บทที่2 สัมผัสละมุน
"ท่าน ท่านคือ..."
หลิงเซียงมัวแต่ยืนตะลึงกับรูปโฉมอันงดงามตรงหน้า นางคิดในใจ ต่อให้รวมเอาสิ่งที่สวยงามทั้งโลกหล้ามารวมกันก็ไม่อาจเทียบได้กับความงามนี้
"บังอาจ พบซ่างเสินใยเจ้าจึงมาทำลับๆล่อๆ ยังไม่ออกจากสระมาคุกเข่าอีก"
ลู่ชิงชี้ปลายกระบี่มาทางหลิงเซียว ทว่าเวลานี้หลิงเซียวเหมือนคนหูหนวกกลับไม่ได้ยินหรือรับรู้ว่าลู่ชิงกล่าวสิ่งใด
ไป๋เยี่ยนอิงยกยิ้ม เป็นเรื่องปกติสำหรับนางไปเสียแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นเทพเซียนหรือเทพธิดาเมื่อพบนางครั้งแรก ก็จะตกตะลึงเช่นนี้เสมอ
ราชินีแห่งชิงชิวขยับร่างเย้ายวนเข้าไปหากล้วยไม้น้อยไกล้ๆ พร้อมกับยื่นมือไปดีดนิ้วข้างหู เสียงดีดนิ้วทำเอาหลิงเซียวถึงกับสะดุ้ง
"ข้าก็นึกว่าเป็นเซียนน้อยบังอาจจากที่ใด ที่แท้ก็ภูติบุพผาน้อยนี่เอง"
รอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์ของผู้ที่ได้ชื่อว่างามที่สุดในสามภพทำหลิงเซียวประหม่า เยี่ยนอิงใช้เรียวนิ้วเชยคางหลิงเซียวให้มองหน้านาง
พอหลิงเซียวได้สบตาคู่งามหัวใจก็เต้นรัว จนทำอะไรไม่ถูกไปหมด ได้แต่พูดตะกุกตะกักด้วยความตื่นเต้น
"อ่า เอ่อ ข้า.. ข้าน้อยขออภัยซ่างเสิน ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินจริงๆ เจ้าค่ะ"
หลิงเซียวรีบคำนับ พยายามกดสายตาลงไม่จ้องใบหน้าหมดจดงดงามมากเกินไปเพราะไม่เป็นการให้เกียรติ แต่ทว่าสายตากลับไปหยุดอยู่ตรงไอหมอกที่บดบังความอวบอิ่มไม่มิดตรงหน้าเสียได้
ไป๋เยี่ยนก้มลงมองตามสายตากล้วยไม้น้อยแล้วหัวเราะขบขันที่นางจ้องจนเกินงาม
แต่ก็พอเข้าใจได้เพราะจากสายตาของเยี่ยนอิงเมื่อพิจารณาสำรวจเรือนร่างหลิงเซียวที่เผยส่วนสัดเพราะชุดเซียนกวานผ้าเบาบางกำลังเปียกชุ่ม ก็ไม่แปลกที่นางจะมองแบบนั้น
เพราะความที่หลิงเซียวยังเด็กนัก และรูปร่างก็เรียกได้ว่าผอมบางไป สะโพกก็ไม่ผายอย่างหญิงที่โตเป็นสาวแล้ว แต่อย่างน้อยก็ดูกลมกลึงสมส่วนน่ามองอยู่
"มัวมองอะไรของเจ้ากัน หากยังไม่ไปจะไม่ทันแล้วนะ"
เสียงอันไพเราะเตือนสติหลิงเซียวให้ตื่นจากความประหม่า เสียงดังอื้ออึงของเหล่านางฟ้าดังมาจากทางเข้าสระเหยาฉือ
"ลองเข้าไปดูสิ อาจจะอยู่ด้านในก็ได้ "
หลิงเชียวกระสับกระส่าย เกรงจะถูกจับได้ เยี่ยนอิงหันไปพยักหน้าให้ลู่ชิงออกไปรับหน้า ก่อนจะดึงหลิงเซียวให้นั่งลงเคียงข้างตนเองในสระมรกต
"นางฟ้าแดนบุพผา พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่เหตุใดจึงอึกทึกนัก"
