บทที่ 7 ตอบแทนด้วยร่างกาย
บทที่ 7 ตอบแทนด้วยร่างกาย
เสียงสายลมพัดผ่านเบา ๆ ปลุกให้หลิวรั่วซีลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ นางยังคงอยู่ในร่างใหม่ ร่างอ้วนท้วมที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้ แต่ภายในจิตใจของนางกลับรู้สึกสมบูรณ์และเข้มแข็งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากนั้นนางก็มองออกไปนอกหน้าต่าง ความรู้สึกที่ร่างนี้รับรู้คือ นางเพียงสลบไปเป็นเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น หาใช่เป็นเวลาหลายปีตามที่นางได้ติดตามดูชีวิตหมอหลิวจนกระทั่งวิญญาณของทั้งคู่ได้หลอมรวมกัน..
สิ่งแรกที่ดึงความสนใจของนางคือร่างของชายหนุ่มปริศนาที่นอนหมดสติอยู่ข้าง ๆ นาง หญิงสาวขมวดคิ้ว มองสำรวจร่างกายของเขา แววตาเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความมุ่งมั่น สัญชาตญาณของหมอกลับคืนมาในทันที นางโน้มตัวเข้าไปใกล้ วางนิ้วจ่อที่จมูกของเขาเพื่อดูว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ลงบนข้อมือของชายหนุ่มเพื่อวัดชีพจร รู้สึกถึงจังหวะเต้นที่แผ่วเบาและไม่สม่ำเสมอ
“ชีพจรอ่อนแรง..แผลด้านหลังนี้ทำไมถึงมีเลือดซึมออกมาหล่ะ อืม...แผลฟกช้ำกระจายไปทั่วร่าง คล้ายโดนซ้อมมา หรือไม่ก็ไปต่อยใครมาแล้วโดนสวนกลับ” นางพึมพำกับตัวเอง พลางพลิกแขนเขาดูอย่างละเอียด “นี่แผลจากอาวุธใช่ไหม? แล้วนี่...รอยกัด? จอมยุทธที่นี่เขามีกัดกันด้วยหรือนี่..ช่างเปิดหูเปิดตาหมอแบบข้าจริงๆ ?” นางตรวจไปก็พึมพำกับตัวเองไปด้วย เมื่อตรวจมาถึงบริเวณไหล่ที่เป็นแผลฉกรรจ์
นางเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อตรวจพบรอยเขียวคล้ำบริเวณไหล่ พร้อมกลิ่นแปลก ๆ ลอยจาง ๆ “อ่า... เจ้านี่โดนพิษด้วยหรือนี่แล้วข้าเพิ่งแตะตัวเขาไป! ข้ายังไม่อยากตายตอนนี้นะ!” นางสะบัดมือไปมาอย่างร้อนรนก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเป็นหมอ..“เอาล่ะ ใจเย็น ๆ หลิวรั่วซี เจ้าเป็นหมอแล้วนะใจเย็นๆ !” หลิวรั่วซีพึมพำกับตนเองเมื่อตรวจดูต่อไปนางก็เห็นบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บนั้นเนื้อรอบๆ เริ่มเป็นสีดำ...สีดำแสดงว่าอาวุธที่ใช้นั้นมีพิษ นี่คือความทรงจำของหมอหลิวที่ส่งมา เจ้าอ้วนรีบขยับเข้ามาใกล้อีกนิด ขณะที่ก้มดูบาดแผล สายตาของนางก็ตกลงบนขนยาวงอนเรียงตัวอ่อนช้อย นางขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางคิดว่า เป็นบุรุษจะต้องการขนตาที่งอนยาวเช่นนี้ไปเพื่ออะไรกัน จากนั้นก็มองสำรวจไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างพินิจพิเคราะห์ พลันนางก็พึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“อืม...หน้าตาหล่อเหลาพอใช้ได้ แต่หากเทียบกับ จางหลินเฮ่อของข้าแล้วเจ้ายังห่างชั้นอยู่นะเจ้าหล่อ ถึงจะมีความคล้ายคลึงกันถึง 8 ส่วนก็เถอะ แต่ว่าไฝเม็ดนั้นเจ้าไม่มี."บ่นไปตรวจไป ".แต่พิษแรงขนาดนี้ ต่อให้เป็นจางหลินเฮ่อของข้าก็ไม่มีสิทธิ์ฟื้นง่าย ๆ แน่ ทำอย่างไรดีล่ะ”
มือของนางค่อย ๆ ลูบไล้สำรวจร่างของชายหนุ่ม พบว่ามีรอยฟกช้ำกระจายอยู่ตามแขนและลำตัว ราวกับว่าเขาผ่านการต่อสู้ที่รุนแรงมาก่อน นางเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
‘เขาเป็นใครกันแน่?’
