บท
ตั้งค่า

บทที่4 ความจำเสื่อม

สองพี่น้องเดินลงเขามาได้สักพักอวี๋เจียวก็หยุดเดินแล้วสำรวจร่างกายของอวี๋ฟาง

เมื่อเห็นแผลถลอกนิดหน่อยก็โล่งใจจากนั้นจึงถามว่าอวี๋ฟางว่า

“ทำไมเจ้าไม่สู้ทำไมเจ้าปล่อยให้พวกนางมารังแก”

อวี๋ฟางสูดลมหายใจแล้วตอบว่า“เฮ้อ! เจ้าลืมแล้วรึบ้านเราเป็นหนี้เศรษฐีที่ดินอยู่10ตำลึงเงิน”

อวี๋เจียว “ข้าจำได้แต่เจ้าจะปล่อยให้พวกนางรึใครก็ตามมารังแกไม่ได้”

อวี๋ฟาง “ข้ากลัวว่าจะถูกทวงเงินน่ะสิถึงได้แสร้งอ่อนแอยอมให้พวกนางรังแก วันนี้เจ้าจัดการพวกนางแล้วที่ข้าทำมาก็สูญเปล่า ทางบ้านของพวกนางต้องมาเอาเรื่องมาทวงเงินถึงบ้านแน่”

อวี๋เจียว “บ้านเราเอาโฉนดที่ดินห้าหมู่จำนองไว้ไม่ใช่รึอย่างมากก็ถูกยึดที่ดิน เจ้าไม่ต้องห่วงข้าจะอธิบายให้ท่านแม่เข้าใจเอง พี่รองเงินทองเป็นของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้ต่อไปนี้เจ้าอย่ายอมให้ใครมารังแกได้อีกล่ะ”

อวี๋ฟางคิดตามที่อวี๋เจียวพูดแล้วจึงตอบว่า

“อืม ถ้าพวกนางมาอีกข้าจะอัดให้น่วมเลย“

สองพี่น้องมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ”ฮ่าฮ่าฮ่า“

เมื่อสองพี่น้องกับถึงบ้านก็เห็นมารดากำลังรดน้ำผักอยู่หลังบ้าน พวกนางช่วยมารดารดน้ำผักจนเสร็จแล้วจึงจูงมารดามานั่งตรงแคร่หน้าบ้าน

อวี๋เจียวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มารดาฟัง จางเหลียนได้ฟังแล้วก็น้ำตาคลอเบ้า นางลูบศรีษะบุตรสาวคนรองแล้วเอ่ยว่า

“ทำให้เจ้าลำบากแล้ว ปีนั้นฝนแล้งถึงแม้ฮ่องเต้จะงดเว้นภาษีในปีนั้นแต่ผลผลิตที่ได้ก็ไม่เพียงพอให้พวกเรากิน”

พูดถึงตรงนี้จางเหลียนก็เช็ดน้ำตาอวี๋ฟางเห็นดังนั้นจึงพูดว่า

”ท่านแม่อย่าร้องไห้เดี๋ยวจะเจ็บตา”

จางเหลียนพยายามฝืนแต่ทนไม่ไหวน้ำตาไหลออกมาเป็นเขื่อนแตก อวี๋ฟางรนรานรีบช่วยมารดาเช็ดน้ำตาปากก็เอ่ยปลอบใจว่า

”ท่านแม่ไม่ร้องนะเจ้าคะเดี๋ยวพอท่านพ่อกลับมาทุกอย่างจะดีขึ้น”

ไม่พูดถึงอวี๋ตงสักยังดีกว่า จางเหลียนฟังแล้วก็คิดถึงสามีความเข้มแข็งอดทนที่มีมาสองเดือนกว่าพังทลายลงน้ำตาไหลออกมามากกว่าเดิม

อวี๋เจียว “ถ้าท่านแม่ยังร้องไห้พวกข้าก็จะเศร้าและร้องไห้ตามท่าน ดวงตาของพวกข้าก็จะเจ็บ ต้องไปหาหมอแต่บ้านเราไม่มีเงินค่าหมอนะเจ้าคะ”

จางเหลียนจึงหยุดร้องไห้ทันทีนางเช็ดคราบน้ำตาสั่งน้ำมูกเสร็จก็เล่าต่อว่า

“ที่บ้านไม่มีอาหารกินบิดาของพวกเจ้าจึงต้องออกไปรับจ้างแบกหามในเมืองแต่โชคร้ายนัก“

”ก่อนกลับบ้านบิดาเจ้าแวะไปในตลาดเพื่อซื้อธัญพืชหยาบมาให้พวกเรากิน”

