บทที่5 อายแชโดว์
เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ซุนอี้,หยางเม่ย,ฉินจวงพาบิดา,มารดาของพวกนางมาหาถึงบ้าน
ทันทีที่มารดาของซุนอี้มาถึงก็ชี้หน้าด่าจางเหลียนว่า
“คนแซ่จางเจ้าไม่สั่งสอนลูกให้ดีปล่อยให้ไปรังแกคนอื่นวันนี้ข้าจะสั่งสอนแทนเจ้าเอง”
จางเหลียน “เจ้าใจเย็นก่อนก็แค่เด็กสาววัยปักปิ่นเล่นกันไม่ใช่รึเหตุใดพวกเราที่เป็นผู้ใหญ่ถึงเข้าไปยุ่งด้วยล่ะ”
มารดาของซุนอี้ดึงซุนอี้มายืนตรงหน้าจางเหลียนแล้วพูดว่า
”เจ้าดูบุตรสาวของข้าถูกบุตรสาวคนรองของเจ้าตบ,เตะจนระบมไปทั้งตัวเจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าเล่นกันรึ“
บ้านของอวี๋เจียวอยู่ท้ายหมู่บ้านระหว่างที่หัวหน้าหมู่บ้านพาบุตรสาวและครอบครัวสหายของบุตรสาวเดินมา ชาวบ้านที่ชอบชมเรื่องสนุกก็พากันเดินตามมาเป็นพรวน ทำให้ตอนนี้หน้าบ้านของอวี๋เจียวเต็มไปด้วยผู้คน
จางเหลียนเห็นรอยตบบนใบหน้าของซุนอี้แล้วก็พูดไม่ออก อวี๋เฟิงได้ยินเสียงดังหน้าบ้านจึงออกมาดู ตอนนี้บิดาไม่อยู่เขาเป็นบุตรชายคนโตเขาคือหัวหน้าครอบครัวอวี๋
อวี๋เฟิงเดินมาหยุดตรงหน้าหัวหน้าหมู่บ้านแล้วพูดว่า
”น้องสาวข้ามีเพียงสองคนพวกนางมีสามคนจะรังแกคนมากกว่าได้อย่างไร“
ชาวบ้านที่มามุงดูเรื่องสนุกต่างพากันส่งเสียงสนับสนุนว่า ”ใช่ๆสองคนจะรังแกสามคนได้เช่นไร”
หยางเม่ยได้ยินว่าชาวบ้านเชื่อที่อวี๋เฟิงพูดนางก็ร้อนใจจึงพูดว่า
“อวี๋เจียวรังแกพวกข้าและยังทำจางลี่หัวแตกอีกด้วย”
อวี๋เฟิง “ฮ่าฮ่าฮ่าช่างน่าขันสิ้นดีพวกเจ้ามีสี่คนบอกว่าน้องสาวตัวเล็กๆสองคนของข้ารังแกพวกเจ้า”
ชาวบ้านได้ฟังก็หัวเราะตามพวกชาวบ้านมองขนาดตัวของสองพี่น้องที่ผอมแห้งแล้วพากันส่ายหน้า
ในหมู่ชาวบ้านที่มามุงดูเรื่องสนุกมีอันธพาลน้อยสี่คนยืนอยู่ด้วยหนึ่งคนในนั้นพูดว่า
“อวี๋เจียวเคยต่อยพวกข้าจนตาเขียวมาแล้ว”
ทันทีที่อันธพาลน้อยคนนั้นพูดจบทุกคนจึงมองไปที่เขา อวี๋เจียวจำอันธพาลน้อยคนนี้ได้ทันที นี่มันคนที่เจ้าของร่างเดิมอัดซะเละเมื่อเดือนที่แล้วนี่น่า
อวี๋เจียวจ้องอันธพาลน้อยทั้งสี่คนด้วยสายตาเย็นชา อันธพาลน้อยสี่คนถึงกับขนลุก พวกเขายังจำได้วันนั้นแค่แซวแม่นางน้อยนิดหน่อยก็ถูกนางอัดจนตาเขียว
ไม่ใช่พวกเขาไม่สู้แต่สู้ไม่ได้ แม่นางน้อยมีเรี่ยวแรงมหาศาลต่อยพวกเขาจนมึนไปหมด
อันธพาลน้อยคนที่บอกว่าถูกอวี๋เจียวต่อยรีบพูดออกมาด้วยเสียงดังว่า
