจหอบเหนื่อยรีบเดินอ้อมไปฝั่งคนขับแล้วถอยรถออกจากลานจอดรถทันที
บนถนนระหว่างเส้นทางกลับบ้าน
“อาเคยบอกว่าไม่ให้เที่ยวกลางคืนไง ทำไมต้องโกหกลุงหมึกเพื่อหนีเที่ยว อันนาไม่เคยเป็นแบบนี้ไม่พอใจอะไรก็คุยกันสิ!” เขาเหลือบมองอันนาที่นั่งหน้าง้ำกอดอกไม่พูดจา
“งอนไม่อยากคุยด้วย” หน้าสวยสะบัดหนีมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
“งอนเรื่องอะไร?”
“ไม่รู้จริง ๆ เหรอคะ วันก่อนเราเถียงกันเรื่องที่อากรผลักไสให้อันนาไปอยู่ไกล ๆ แล้วก็เรื่องคืนก่อนที่อากรจำไม่ได้ ทำไมไม่เคยจำอะไรเกี่ยวกับอันนาเลย............อันนารู้สึกไร้ค่าในสายตาอากร!” เธอเสียงเหวี่ยงพ่นคำบ่นที่แสนจะตัดพ้อน้อยใจ ทิวากรรีบเบี่ยงรถจอดเข้าข้างทาง
“เลยหนีเที่ยว เพื่อเรียกร้องความสนใจ?
“แค่อยากต่อต้าน อยากรู้ว่าอากรจะสนใจบ้างไหม” เสียงหวานสั่นเครือหน้าบึ้งตึง
“เด็กน้อย”
“ไม่ใช่เด็ก”
“นี่มันการกระทำของเด็ก” เขาทำหน้าหยอกล้อหลานที่งอนเป็นเด็ก ๆ
“แล้วผู้ใหญ่เวลาไม่พอใจเขาทำยังไงกันเหรอคะ”
“ก็หลายอย่าง เช่นจูบเพราะมันเขี้ยว” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสายตาเจ้าเล่ห์ อันนาชะงักนิ่งมองสบสายตาคมที่จ้องมองมาราวกับโดนมนต์สะกดให้หยุดนิ่งไม่ไหวติง เขาจ้องมองความน่ารักของเธอจนอดใจไม่ไหวค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าใกล้แล้วฉกริมฝีปากนุ่มมากดจูบดวงตาสวยเบิกโพลงตกใจที่โดนขโมยจูบไปอย่างงง ๆ มือเรียวจิกเกร็งบนแขนแกร่ง ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าหาความนุ่มกลิ่นแอลกอฮอล์อบอวลให้เขาควานหาอยากลิ้มลองความเดียงสาแล้วค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง
“จูบคืนนี้ไม่เห็นเหมือนคืนก่อน สงสัยจะงอนอาจริง ๆ ” เขายกยิ้มกรุ้มกริ่มแววตาเป็นประกาย อันนาใจเต้นรัวมองใบหล่อของอามีเสน่ห์จนเธอหวั่นไหว
