ตอนที่ 4 ไม่อยากอยู่คนเดียว
บ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์น
รถหรูแล่นจอดหน้าประตูบ้าน อันนาที่นิ่งเงียบมาตลอดทางเปิดประตูรถแล้วลงเดินเข้าไปในบ้านไปอย่างเงียบ ๆ ทิวากรยืนมองห่วงใย เขารู้เรื่องความผิดพลาดของพี่ชายและรู้ว่าปรียาเกลียดอันนาเพราะอะไร เขาเลยรับอันนาที่น่าสงสารมาอยู่ด้วยเพราะไม่อยากปล่อยให้อันนาเศร้าคนเดียวจนเคยคิดฆ่าตัวตายตั้งแต่อายุสิบสาม
ในเวลาค่ำคืน
ทิวากรนอนไม่หลับเป็นห่วงที่อันนาเงียบไปด้วยความกังวลว่าหลานจะคิดสั้นเหมือนที่ผ่านมา ร่างกำยำเดินมายังหน้าห้องนอนของอันนามีแสงไฟอ่อน ๆ ลอดผ่านช่องประตูเลยเปิดประตูเข้าไปข้างในห้องไม่เห็นหลานอยู่บนที่นอนแต่เห็นหัวอยู่ข้างเตียงฝั่งหน้าต่าง เขาพ่นลมหายใจก่อนจะเดินเข้าไปหาเห็นร่างบางนั่งชันเข่าฟุบหน้าลงคุดคู้อยู่ข้างเตียง
“อันนา........ทำอะไรอยู่”
“อากร..........” หน้าสวยเงยมองน้ำตานองหน้าค่อย ๆ ยกแขนขึ้นยื่นให้เขาดูข้อมือที่ถูกกรีดเลือดไหลนองพื้น สายตาคมเบิกโพลงใจเต้นรัวช็อกกับสิ่งที่เห็น
“อันนา!” กายหนาสะดุ้งเฮือกตื่นจากความฝันบนที่นอนนุ่ม หน้าหล่อเลิ่กลั่กหายใจหอบเหนื่อยก่อนจะรีบลุกวิ่งไปที่ห้องของอันนาแล้วเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปทันที
“อากร!” อันนาหน้าเหวอพึ่งอาบน้ำเสร็จพันผ้าขนหนูรอบกายรีบงอตัวยกมือขึ้นปิดหน้าอกอัตโนมัติ ทิวากรไม่พุ่งตัวไปหาดึงข้อมือเรียวออกมาพลิกดูบาดแผล
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความกังวล มองสำรวจร่างกายหลานสาว อันนาเขินก้มหลบสายตาหน้าแดงก่ำ เขาเงยมองหน้าสวยเห็นเธอทำเหนียมอายเลยได้สติตาโตอ้าปากค้างรีบหันหลังหนีหัวใจเต้นโครมครามเป็นห่วงจนลืมดูว่าเธอมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวปิดบังร่างกาย
“อากรเข้ามาทำไมคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามแล้วเดินเขย่งปลายเท้าไปที่ตู้เสื้อหยิบชุดนอนกระโปรงตัวขาวมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว
“อาฝันร้ายเลยเป็นห่วง ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” หน้าคมเคร่งเครียดกลืนน้ำอึกใหญ่กำลังจะก้าวเท้าเดินออกจากห้อง
“นอนเป็นเพื่อนได้ไหมคะ ไม่อยากอยู่คนเดียว”
“............” เขาชะงักเอียงมองข้างหลังเล็กน้อยไม่กล้าหันไปมองไม่รู้ว่าเธอแต่งตัวเสร็จหรือยัง รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกสวมกอดทางด้านหลังแขนเรียวโอบล้อมเอวหนาซบหน้าแนบหลังแกร่ง
“วันนี้ไม่มีความสุขเลย กว่าจะสลัดความทุกข์ลุกอาบน้ำได้ก็ปาไปหลายชั่วโมง” อันนาออดอ้อนสีหน้าหมองเศร้า คนตัวโตใจเต้นรัวเหงื่อผุดไรผมสติกระเจิดกระเจิงเพราะความนุ่มนิ่มที่สัมผัสกับแผ่นหลัง
“ได้อานอนบนโซฟานะ” เขารีบแกะมือเธอออกจากเอวแล้วเดินตรงไปยังโซฟาตัวเล็กที่วางไว้ตรงข้ามเตียงนอนแล้วรีบนอนตะแคงหันหน้าเข้าพนักพิง อันนาเดินตามไปงง ๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำท่าลุกลี้ลุกลน