“ข้าแค่ล้อเล่นน่ะแม่นางน้อยตัวนิดเดียวจะต่อยพวกข้าได้อย่างไร”
ทุกคนจึงไม่สนใจเขาอันพาลน้อยพึมพำกับตนเองในใจว่า
“สายตาของแม่นางน้อยช่างน่ากลัวชะมัดดีนะที่เขาแก้ตัวทันไม่งั้นต้องถูกนางอัดจนเละแน่ๆ”
หัวหน้าหมู่บ้าน “แล้วแผลที่ตัวบุตรสาวข้าและที่ใบหน้าของซุนอี้,ฉินจวงเกิดขึ้นได้อย่างไร แผลที่ศรีษะของจางลี่อีก”
อวี๋เจียว “พวกนางสี่คนกับข้าสองคนเล่นกันแรงไปหน่อยไม่ระวังจึงเกิดบาดแผล พี่สาวข้าและข้ามีบาดแผลในร่มผ้า”
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านให้ใครมาดูก็ได้เจ้าค่ะ ส่วนจางลี่นางหกล้มหัวแตกเองไม่เกี่ยวกับพวกข้า”
หัวหน้าหมู่บ้านไม่ใช่คนไร้เหตุผลไม่งั้นชาวบ้านห้าร้อยกว่าคนในหมู่บ้านซัวเถา คงไม่ยอมให้เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านต่อจากบิดาของเขาได้หรอก
หัวหน้าหมู่บ้านให้ภรรยาของตนเองและมารดาของฉินจวงกับซุนอี้ เข้าไปในห้องของอวี๋เจียวตรวจดูร่างกายในร่มผ้าของสองพี่น้อง
เมื่อกลับออกมาฟูเหริน(สตรีที่แต่งงานแล้ว)ทั้งสามคนจึงบอกสามีของพวกนางว่า
“กลับกันเถอะแค่เด็กเล่นกันแรงไปหน่อย”
หัวหน้าหมู่บ้านและครอบครัวของฉินจวง,ซุนอี้จึงเดินทางกลับ ก่อนกลับมารดาของซุนอี้พูดกับจางเหลียนว่า
“พรุ่งนี้ยามเซิน(15.00-17.00น)ข้าจะมาเอาเงิน10ตำลึงเงินพร้อมดอกเบี้ยอีก2ตำลึงเงินถ้าไม่ได้ข้าจะยึดที่นาของเจ้า”
“นี่ก็เลยกำหนดชำระหนี้มาปีนึงแล้วเห็นแก่ที่เจ้ายากจนข้าให้เวลาเจ้าอีกวันนึงรีบหาเงินมาคืนข้าให้ได้ล่ะ”
ครอบครัวของทั้งสามกับไปแล้วชาวบ้านจึงแยกย้ายกันกลับไป ในใจอันธพาลน้อยทั้งสี่คนไม่เชื่อว่าอวี๋เจียวจะถูกผู้อื่นตบตีแต่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร
หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้วอวี๋เฟิงก็ปิดประตูบ้านถามน้องสาวตัวน้อยทั้งสองด้วยความเป็นห่วงว่า
”เจ้าสองคนเจ็บมากไหม”
อวี๋เจียวกับอวี๋ฟางมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มตอบพี่ชายว่า“ไม่เจ็บ”
อวี๋เจียวรู้อยู่แล้วว่าซุนอี้ต้องพาคนมานางจึงกดซื้ออายแซโดว์สีม่วง,สีเขียว,สีแดงในระบบมาทาในร่มผ้าให้ตนเองและอวี๋ฟาง
อายแชโดว์ตลับนึงมีสามสีราคา10คะแนนอวี๋เจียวเสียดายคะแนนยิ่งนัก แต่นางก็ต้องกัดฟันซื้อมา
เหลือคะแนนอยู่72คะแนนอวี๋เจียวตั้งใจไว้ว่าคืนนี้ถ้าอวี๋ฟางหลับสนิทเมื่อไหร่
นางจะต้องเข้าไปยิงปลาในระบบเผื่อจะโชคดีได้เงินมาไถ่ที่นา