ลู่ชิงเดินออกมาขวางทางเอาไว้แล้วสอบถาม เหล่านางฟ้าและภูติบุพผาคำนับลู่ชิงก่อนจะบอกเล่าให้ฟัง
"มีผู้เข้ามาก่อกวน อ้างตนเป็นศิษย์ซือมิ่งซ่างจวินเจ้าค่ะเซียนจวิน ไม่ทราบว่าท่านเห็นผู้ใดเข้ามาในเขตสระมรกตหรือไม่"
"ผู้บุกรุกงั้นรึ แดนหมื่นบุพผาช่างสะเพร่าเสียจริง ปล่อยให้มีผู้บุกรุกเข้ามาอย่างง่ายดายเช่นนี้ ด้านในซ่างเสินของข้ากำลังอาบน้ำในสระมรกต พวกเจ้ามาเอะอะโวยวาย คิดจะรบกวนฝ่าบาทของข้าหรืออย่างไร
เหล่าภูติบุพผามองหน้ากันเลิ่กลั่ก บุคคลที่แม้แต่เทียนตี้ยังเกรงใจ ไฉนเลยพวกนางจะกล้ารบกวน
"เช่นนั้นพวกข้าขอตัวเจ้าค่ะ"
เหล่าภูติบุพผารีบหันหลังกลับ ทว่ากลับต้องหยุดไว้เพราะเสียงหนึ่ง
"ขออภัยเซียนจวิน ขณะนี้มีผู้บุกรุก เราจำเป็นจะต้องเข้าไปตรวจดูข้างใน ขอท่านโปรดรายงานฝ่าบาทไป๋เยี่ยนอิงด้วย"
ผู้คุมกฏจื่อเถิงเดินทางมาถึงพอดี ลู่ชิงมีหรือจะยอมปล่อยให้คนเข้าไป นางชักกระบี่ยืนขวางผู้คุมกฏ สายตาจับจ้องพร้อมจะต่อสู้หากคิดฝืนบุกรุก
"ใครกล้าล่วงเกินฝ่าบาทของข้า ถามกระบี่มังกรเหิรของข้าก่อนดีหรือไม่"
" ลู่ชิงเซียนจวิน ท่านทำเช่นนี้ไม่เกินไปรึ ข้าเพียงขอตรวจตราตามระเบียบ เหตุใดท่านต้องจริงจังด้วย"
จื่อเถิงยังยืนยันจะเข้าไป แม้รู้ว่าลู่ชิงไม่ยอมแน่ แต่ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะประมือกันให้เคืองขุ่น ก็มีเสียงสตรีผู้หนึ่งมาปรามไว้เสียก่อน
"พวกเจ้าคิดจะทำอะไร ล่วงเกินเซียนกวานของหนึ่งในสี่มหาเทพอยากตายงั้นรึ"
ผู้คุมกฏจื่อเถิงรีบเปิดทาง สตรีใบหน้างดงามหมดจด อยู่ในชุดที่ทอจากไหมน้ำแข็งพันปี ของหายากและล้ำค่านี้ทั้งน้ำหนักเบา และพริ้วไหว แต่กลับมีพลังในการป้องกันไฟอย่างยอดเยี่ยม สิ่งนี้เป็นของขวัญที่เทียนโฮ่วส่งมามอบให้เทพบุพผาคนใหม่
"คารวะเทพบุพผา"
ลู่ชิงเก็บกระบี่เข้าฝักพร้อมกับคำนับตามมารยาท เทพบุพผาส่งยิ้มให้ลูชิงแล้วเอ่ยวาจา
"ข้าไป่เหอเทพบุพผาคนใหม่ มาคารวะมหาเทพไป๋เยี่ยนอิง ไม่ทราบว่าท่านจะอนุญาตให้ข้าเข้าพบได้รึไม่"
หลิงเซียวหน้านิ่ว งานนี้ไม่น่ารอด เพราะเทพบุพผามาถึงนี่แล้วมีหรือซ่างเสินจะไม่อนุญาต
"ลูชิงเชิญเทพบุพผา"
เสียงไพเราะของไป๋เยี่ยนอิงเอ่ยอนุญาต เทพบุพผาโบกมือให้ทุกคนถอยไปแล้วก้าวตามลู่ชิงเข้าไปที่สระมรกต
"เจ้าหลบลงไป"
ไป๋เยี่ยนอิงหันมากระซิบหลิงเซียวพร้อมกับผลักร่างบางลงไปส่วนลึกกลางสระ หลิงเซียวพยายามว่ายขึ้นมาแต่กลับถูกซ่างเสินกดหัวให้ลงไปใต้น้ำ
"อู้ อื้อ ข้าหายใจไม่ออก"