“อากรไม่สบายหรือเปล่าคะ” ร่างบางนั่งลงเอื้อมมือแตะหน้าผากที่เปียกชื้นเขาจับข้อมือเธอแน่นน้ำเสียงติดขัด
“อาง่วง ไปนอนเถอะ”
“ค่ะ” อันนาลุกขึ้นยืนเดินไปที่เตียงนอนอย่างแปลกใจนั่งมองทิวากรนอนหันหลังให้อยู่สักพักก็เอนกายนอนบนที่นอนข่มตาหลับพยายามลืมความทุกข์ที่มี
เกือบรุ่งสาง
อันนาตื่นขึ้นมารู้สึกว่าอากาศเย็นเฉียบ เธอหันมองทิวากรนอนขดตัวหันหลังท่าเดิมเลยลุกขึ้นไปหยิบผ้านวมอีกผืนที่อยู่ในตู้เก็บของใช้เอาไปห่มให้เบา ๆ ไม่ให้เขาตื่น เธอคุกเข่าชะเง้อมองใบหน้าหล่อหลับใหลเขาผู้เป็นทุกอย่างเสมือนแสงสว่างในชีวิตหากไม่มีเขาเธอคงจบชีวิตตัวเองไปตั้งแต่อายุสิบสาม ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันความผูกพันสนิทสนมก่อตัวขึ้นในใจเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความรักเธอไม่เคยเปิดใจให้ผู้ชายคนไหนที่มาจีบเพราะลึก ๆ แล้วรู้ว่าตัวเองรักใครแต่ก็ทำได้แค่แอบรัก เขามีศักดิ์เป็นอาที่รักและเอ็นดูเธออย่างหลานคนหนึ่งหากเมื่อไหร่ที่เขาล่วงรู้ความลับในใจ เธอกลัวว่าจะเสียเขาไปตลอดกาล กายหนากระดุกกระดิกขยับตัวอันนารีบลุกพรวดด้วยความตกใจจนลืมตัวทิ้งน้ำหนักลงเท้ามากเกินจนเจ็บแปลบขาทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น
“โอ๊ย!” เสียงร้องของเธอทำให้ทิวากรสะดุ้งตื่นผงกหัวหันมองข้างหลังเห็นอันนานั่งหน้านิ่วเอามือจับข้อเท้าเลยรีบลุกขึ้นมาดู
“เป็นอะไร?”
“ทิ้งน้ำหนักเยอะไปหน่อย มันเจ็บแปลบ ๆ”
“อาบอกแล้วให้ระวัง” เขาส่ายหน้าถอนหายใจเบา ๆ แล้วช้อนแขนแกร่งเข้าใต้เรียวขาและช่วงตัวอุ้มสาวน้อยจอมวุ่นของเขาไปนั่งบนโซฟาแล้วเดินไปหยิบยาทาแก้ปวดบวมกลับมาคุกเข่าค่อย ๆ ประคองข้อเท้าเรียวขึ้นมาวางบนหน้าขาแล้วบีบยาทาให้อย่างเบามือ อันนาขมวดคิ้วก้มมองข้อเท้าที่ยังเสียวแปลบ ๆ
“อ่ะห์....” ขาเรียวกระตุกขึ้นเสียงร้องเบา ๆ นั้นทำคนตัวโตชะงักเสียงนั้นกระตุ้นอารมณ์ชายโสดเขาก้มหน้ามองข้อเท้าเล็กไล่ขึ้นไปยังเรียวขาขาวเรื่อย ๆ อันนามองสายตาของเขาเคลื่อนขึ้นมาเรื่อย ๆ หายใจไม่ทั่วท้องกำผ้านวมแน่น สายตาคมยังคงมองขึ้นไปจนถึงขาอ่อนเลือดลมสูบฉีดแรงขึ้นหัวใจเต้นแรงแล้วเผลอลงน้ำหนักมือที่ข้อเท้าเล็ก
“โอ๊ย อากร!” หน้าสวยบิดเบี้ยวดึงข้อเท้าออกห่าง ทิวากรได้สติรีบหลบตามองพื้นเม้มริมฝีปากแน่น
“น่าจะดีขึ้นแล้ว ทีหลังก็ค่อย ๆ เดิน.......อากลับห้องก่อน” ร่างหนารีบลุกไม่มองหน้าหลานสาว
“ค่ะ........” อันนาก้มหน้าลงตอบรับเสียงแผ่วเบารู้สึกเขินอายแก้มแดงไม่กล้าเงยมอง ทิวากรเดินออกไปจากห้องปิดประตูสนิท อันนาถึงกับถอนหายใจโล่งอกยกมือขึ้นจับหัวใจที่เต้นแรงพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉายชัดบนหน้าสวย ด้านทิวากรยืนยิ้มมีความสุขอยู่หน้าห้องก่อนจะเดินกลับไปห้องนอนตัวเอง
