บทย่อ
ซ่งอวี้จินถูกบ้านใหญ่รังแกและมีชีวิตอาภัพ ยามล้มป่วยวิญญาณของเธอก็ได้ล่องลอยไปยังดินแดนที่ไม่รู้จัก จนได้เรียนรู้อะไรกลายสิ่งหลาอยย่าง ทว่าต่อมาเมื่อกลับคืนมาในยุคของตัวเองแล้ว หญิงสาวจึงได้ใช้ความสามารถและมิติที่มีติดตัวพลิกฟื้นโชคชะตา ที่น่าสงสารของตนเองให้เปลี่ยนแปลงไป แต่กว่าที่จะลืมตาอ้าปาก รวมถึงมีชีวิตใหม่ที่พรั่งพร้อมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเธอต้องใช้ความพยายามมากมาย เพื่อให้ตนเองกลายเป็นคนที่มีคุณค่าในสายตาของผู้คน และเริ่มต้นทำการค้าเพื่อทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค
บทที่ 1 เด็กสาวผู้อาภัพ
บทที่ 1
เด็กสาวผู้อาภัพ
บ้านหลังใหญ่ตระกูลซ่งตอนนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายอันเนื่องมาจากภรรยาของลูกชายคนที่สามอย่าง ‘ซ่งหลิงอัน’ ที่กำลังตั้งครรภ์ได้เก้าเดือนนั้นเกิดอาการเจ็บครรภ์อย่างรุนแรง จนขนาดว่าตัวเธอแทบจะหมดสติอยู่รอมร่อ
“หลิงอัน อย่าเพิ่งหลับนะคะ!”
“นี่! หมอมารึยัง! หลิงอันจะทนไม่ไหวแล้วนะ!”
เป็นเสียงของเพื่อนบ้านที่มาช่วยดูแลซ่งหลิงอันอย่าง ‘เจียอี’ ที่กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าที่ชุบน้ำหมาด ๆ ซับบนใบหน้าของผู้เป็นเพื่อนบ้านอยู่ วันนี้สามีของเธอออกไปทำธุระตั้งแต่เช้า ภายในบ้านเหลือเพียงแค่เธอและคนอื่น ๆ เพียงเท่านั้น แต่ไม่มีใครสนใจเธอ จนเพื่อนบ้านอย่างเจียอีต้องมาช่วยดูแล
เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเลยทำให้ทุกคนในบ้านต่างวิตกกังวลกันไปหมดแต่ไม่คิดจะทำอะไร เจียอีเองก็กระวนกระวายมากเช่นกัน
ไม่นานเสียงใครสักคนก็ตะโกนว่าหมอตำแยมาถึงแล้วก็ดังขึ้น เจียอีจึงบีบมือของซ่งหลิงอันเบา ๆ เป็นการเรียกให้หญิงสาวที่เจ็บครรภ์ใกล้คลอดได้สติมากขึ้น
“หลิงอันคะ หมอมาแล้วนะ ลืมตาหน่อยนะ”
หมอตำแยเดินเข้ามาภายในห้องนอนของซ่งหลิงอัน ไม่นานความวุ่นวายปรากฏขึ้น พร้อมกับเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดที่ดังออกมาจากปากของหลิงอัน ทางด้านเจียอีก็พยายามซับเหงื่อให้กับเพื่อนและป้อนน้ำให้ดื่มอย่างต่อเนื่อง
“หัวเด็กออกมาแล้ว! หลิงอันออกแรงเบ่งอีกนิดนะ”
ซ่งหลิงอันที่ได้ยินดังนั้นก็รีบรวบรวมแรงแล้วเบ่งออกมาอีกรอบ ไม่นานเสียงสัญญาณของชีวิตใหม่ก็บังเกิดขึ้น
“อุแว้ ๆ อุแว้ ๆ” เสียงเด็กทารกร้องออกมาดังทั่วห้อง เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าทารกน้อยมีร่างกายที่แข็งแรงและมีชีวิตอยู่
“เป็นผู้หญิงนะ” เจียอีบอกกับซ่งหลิงอันที่กำลังมองหาลูกของตน
ตอนนี้หมอตำแยกำลังนำร่างของเด็กทารกไปทำความสะอาด ล้างคราบโลหิตที่ติดตามตัวและดูดสารคัดหลั่งออก ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับเด็กที่ถูกห่ออยู่ในผ้าสีขาวบริสุทธิ์ จากนั้นก็ยื่นเด็กทารกให้กับซ่งหลิงอันที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงอยู่ แม้ใบหน้าของหญิงสาวจะแฝงไปด้วยความอ่อนล้า แต่เธอก็โอบอุ้มทารกน้อยด้วยความรักใคร่อย่างเต็มเปี่ยม
