ตอนที่ 5 ไม่ชอบผู้หญิง
หลายวันต่อมา
บนรถคอมมูเตอร์สีดำ
สองอาหลานดำเนินชีวิตตามปกติแม้จะมีเก้อเขินกันบ้างเป็นบางเวลา วันนี้อันนาสวมชุดนักศึกษารองหุ้มส้นสีดำรวบผมมัดไว้ข้างหลังเรียบร้อยเพื่อไปรายงานตัวฝึกงานกับเพื่อน ๆ ที่บริษัทย่อยของทิวากร ซึ่งไม่มีใครในบริษัทรู้ว่าอันนาเป็นหลานสาวของเขาเพราะเขาให้ปิดเป็นความลับและทั้งสองใช้คนละนามสกุล ทิวากรไม่อยากให้มีความเหลื่อมล้ำและไม่อยากให้พนักงานรู้สึกเกรงหลานเจ้าของบริษัทจนไม่กล้าใช้งานเธอ
“ช่วงนี้อาต้องเข้าบริษัทใหญ่จะเข้าบริษัทลูกประมาณอาทิตย์หน้า อันนาต้องดูแลตัวเองนะ” ทิวากรนั่งไขว่ห้างก้มหน้าเลื่อนดูหน้าจอแท็บเล็ตตรวจดูตารางงาน
“ค่ะ อากรส่งอันนาลงตรงนี้ก็ได้นะคะอีกแค่หนึ่งป้ายรถเมล์จะถึงบริษัทแล้ว จะได้ไม่มีคนสงสัย” นิ้วเรียวชี้ไปข้างถนนแล้วยิ้มสดใส
“อาลืมนึกไป วันหลังอาจะขับรถอีกคันมาส่งแล้วกัน” เขาหันมองเพิ่งนึกได้ว่าถ้าจอดรถหน้าบริษัทหากมีใครเห็นรถและทะเบียนต้องจำได้ว่าเป็นรถของผู้บริหาร
“ลุงหมึกจอดข้างหน้าด้วยครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกกับคนขับรถ อันนาหยิบกระเป๋าหนังใบใหญ่ขึ้นมาสะพายเขยิบตัวกดเปิดประตูอัตโนมัติแล้วลงไปยืนบนฟุตบาท
“บ๊าย บาย......” หน้าสวยสดใสโบกมือลาอาสุดที่รักก่อนจะกดปิดประตู
“คุณอันนาโตขึ้นเยอะเลยนะครับ” ลุงหมึกพูดขึ้นเอ็นดูคุณหนูน่ารักแสนอาภัพแต่โชคยังดีที่ทิวากรพามาเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
“ใช่ครับ พวกเราจะไม่แก่ได้ยังไง” ทิวากรอมยิ้มมองอันนาเดินไปเมื่อรถเคลื่อนผ่านเธอเขาก็หันมองจนสุดสายตา เธอโตเป็นสาวแล้วอีกหน่อยก็จะมีคนรักและครอบครัวที่อบอุ่น นั่นเป็นสิ่งที่ทิวากรยังนึกภาพไม่ออกเลยว่าเขาจะทนเห็นเธอมีความสุขกับชายอื่นที่ไม่ใช่เขาได้ยังไง.......