หลิงเซียวถูกแรงกดจนขยับตัวไม่ได้ เทพบุพผาเดินเข้ามาถึงข้างสระแล้วนั่งลงที่หินมรกตขอบสระ พร้อมกับยื่นมือไปวักน้ำในสระ ท่าทีผยองของนางทำให้ไป๋เยี่ยนอิงสนใจไม่น้อย
"ข้ายังจำได้ เมื่อก่อนเจ้าติดตามมู่ตันซ่างเสินมาพบข้าที่เขาเขียวบ่อยๆ นางยังว่าเจ้าเป็นศิษย์ที่เฉลียวฉลาด ดูท่าที่กล่าวมาคงไม่ผิด นึกไม่ถึงยังใช้เวลาไม่ถึงหมื่นปีเจ้าก็เลื่อนเป็นซ่างเซียนแถมได้ตำแหน่งเทพบุพผาแล้ว"
คำกล่าวเป็นเชิงมีนัยยะบางอย่าง ทำเอาเทพบุพผาคนใหม่คิ้วกระตุกเล็กน้อย นางฝืนยิ้มแล้วหันไปกล่าวตอบโต้
"ซ่างเสินกล่าวชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยใช้ความเพียรถึงได้ตำแหน่งนี้มา ความบากบั่นนี้ ทั้งแดนสวรค์รู้แจ้งแก่ใจ เพียงแต่..."
คำทิ้งท้ายทำให้ไป๋เยี่ยนอิงหันมามองสบตา
"ทำไม เจ้าคิดตำหนิข้าที่ไม่ไปเข้าร่วมยินดีกับเจ้ารึ"
"หามิได้ซ่างเสิน ข้าจะมีสิทธิ์อันใดไปตำหนิท่าน ข้าเพียงแต่ไม่เข้าใจว่าข้ามีผิดอันใด ซ่างเสินจึงไม่พอใจในตัวข้า"
ไป่เหอหยิบหวีหยกอกมาช่วยไป๋เยี่ยนอิงสางผม นางสังเกตุฟองอากาศที่ลอยขึ้นจากน้ำตรงด้านหน้าซ่างเสินแล้วคิด
และแล้วนางก็กลับปล่อยหวีหลุดมือลงไปในน้ำ นางเอนกายเอื้อมมือลงไปตรงเบื้องหน้าเยี่ยนอิงเพื่อควานหา
ใบหน้าหมดจดนั้นอยู่ไกล้ข้างแก้มซ่างเสินเพียงไม่กี่กระเบียด ไป๋เยี่ยนอิงรีบจับข้อมือของไป๋เหอเอาไว้ก่อนที่นางจะคลำเจอหลิงเซียว ที่ดำน้ำอยู่ในส่วนน้ำลึกข้างหน้า
"ข้าเก็บให้เจ้าเองดีกว่า"
ราชินีแห่งชิงชิวรู้ทันเทพบุพผา นางก้มหน้าลงดำน้ำไปหาหลิงเซียวที่เกือบจะหมดลมอยู่แล้ว หวีหยกอยู่ในมือหลิงเซียว เยี่ยนอิงหยิบหวีติดมือแล้วประกบริมฝีปากลงบนกลีบปากของหลิงเซียวเพื่อถ่ายเทอากาศหายใจให้
"อู้ อือ้"
หลิงเซียวเบิกตากว้าง เพราะคาดไม่ถึงว่าไป๋เยี่ยนอิงจะทำเช่นนี้ นางจึงพยายามจะดันตัวเยี่ยนอิงออกแต่กลับถูกจูบแนบแน่นขึ้นไปอีก
มือของหลิงเซียววางอยู่บนอกกลมอวบอิ่มของไป๋เยี่ยนอิงแล้วเผลอขยับมือบีบคลำไปโดยไม่ตั้งใจ เพราะต้องการให้ไป๋เยี่ยนอิงปล่อย
ทว่าเยี่ยนอิงกลับไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย ในทางตรงข้ามกลับพึงพอใจในรสหวานที่ริมฝีปากสาวแรกแย้มของหลิงเซียวอยู่มาก แต่ก็ต้องจำใจยอมปล่อยเพราะต้องเอาหวีไปคืนไป่เหอ
เทพบุพผามองลงไปในสระมรกตเพราะเห็นว่าไป๋เยี่ยนอิงหายไปนานอย่างสงสัย ไม่กี่อึดใจซ่างเสินนำหวีมาส่งคืนให้กับมือ
"ขออภัยซ่างเสิน ทำให้ท่านลำบากแล้ว "
เยี่ยนอิงมองจ้องท่าทีเคารพอย่างเสแสร้งของไป่เหอแล้วไม่อยากจะไปถือสามากมาย จึงเมินหน้าไปทางอื่น
"พวกเจ้าทำข้าหมดอารมณ์แช่น้ำพุ ลู่ชิง!"