“หนูน้อยหน้าตาคล้ายเธอมากเลยนะหลิงอัน”
เจียอีเอ่ยออกมาในขณะที่ชะโงกหน้ามองดูเด็กทารกในอ้อมอกของเพื่อน ซ่งหลิงอันยิ้มออกมาอย่างสุขใจ เมื่อเห็นใบหน้าของบุตรสาวตัวเล็ก เธอพยักหน้าเบา ๆ อย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเจียอี
“ลูกหน้าตาคล้ายฉันกับพี่อี๋นั่วจริง ๆ …”
‘ซ่งอี๋นั่ว’ หรือลูกชายคนที่สามแห่งตระกูลซ่ง เขาคือสามีของเธอและเป็นพ่อของเด็กคนนี้ด้วย ซ่งหลิงอันขยับร่างกายจัดท่าทางให้เด็กน้อยนอนข้างกายของเธอ ดวงตาของเธอดูปรือราวกับคนง่วงนอน
“ถ้าพี่อี๋นั่วกลับมาเมื่อไหร่ รบกวนปลุกฉันด้วยนะ…”
ซ่งหลิงอันเอ่ยบอกกับเจียอีที่ยืนอยู่ข้างกาย เพื่อนคนสนิทพยักหน้าเป็นการรับทราบ เธอมองเพื่อนและคุณหนูน้อยที่นอนหลับอยู่ข้างกันพลางคิดว่าช่างเป็นภาพที่ดูอบอุ่นใจจริง ๆ
รอไม่นานก็ได้ยินเสียงคนวิ่งมาภายในบ้าน คนที่วิ่งมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือ ‘ซ่งอี๋นั่ว’ ที่ขณะนี้กำลังเร่งรีบเดินเข้าไปในบ้าน เพราะข่าวที่เขาเพิ่งได้รับว่าภรรยาของเขาที่กำลังตั้งครรภ์ได้คลอดบุตรแล้วนั้น ทำให้จิตใจของเขาสั่นระรัวราวกับได้ยินว่าเจอขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่
“หลิงอัน…” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกชื่อภรรยาด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาหลุบตามองดูเด็กน้อยเพศหญิงในผ้าอ้อมสีขาวบริสุทธิ์ นิ้วมือของชายหนุ่มแตะลงบนผิวของเด็กน้อย ใบหน้าของเขาแต้มรอยยิ้มแห่งความสุข
“ซ่งอวี้จิน…นี่คือชื่อของลูก…”
สี่ปีต่อมา
ซ่งอวี้จินเติบโตมาด้วยความรักจากทั้งพ่อและแม่ แม้จะเป็นบุตรสาวในครอบครัวคนจีนที่ส่วนใหญ่มักจะให้ความสนใจกับบุตรชายมากกว่า แต่ทั้งซ่งอี๋นั่วและซ่งหลิงอันก็ไม่ได้แยแสเรื่องพวกนั้นเลยสักนิด…
ซ่งอวี้จินในวัยสี่ขวบกำลังนั่งถือช้อนที่เล็กพอที่อุ้งมือน้อย ๆ จะกำได้ บนโต๊ะอาหารมีซ่งอี๋นั่วและซ่งหลิงอันกำลังทานอาหารเช้าอยู่อย่างสงบสุข จนกระทั่งเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นดังขึ้นพร้อมกับปรากฏร่างของซ่งไป๋อิ๋น พี่สาวของซ่งอี๋นั่วเดินมาที่โต๊ะเพื่อกินข้าวด้วย
ไม่ทันที่จะได้เริ่มทานอาหาร ซ่งไป๋อิ๋นก็เปิดบทสนทนากับน้องชายของตนเองทันที
“ปีนี้อาจินก็อายุสี่ขวบแล้ว เมื่อไหร่แกจะมีลูกเพิ่มล่ะ”
คำถามนี้ทำให้ซ่งอี๋นั่ววางตะเกียบลงกับโต๊ะทันที เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับคำถามเช่นนี้เต็มทน ไม่รู้ว่าพี่สาวของเขาเป็นอะไร ถึงชอบมาจัดแจงวุ่นวายกับชีวิตของตนเสียจริง
“หลิงอันร่างกายไม่ค่อยดีครับ หมอบอกว่าไม่สามารถมีลูกได้แล้ว”
ซ่งอี๋นั่วตอบกลับแล้วหันหลังเดินออกจากห้องอาหารไปทันที ฝ่าย ซ่งหลิงอันเองก็อุ้มซ่งอวี้จินออกไปเช่นกัน ทิ้งซ่งไป๋อิ๋นให้นั่งอยู่คนเดียวในห้องอาหาร
วันเวลาผ่านพ้นไป...