หน้าตึกสิบชั้นล้อมด้วยกระจกสีฟ้า
อันนาเดินมาจนถึงหน้าตึกเธอเงยมองตึกที่สูงสิบชั้นขนาดใหญ่ตรงหน้าบริษัทย่อยที่ดูไม่เล็กเอาเสียเลย แต่หากเปรียบเทียบกับบริษัทหลักของครอบครัวก็ต่างกันลิบลับอยู่เหมือนกัน
ภายในห้องประชุมขนาดเล็ก
อันนา เบล บาส มาฝึกงานตำแหน่งสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กรเหมือนกัน หัวหน้าฝ่ายบุคคลเปิดวิดีโอภาพรวมขององค์กรฉายขึ้นหน้าจอและบอกกฎการปฏิบัติตัวให้เหมาะสมในสถานที่ทำงาน ก่อนจะพาเด็กฝึกงานทั้งสามไปยังแผนกสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร อันนาและเพื่อน ๆ ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพี่พนักงานประจำช่วยแนะนำสอนงานอย่างเป็นมิตร เด็กฝึกงานก็ตั้งใจทำงานกันเต็มที่
ช่วงพักกลางวัน
ที่ร้านอาหารตามสั่งข้างบริษัท
พนักงานในแผนกพาน้องฝึกงานมากินข้าวร่วมกันเพื่อสร้างความสนิทสนม มายพนักงานสาวแซ่บทาปากสีแดงแปร๊ดแต่งหน้าจัดเต็มนั่งดูดน้ำระหว่างรออาหารตามสั่งก็เหลือบเห็นนาฬิกาข้อมือของอันนา
“นาฬิกาแบบนี้เหมือนเห็นในกลุ่มป้ายยาว่าเป็นคอลเลคชั่นใหม่ ราคาหลายแสนเลยนะ ตลาดนัดเอามาขายเร็วจัง ไปซื้อที่ตลาดไหนเหรอพี่จะไปซื้อมาใส่บ้าง” มายไม่พูดเปล่าเอื้อมมือไปจับข้อมือของอันนาขึ้นมาเพ่งมองนาฬิกาชัด ๆ
“เอ่อ....พ่อซื้อให้ค่ะ เดี๋ยวกลับไปถามพ่อให้นะคะ” อันนายิ้มแห้งบ่ายเบี่ยงไม่ตอบเพราะรู้ราคาจริงของนาฬิกาที่ทิวากรซื้อให้แต่เธอหยิบมาใส่อย่างคุ้นชินจนลืมไปว่าจะทำตัวให้เป็นแค่เด็กฝึกงานทั่วไป เบลกับบาสยิ้มอ่อนรู้ว่าอันนารวยแต่พูดไม่ได้
“ฝากถามให้ด้วยนะ พี่อยากได้” มายส่งสายตาอ้อนวอนไม่มีเงินซื้อของแท้ขอสอยของก็อปก็ยังดี อันนาหน้าเจื่อนกำลังคิดว่าจะบอกพิกัดให้ไปซื้อยังไงดี
“อันนา” เสียงทุ้มดังขึ้นหัวโต๊ะพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมผู้ชายโชยอ่อน ทุกคนบนโต๊ะอาหารหันไปมองพร้อมเพรียง พนักงานสาวอ้าปากค้างเมื่อเห็นหนุ่มหล่อในบริษัทที่ใครก็หมายปองมายืนอยู่ตรงนี้
“พี่หมอก ทำงานอยู่แถวนี้เหรอคะ” อันนา บาส เบล ยิ้มกว้างเมื่อเจอคนรู้จัก
“พี่อยู่ฝ่ายมาร์เก็ตติ้งของบริษัทที่อันนาห้อยป้ายอยู่” เขาอมยิ้มชี้ไปที่ป้ายห้อยตรงหน้าอกหญิงสาว
“โลกกลมจัง ดีใจที่ได้เจอนะคะ” อันนายิ้มสดใสอย่างเป็นมิตร
“พี่ก็ดีใจที่จะได้เจอกันบ่อย ๆ” หมอกยิ้มกว้างแววตาเป็นประกายจ้องมองอันนาเพียงคนเดียว ทำเอาสาว ๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยถึงกับอกหัก
“หมอกไปกัน!” เพื่อนของหมอกร้องเรียกจากทางหน้าร้าน
“ไว้เจอกันวันหลังนะ” หมอกขอตัวแล้วหันหลังเดินออกไปหากลุ่มเพื่อนร่วมงานตัวเอง
“รู้จักกันด้วยเหรอ หมอกฮอตสุดในบริษัทเลยนะ” ฟ้ารีบถามกลุ่มน้องฝึกงานอยากรู้อยากเห็นเต็มที
“พี่หมอกเป็นพี่รหัสของอันนาค่ะ”
“เคยจีบอันนาด้วย แต่อันนาขอให้เป็นแค่พี่ชาย” บาสพูดเสริม ทำเอามาย ฟ้าและนิ่ม ต่างตื่นเต้น
“ทำไมไม่เอาล่ะเขาฮอตมากเลยนะ หล่อแมนแฮนซั่มแถมรวยด้วยเห็นขับรถยุโรปมาทำงาน ไม่รู้ว่าจะมาเป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนทำไม”
“ในบริษัทมีตัวท็อปอยู่คนเดียวเหรอพี่?” บาสถามแทรกสงสัยเพราะเท่าที่รู้เจ้าของบริษัทนี้หล่อไม่แพ้ใครเหมือนกัน
“อันที่จริงก็มีอีกคนนะหล่อกินคน หล่อเหมือนไม่มีอยู่จริง หล่อวัวตายควายล้ม หล่อเกิน....” มายลากเสียงยาวพร่ำพรรณนาตาหวานเยิ้ม ฟ้ากับนิ่มพยักหน้าเห็นด้วย
“โอ๊ย พอแล้วมั้งพี่จะหล่ออะไรขนาดนั้น” บาสเอ่ยแซว ทุกคนหัวเราะที่ถูกเบรก
“ต้องเจอตัวจริงจ้ะ แล้วจะรู้ว่าที่พูดไม่เกินจริงเลย เขาคือคุณกรเจ้าของบริษัทของพวกเรานี่แหละ หล่อแบบถ้าเห็นอาจกรี๊ดสลบได้ แต่เสียดายอยู่อย่างเดียวคุณกรไม่มองผู้หญิง”
“ฮ๊ะ!”