แต่ในเวลานี้ สิ่งสำคัญคือการรักษา นางรีบใช้ทักษะทางการแพทย์ที่ได้รับจากหมอหลิวรั่วซีในอดีต ค่อย ๆ ตรวจสอบบาดแผลแต่ละจุดอย่างละเอียดก่อนจะได้ข้อสรุปว่าเจ้าหล่อผู้นี้ ถูกพิษไหนจะบาดแผลที่ศีรษะที่ยังไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องทำให้เลือดยังคงไหลซึมออกมา หากปล่อยเอาไว้เช่นนี้เจ้าหล่อไม่รอดแน่
หลิวรั่วซีมองไปรอบ ๆ ทว่าที่นี่เป็นเพียงห้องเก่า ๆ รก ๆ ของบ้านหลังเล็กของนาง ไม่มีอะไรเลย นางกัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิด
“เฮ้อ… ถ้าเป็นในยุคของข้า ป่านนี้คงใช้เครื่องตรวจพิษอัจฉริยะสแกนผลภายในสามวินาทีไปแล้ว”
ทันใดนั้นเอง แสงสีฟ้าระยิบระยับก็ปรากฏขึ้นข้างเตียง ทำให้หลิวรั่วซีตาโต ก่อนที่ปากของนางจะแยกกว้างแล้วกลายเป็นเสียงหัวเราะดังก้องห้องน้อยของนาง
“ว่ะฮ่าฮ่าฮ่า! ข้ารอดแล้ว!!!”
เครื่องมือทรงกลมขนาดเล็กลอยขึ้นเหนือชายหนุ่มพร้อมเสียงกลไกทำงาน นางรีบคว้ามันมาและแนบลงบนผิวของเขา ไฟสีเขียวสว่างขึ้นก่อนที่หน้าจอจะฉายข้อมูลออกมาเป็นตัวอักษรที่ลอยอยู่กลางอากาศ
“โอ้โห! ตรวจจับพิษระดับสาม ผสมกับสารแปลกปลอมที่ไม่พบในยุคโบราณ… ข้ารักเทคโนโลยีจริง ๆ!” นางลูบคางพลางพยักหน้าอย่างพอใจ “อืม ๆ ค่อยสมกับเป็นหมอจากอนาคตหน่อย!”
นางถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างโล่งอก ก่อนจะใช้ข้อมูลที่ได้รับเพื่อเริ่มต้นกระบวนการขับพิษจากร่างชายหนุ่มอย่างมั่นใจขึ้น นางกดปลายนิ้วลงไปที่จุดสำคัญเพื่อช่วยขับพิษออกจากร่างชายหนุ่ม แต่ทันใดนั้น เครื่องมือตรวจพิษก็ส่งสัญญาณอีกครั้ง ก่อนที่ข้อความใหม่จะปรากฏขึ้นว่า "การสกัดยาแก้พิษเริ่มต้น... กรุณารอ..."
หลิวรั่วซีตาโตขึ้นอีกครั้ง ขณะมองดูเครื่องมืออีกชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นข้างเตียง มันเป็นหลอดแก้วทรงยาวที่ภายในเริ่มรวมตัวยาเป็นสีฟ้าเรืองแสง
"วะ...ว่าไงนะ? ข้าได้เครื่องสกัดยาแก้พิษด้วยรึ!?" นางอ้าปากค้าง ก่อนที่รอยยิ้มของนางจะกว้างออกจนเกือบสุดใบหน้า และแล้วเสียงหัวเราะดังกระหึ่มก็ดังก้องไปทั่วห้อง
“ว่ะฮ่าฮ่าฮ่า! ข้ารอดแล้ว!นี่เป็นเครื่องมือในห้องทดลองยาของข้านี่นามันตามมาด้วยอย่างนั้นรึ.." พูดเสร็จก็เงยหน้าทำตาหรี่เล็กลงก่อนจะเอ่ยว่า
" โลกยุคโบราณต้องตกอยู่ในมือของข้าอย่างแน่นอน!!”
หลิวรั่วซีเชิดหน้าขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็ยกกำปั้นด้านขวาขึ้นมาและชูขึ้นฟ้า ท่าประจำที่นางชอบทำเมื่อได้สิ่งที่ถูกใจ พลางพยายามเลียนแบบท่วงท่าของท่านพ่อและหัวเราะ ว่ะฮ่าฮ่าฮ่า แบบตัวร้ายเจ้าอันตพาลอีกครั้งตามสไตล์ที่นางเห็นท่านพ่อทำบ่อยๆ ก่อนจะรีบคว้าหลอดแก้วขึ้นมาแล้วใช้เครื่องมือป้อนยาให้ชายหนุ่มต่อไป จากนั้นก็นึกถึงอุปกรณ์การทำแผลในห้องทดลองของนาง ไม่ถึงหนึ่งอึดใจทุกอย่างก็วางเรียงรายตรงหน้า พร้อมยาฉีดกันบาดทะยักมาด้วย แถมมีถุงมือยางมาด้วย เจ้าอ้วนยกยิ้มจนปวดแก้มไปหมด เพราะตอนที่นางตามดูหมอหลิวนั้นนางเรียนรู้วิธีการทำไหนจะรู้ว่าน้ำยาชนิดไหนใช้อย่างไรด้วย จากนั้นก็ลงมือทำความสะอาดแผลให้เขาใหม่ทันที
ขณะที่นางกำลังตั้งใจรักษา เสียงท้องร้องของนางก็ดังขึ้นทันที
“โครกกก!”
“โอ้ ไม่จริงน่า! เวลานี้ยังจะมาหิวอีก!” หลิวรั่วซีโอดครวญ แต่มือยังคงรักษาชายหนุ่มต่อไป นางเหลือบมองใบหน้าของเขาพร้อมถอนหายใจ “ดูเจ้าหล่อสิ นอนสบายเชียวนะ แต่ข้านี่หิวจนแทบกินแขนตัวเองได้อยู่แล้ว” พูดเสร็จก็ฉีดยาให้เขาเสร็จพอดี
ระหว่างที่นางกำลังรักษา ชายหนุ่มเริ่มขมวดคิ้ว และเปลือกตาของเขากระตุกเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังพยายามตื่นขึ้นมา
‘ฟื้นแล้วหรือ?’
หลิวรั่วซีเฝ้ามองอย่างระแวดระวัง ทันใดนั้น เปลือกตาของเขาค่อย ๆ เปิดขึ้น ดวงตาสีดำสนิทสะท้อนแสงจันทร์ที่ลอดผ่านเข้ามาในกระท่อม แววตาของเขาดูสับสนก่อนจะจ้องมองนาง
“เจ้าเป็นใคร?” น้ำเสียงแหบแห้งของเขาดังขึ้น
หลิวรั่วซียิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย
“ข้าหรือ ข้าก็คือผู้ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้อย่างไรเล่า”
หลิวรั่วซีเอ่ยขึ้นมาพลางสำรวจใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา นางพยักหน้าเล็กน้อยพลางคิดว่า ก็พอจะพาไปวัดวาได้บ้างในตอนกลางวันช่วงสายๆได้บาง อย่าลืมนะว่าหลิวรั่วซีในยุคก่อนนั้นเป็นหมอ มีความหล่อแบบไหนบ้างที่นางไม่เคยพบเจอ เมื่อมองชายหนุ่มแปลกหน้าที่ท่านพ่อของนางเก็บมา และเจ้าอ้วนนั้นถึงกับช็อกเพราะความหล่อวิญญาณหลุด หมอรั่วซีก็ถึงกับสั่นศีรษะเบาๆ รสนิยมไม่สูงเลยนะเจ้าอ้วน แต่หากจะดูจากรูปร่างของเจ้าอ้วนตอนนี้แล้ว คงจะเป็นไปได้ยากที่จะเลือกชายหนุ่มได้แบบที่นางเคยเห็น ดังนั้นเมื่อท่านพ่ออุตส่าห์หาเก็บมาให้ได้แล้ว เช่นนั้นนางก็..
…"และแน่นอนว่าค่าตอบแทนที่ข้าต้องการนั้นมีเพียงอย่างเดียวนั้นคือ...ร่างกายของเจ้า"
*** ท่านพ่อเก็บมาให้แล้วก็อย่าทิ่งให้เสียของนะ เจ้าอ้วน ช่วงนี้นางอาจจะเป็นคนสองบุคคลิกอยู่นะคะ***