เวลานี้ซ่งอวี้จินอายุได้ห้าปีแล้ว วันนี้ซ่งอี๋นั่ววางแผนจัดงานวันเกิดให้กับบุตรสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจ บ้านตระกูลซ่งเต็มไปด้วยของประดับตกแต่งมากมายจากฝีมือของสามีภรรยาคู่นี้
“อวี้จิน สุขสันต์วันเกิด~ !” ซ่งอี๋นั่วและซ่งหลิงอันประสานเสียงกัน
เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มออกมาอย่างร่าเริง มือป้อมเล็กประกบตบแปะ ๆ ด้วยความดีใจ งานวันเกิดปีที่ห้าผ่านไปด้วยดี
แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขกลับผ่านไปเร็วราวกับใบไม้ที่ร่วงโรยตามกาลเวลา หลังจากงานวันเกิดปีที่ห้าของซ่งอวี้จินผ่านไปได้ไม่กี่เดือน ซ่งอี๋นั่วและซ่งหลิงอันก็ล้มป่วยลงเนื่องจากโรคระบาด ซ่งไป๋อิ๋นเองก็พยายามหาหมอฝีมือดีมารักษาน้องชายและน้องสะใภ้แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะยื้ออย่างไรคนจะจากไปก็ต้องไปอยู่ดี
สุดท้ายแล้วซ่งอี๋นั่วและซ่งหลิงอันจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ทิ้งบุตรสาววัยห้าขวบไว้ ปล่อยให้เผชิญชะตากรรมของโลกที่โหดร้ายเพียงลำพัง…
อีกทั้งประเทศเข้ายุคเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตระกูลซ่งที่เลือกข้างผิด จึงทำให้ถูกยึดทรัพย์ ยิ่งทำให้ตระกูลซ่งที่เคยยิ่งใหญ่ย่ำแย่ลง ทุกคนจะต้องไปทำงานที่คอมมูนเพื่อหาเลี้ยงชีพ
ซ่งอวี้จินเติบโตมากับญาติผู้ใหญ่ตระกูลซ่ง แม้จะอาศัยอยู่ภายในครอบครัว แต่เธอกลับถูกใช้งานราวกับคนใช้ภายในบ้าน และเหมือนทุกคนจะลืมไปแล้วว่าเธอเองก็เป็นคนตระกูลซ่งเหมือนกัน
ระยะเวลาค่อย ๆ ผ่านพ้นไป ตอนนี้ซ่งอวี้จินอายุย่างเข้าปีที่สิบห้าแล้ว ร่างกายของเด็กสาวดูผอมบางราวกับถูกอดอาหารมาอย่างยาวนาน
“แค่ก ๆ” เสียงไอค่อกแค่กดังออกมาจากลำคอของซ่งอวี้จิน เธอรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายเป็นอย่างมาก ทั้งยังรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงอีกด้วย นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องนอนซมภายในห้องเล็ก ๆ ของตนเอง
ไม่มีใครมาเหลียวแลเธอสักนิด ซ่งอวี้จินรู้สึกเดียวดายเหลือเกิน หรือเพียงเพราะเธอไม่ใช่ผู้ชาย เลยถูกทิ้งไว้ด้านหลังเพียงคนเดียวอย่างงั้นหรือ
ความน้อยเนื้อต่ำใจเกาะกินหัวใจของซ่งอวี้จินจนไม่เหลือดี อาการปวดศีรษะเล่นงานเธอเรื่อย ๆ จนทำให้สติเริ่มเลือนราง…