“รู้แล้วเหยียบให้มิดเลยนะ คุณกรเขาเป็นเกย์” นิ่มเอามือป้องปากกระซิบ ๆ ไม่อยากให้โต๊ะอื่นได้ยิน อันนา เบล บาสหน้าเหวอหันมองหน้ากันงง ๆ
“ข่าวกรองแล้วใช่ไหมคะ?” อันนาแทรกถามน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ทิวากรถูกนินทาในทางที่ไม่ดี
“กรองแน่นอน ตั้งแต่ทำงานที่นี่มาสิบปีไม่เคยเห็นควงผู้หญิงคนไหน โสดสนิทไม่มีแฟน มีแต่เพื่อนผู้ชายมาหาไม่รู้ว่าเพื่อนหรือว่าคนรักกันแน่” มายคุยต่อออกรสออกชาติโดยไม่รู้เลยว่าคนที่นั่งฟังอยู่คือหลานสาวของเจ้าของบริษัท
“ไม่ควงผู้หญิงให้เห็นอาจไม่ได้แปลว่าไม่มีนะคะ” เบลน้ำเสียงราบเรียบพูดขึ้นมากลางวง ทุกคนหันไปมองเบลตาเดียวกัน
“เขาอาจมีผู้หญิงซ่อนอยู่แต่ยังไม่อยากให้ใครรู้ก็ได้ หล่อรวยขนาดนั้นก็ต้องมีบ้างแหละ” เบลหลบตาลงแล้วยกแก้วน้ำขึ้นมาดูด
“แต่พี่ว่าไม่มีนะ ถ้ามีต้องเปิดตัวหน่อยสิ ผู้หญิงที่ไหนจะทนเป็นเมียลับ ๆ อยู่ได้ล่ะ” มายสีหน้าครุ่นคิด น้ำสะกิดแล้วพูดแทรกเบา ๆ
“ผู้หญิงที่ได้เงินไงแก”
“เออจริง” ฟ้าพยักหน้าเห็นด้วย สามพนักงานสาวเลยสุมหัวกันหาเหตุและผล ส่วนเบลกับบาสเหลือบมองอันนาที่นั่งหน้าเครียดกระวนกระวายใจ เธอรู้สึกได้ว่าทิวากรไม่ใช่เกย์แต่ที่กังวลคือเขามีผู้หญิงลับ ๆ อยู่หรือเปล่าเพราะทุกอาทิตย์ทิวากรจะไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนตอนกลางคืน บางทีก็กลับดึกหรือไม่ก็กลับเช้าเธอไม่รู้ว่าเขาไปเที่ยวหรือว่าไปอยู่กับผู้หญิงลับ ๆ กันแน่ ใจดวงน้อยเต้นรัวอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้องรู้สึกว่าหึงหวงอาตัวเองจนแทบหายใจไม่ออก
สปอยตอนต่อไป
ลมหายใจอุ่นรดแก้มเนียนแขนแกร่งโอบล้อมกายบางไว้แน่นดันสาวน้อยนอนลงบนที่นอนนุ่มกดจูบบบดขยี้เร่าร้อนไม่แผ่ว มือหนาเคลื่อนลูบไล้เรือนร่างบางอันนาเริ่มหายใจติดขัดยังไม่เคยชินกับการหายใจขณะจูบและรู้สึกวาบหวามกับสัมผัสของมือหนาที่กำลังรุกล้ำสอดเข้าไปในกระโปรงชุดนอนแล้วเคลื่อนเข้าใกล้ช่องทางรักเต็มที ริมฝีปากหนาผละออกอย่างรู้งานมองสบตากันหวานซึ้ง มืออุ่นสัมผัสกับช่องทางรักคิ้วเรียวขมวดตื่นตกใจ
“อากร.........” เสียงหวานแผ่วเบายกมือเรียวลูบแก้มสากจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของชายที่รัก นิ้วแกร่งกรีดเกลี่ยความอ่อนนุ่มลากไล้ไปมา อันนาเสียวซ่านหายใจหอบกระสัน