เซียนกวานลู่ชิงรีบน้ำผ้าคลุมไหมเงินม่วงมารอรับ ไป๋เยี่ยนอิงจึงก้าวขึ้นจากน้ำพุ
ลู่ชิงรีบนำเสื้อคลุมมาคลุมร่างเปลือยเปล่าของซ่างเสินแล้วช่วยแต่งกายให้ ในขณะที่เทพบุพผาก้มหน้ารอคอย
ไป๋เยี่ยนอิงยกยิ้มที่เห็นกิริยาอันนอบน้อมนั้น เมื่อแต่งกายเสร็จ จึงเดินมาหยุดตรงหน้าไป่เหอแล้วแตะเบาๆ ที่แขนประคองให้เทพบุพผาเงยหน้าขึ้น
"ข้าอยากพักผ่อนแล้ว อ้อ ที่ข้าไม่ไปร่วมยินดีก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรเจ้า ข้าก็แค่ไม่ชอบงานครึกครื้นแบบนี้ก็เท่านั้น ส่วนของขวัญ ข้าให้ลู่ชิงส่งไปตำหนักเจ้าแล้ว คิดว่าเจ้าคงชอบแน่"
"ขอบพระทัยที่ซ่างเสินเมตตา เช่นนั้นข้าน้อยขอตัว"
ไป่เหอหันมองสระมรกตนิดหนึ่งก่อนจะเดินนำเหล่านางฟ้าออกไปจากบริเวณสระเหยาฉือ
ทันทีที่สัมผัสปรานเซียนของเหล่านางฟ้าแดนหมื่นบุพผาไม่ได้แล้ว เยี่ยนอิงรีบหันไปพยักหน้าให้ลู่ชิงไปดูหลิงเซียว
"นางไม่อยู่แล้วเจ้าค่ะฝ่าบาท "
ลู่ชิงหันมาทางซ่างเสินแล้วส่ายหน้า เยี่ยนอิงนึกขบขันจนลู่ชิงประหลาดใจ
"ภูติน้อยผู้นี้มาจากที่ใดกันก็ยังไม่อาจรู้ได้ แถมยังบังอาจมาล้อเล่นกับซ่างเสิน ท่านยังจะหัวเราะได้เช่นนี้อีกเหรอ"
"ทำไมล่ะ ซุกซนเช่นนี้ก็ดีออก ปล่อยวางบ้างก็ได้ลู่ชิง ชื่อหลิงเซียวงั้นเหรอ น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ"
ผู้คุมกฏจื่อเถิงเดินตามหลังเทพบุพผาจากมาจากสระมรกตด้วยอารมณ์หงุดหงิด ในที่สุดก็อดรนทนไม่ได้
"เทพบุพผา ซ่างเสินทำเช่นนี้เหมือนไม่ให้เกียรติท่านเลย แบบนี้มันไม่ถูกต้องนะเจ้าคะ ถึงจะเป็นราชินีแห่งชิงชิว แต่ท่านเป็นถึงเทพบุพผา ยังเป็นบุตรีของราชามังกรตงไห่นางมีสิทธิ์อะไรมาแสดงกิริยาเช่นนั้น"
คำพูดของจื่อเถิงแทงใจยิ่ง แม้จะรู้สึกเช่นเดียวกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
"ถึงนางจะงามจนสะเทือนไปทั้งสามภพ แต่ในสายตาข้านางก็เป็นแค่นางจิ้งจอกเฒ่าอายุ 190,000ปี ก็เท่านั้น สักวันหากองค์ไท่จื่อตั้งข้าเป็นไท่จื่อเฟย ถึงตอนนั้นข้าจะให้นางมาคำนับข้าบ้าง"
