09 | ถวิลหา Nc
คอนโด VVIP
มาคัสจอดและดับรถสปอร์ตเสียงเครื่องกระหึมลงก่อนจะหันมองซีกหน้าของคนข้างกายที่สั่นน้อยๆ ด้วยความกลัว จนไม่กล้าขยับไปไหนร่างกายสั่นเทิ้มก่อนที่เขาจะถอดสูทสีน้ำเงินคลุมทับชุดที่เธอสวมใส่
“ขอบคุณมากนะคะที่มาช่วยลิน”
“อืม!”มาคัสตอบด้วยใบหน้านิ่งเฉยก่อนจะหันมองออกไปนอกกระจกรถด้านหน้าคนขับ ที่จอดรถส่วนตัวชั้นบนสูงสุดของคอนโดทำให้ไม่ค่อยมีคนอยู่เท่าไหร่นัก
เขามาถึงเมืองไทยได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว แต่เพียงเฝ้ามองเธออยู่ห่างๆ หญิงสาวยังคงหวงตัวเหมือนเดิมกับผู้ชายทุกคน ทว่าวันนี้กลับมีเสี่ยหมูตอนคิดระยำกับเธอ นั่นทำให้มาคัสทนมองอยู่เฉยๆ ไม่ได้
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม!”ลินลดาถามขึ้นหลังจากเมื่อความหวาดระแวงเหือดหายไป ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ อย่างคุ้นเคยเบือนหน้าออกไปเห็นห้างสรรพสินค้าที่ปิดทำการแล้ว และนี่คือคอนโดในย่านกรุงเทพ
“ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ”
“เรื่องอะไร!”ยังจะมีอะไรที่ต้องคุยกันอีกทั้งที่เธอเองก็ไม่อยากจะเสวนากับเขาเท่าไหร่หรอก ไม่นานนักชายหนุ่มก็ลงจากรถปิดประตูอย่างแรงและเดินอ้อมหน้ารถมายังฝั่งตรงข้ามกับคนขับ
“ลงมา!”
“ฉันไม่ลง!”เมื่อเห็นลินลดาไม่ไหวติ่งเขาจึงรวบเข้าที่ข้อมือเล็กดึงเธออกจากรถ แรงดีดดิ้นไม่ยอมลดละราวาศอกลงเสียงแหลมเล็กยังแวดใส่เขาไม่เลิก ยามรักษาความปลอดภัยในชั้นนั้นมองด้วยความสงสัย
“เรื่องของผัวเมีย! ถ้าไม่อยากตายอย่าเข้ามายุ่ง”สุรเสียงเข้มดังก้องกังวาน แววตาอสูรฉายชัดบ่งบอกถึงอารมณ์เขาได้ดี บุรุษรักษาความปลอดภัยจึงได้แต่มองอยู่ห่างๆ เพราะทั้งชั้นเป็นของมาเฟียหนุ่มที่มาจากฝรั่งเศส และนานๆ ครั้งจะมาพักที่นี่ซึ่งไม่มีใครกล้าเข้าใกล้รัศมีแห่งความโหดเหี้ยม
“ฉันไม่ใช่เมียคุณไอ้คนกักขฬะ”ลินลดาพยายามใช้มือข้างที่ว่างปลดพันธนาการแกร่งที่แข็งดังหินผาออกจากข้อมือแต่ดูจะไม่เป็นผล
“เงียบ!”
“ไม่เงียบ ช่วยด้วยค่ะ”
“ถ้ายังไม่หยุดแหกปาก ฉันจะจับแหกแล้วกระแทกตรงนี้แหละ”คำขู่ของเขาเป็นผล เมื่อกลีบปากบางสวยเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง ก่อนที่มาคัสจะรวบเข้าที่เอวคอดกิ่วตวัดเข้าหาลำตัว
“ปะ....ปล่อย!!”มาคัสชี้หน้าคนที่กำลังจะพูดจนเสียงหวานขาดเป็นห้วง ไม่ทันห้ามปรามคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาเมื่อความแนบสนิทชิดเชื้อนัยน์ตาทั้งคู่จะสบเข้าหากันอย่างมีความหมาย มาคัสเพียงอุ้มคนตัวเล็กขึ้นในท่าเจ้าสาวก้าวเดินไปในพื้นที่ส่วนตัวทางเดินเป็นแถวยาวก่อนจะถึงห้องของเขา
ประตูห้องถูกเปิดออกกว้างหลังจากที่มาคัสปล่อยหญิงสาวลงยืนใช้คีย์การ์ดเปิดประตูบานใหญ่ ดันร่างแน่งน้อยเข้าไปภายในทั้งที่เธอยังคงดื้อรั้นฝืนตัวเองเอาไว้ ทว่าแรงอันน้อยนิดน่ะหรือจะสู้แรงช้างสารอย่างเขาได้
“มีอะไรก็รีบๆ พูดมาฉันอยากกลับบ้าน”เมื่อไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เธอจึงเอ่ยถามขึ้นยืนหันหลังให้เขา กอดอกยืนมองออกไปจากกระจกใสที่เห็นทิวทัศน์ในราตรีกาลของกรุงเทพมหานครได้ชัดเจน
มาคัสสวมกอดหญิงสาวจากทางด้านหลังโดยที่เจ้าหล่อนไม่รู้ตัว ก่อนที่ลินลดาจะสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อฝ่ามือหนาลูบไล้หน้าท้องแบนราบไร้ไขมันส่วนเกินผ่านเนื้อผ้าบางที่เธอสวมใส่อยู่
“อุ้ย! นิ....ปล่อยนะ”
“อยู่นิ่งๆ สักสองนาทีมันจะตายไหม ห๊ะ!”เข่นเขียวเคี้ยวฟันพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าวที่ข้างหูบาง กลิ่นหอมอ่อนโชยติดจมูกโด่งเป็นสันก่อนที่เขาจะอดใจไม่ไหวสูดดมความหอมจากซอกคอกรุ่น
“ปล่อยนะ!”ลินลดาดีดดิ้นอย่างรู้งานเมื่อลำกายแกร่งแนบชิดกับสะโพกกลมกลึงงามงอนจนเธอรู้สึกได้ แต่เหมือนชายหนุ่มจะไม่ฟังคำห้ามปรามของเธอเลยสักนิด ร่างทั้งร่างถูกเหวี่ยงลงบนโซฟาอย่างแรง