“บิดาของพวกเจ้ารีบเดินไม่ได้มองพื้นจึงสะดุดก้อนหิน ลำพังเจ็บตัวไม่เท่าไหร่แต่ตอนสะดุดก้อนหินดันไปชนกับสาวใช้จวนขุนนางที่ถือแจกันลายครามออกจากโรงรับจำนำ”

“แจกันใบนั้นราคา10ตำลึงเงินถูกชนจนแตกบิดาของพวกเจ้าต้องชดใช้เงินไม่อย่างนั้นก็จะถูกจับขังคุก“

”ข้าเลยต้องเอาที่นาห้าหมู่ไปจำนองนำเงินมาจ่ายค่าแจกันไถ่ตัวบิดาพวกเจ้าออกมา“

อวี๋เจียวคิดในใจบิดาของ…อ่ะแฮ่มในเมื่อมาเกิดใหม่ในร่างนี้และยังรับปากเจ้าของร่างเดิมไว้แล้วด้วยว่าจะดูแลครอบครัวนี้ อวี๋เจียวก็ไม่รังเกียจที่จะรับครอบครัวนี้เป็นครอบครัวของตนเอง

อวี๋เจียวพึมพำกับตนเองในใจว่าบิดาช่างซุ่มซ่ามเสียจริง ตอนนี้ก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้างไม่ใช่ว่าถูกน้ำซัดไปชนกับหินจนความจำเสื่อมแล้วรึ?

ณ.เมืองหลวงแคว้นฉู่

เถาลี่ซื่อหม้ายสาวอายุยี่สิบห้าปีสามีเก่าถูกโจรป่าฆ่าตายขณะที่เดินทางกลับจากส่งสินค้าลงใต้ นางจึงเดินทางไปรับศพสามีด้วยตนเอง

ตอนเดินทางกลับเมืองหลวงต้องผ่านเมืองเฉาโจวขบวนเดินทางของแม่หม้ายสาวหมาดๆแวะพักที่ริมแม่น้ำ

สาวใช้ที่ไปตักน้ำเห็นชายฉกรรจ์อายุไม่น่าจะเกินสามสิบปีนอนหมดสติครึ่งตัวบนเกยอยู่บนฝั่งท่อนล่างอยู่ในน้ำ ศรีษะมีเลือดแห้งกรังติดอยู่นอกนั้นไม่มีบาดแผลอะไร

สาวใช้เรียกผู้คุ้มกันมาตรวจดูแล้วพบว่าชายฉกรรจ์ยังมีลมหายใจอยู่ สาวใช้จึงไปรายงานเถาลี่ซื่อเมื่อเถาลี่ซื่อมาถึงริมแม่น้ำนางใช้มือเสยผมที่ปิดหน้าของชายฉกรรจ์ออก

ทันทีที่เห็นใบหน้าของชายฉกรรจ์เถาลี่ซื่อสั่งให้นำชายฉกรรจ์ไปหาหมอทันที

เมื่อชายฉกรรจ์ฟื้นขึ้นเขาจำอะไรไม่ได้ หมอบอกกับเถาลี่ซื่อว่าศรีษะของชายฉกรรจ์กระแทกหินจึงทำให้ความจำเสื่อม

ถ้าอยากให้เขาฟื้นคืนความจำต้องพาเขาไปในที่ๆเขาคุ้นเคยรึให้เขาพบคนที่เขารู้จักเขาจะค่อยๆฟื้นความทรงจำได้เอง

เถาลี่ซื่อยังถามท่านหมอว่าถ้าชายฉกรรจ์จำอะไรไม่ได้ตลอดไปจะเป็นอะไรไหม ท่านหมออธิบายให้นางฟังว่าไม่มีอันตรายอะไร ชายฉกรรจ์สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเขาแค่ลืมอดีตแต่ไม่ได้ปัญญาอ่อน

เถาลี่ซื่อนำชายฉกรรจ์กลับเมืองหลวงไปพักที่คฤหาสน์หลังใหม่ที่นางพึ่งซื้อ นางบอกเขาว่านางเป็นภรรยาของเขา ชายฉกรรจ์จำอดีตไม่ได้จึงเชื่อที่เถาลี่ซื่อพูด

เถาลี่ซื่อกำชับบ่าวทุกคนในเรือนห้ามพูดเรื่องชายฉกรรจ์ออกไป และบอกบ่าวในเรือนว่าชายฉกรรจ์รูปงามเป็นสามีของเถาลี่ซื่อต้องดูแลเขาให้ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel