บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ตำหนักฟ้าแดนสวรรค์

"โอยหัวของข้าทำไมปวดเช่นนี้เล่า แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน"

หลิงเซียวลุกขึ้นนั่ง ด้วยอาการมึนงง เพราะยังไม่สร่างจากฤทธิ์สุรา นางหยิบผ้าห่มขนสัตว์ที่คลุมกายขึ้นมาดูก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ของที่ใช้ในแดนหมื่นบุพผาแน่นอน

กล้วยไม้น้อยลูบคลำตั่งเตียงที่ใช้นอน และพบว่าเตียงนอนนี้ทำจากหยกเย็นแกะสลักลวดลายดอกกุ้ยฮวา และสุนัขจิ้งจอก 9 หาง ปูทับด้วยผ้าขนสัตว์ที่ทั้งอ่อนนุ่มและอบอุ่น

เมื่อเงยหน้ามองเพดาน ไม่มีสิ่งใดที่เคยคุ้น พินิจดูอย่างไรก็ไม่ต่างจากเพดานถ้ำสักนิด แต่ทว่าถึงจะไม่ใช่วิมานในตำหนักสวรรค์ ความงดงามนั้นก็จัดได้ว่าหาดูได้ยาก

"เถาดอกจื่อเถิง สวยจัง"

เถาต้นจื่อเถิงไต่ไปตามเพดานถ้ำลดหลั่นออกดอกแข่งสี ราวกับผ้าม่านสีชมพู ขาวและม่วงอ่อนสลับกันอย่างสวยงามยิ่ง แก้วผลึกที่แทรกตามเพดานและผนังถ้ำ สลับกับหินงอกหินย้อยยิ่งดูตื่นตา

พอพิจารนารอบๆโถงนี้ให้ดีๆ มันถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้ตามธรรมชาตินานาพรรณ ผสมผสานกับข้าวของเครื่องใช้ โต๊ะเครื่องแป้งชั้นดี เสมือนหนึ่งเป็นห้องส่วนตัวของใครบางคน

เสียงหวีดหวิวของลมเกิดจากการเสียดสีผ่านผิวโลหะบาง ตวัดตัดอากาศดังแว่วมาจากภายนอกถ้ำ

หลิงเซียวก้าวออกไปตามเสียงนั้น สายลมโชยอ่อน แสงแดดอุ่นยามเช้าระยิบระยับตา นางสูดกลิ่นดอกท้ออันหอมหวาน ที่ลอยมาตามลมจากภายนอก ก่อนจะมองออกไปสุดสายตา

ทิวต้นท้อเบื้องหน้าเป็นเสมือนฉากหลังในมายาฝัน ที่มีฉากหน้าเป็นการร่ายรำกระบี่ของเทพธิดา

ชายผ้าไหมเงินม่วงสะบัดพริ้วตามการเคลื่อนไหว เพลงกระบี่ตัดพสุธาของซ่างเสิน มีทั้งท่วงท่าที่อ่อนช้อยงดงาม และกล้าแกร่งดุดัน สอดประสานกันอย่างยอดเยี่ยม

น้อยคนนักจะสำเร็จมรรคากระบี่อันล้ำเลิศเช่นนี้ได้ และแน่นอนที่ว่าการร่ายรำกระบี่นี้ ย่อมหาชมได้ยากยิ่ง

"นี่ข้าทำบุญด้วยอะไรกันนะถึงได้มีโอกาสได้ชมซ่างเสินรำกระบี่ให้ดูกันเนี่ย"

หลิงเซียวยืนดูจนเพลิน ไป๋เยี่ยนอิงเองก็ไม่ได้สังเกตุว่ามีผู้ที่เฝ้ามองอย่างชื่นชมอยู่ไม่ไกล

ลู่ชิงยกน้ำชา มาพร้อมกับข้ารับใช้อีกสองคนที่นำน้ำอุ่นกับผ้าเช็ดหน้ามาให้ซ่างเสิน

ไป๋เยี่ยนซ่างเสินรับน้ำชาจากมือของลู่ชิง คนภายนอกอาจมองนางเป็นเพียงเซียนกวาน และองครักษ์ ทว่าสำหรับไป๋เยี่ยนอิงนางเป็นคนสนิทที่สำคัญ

สายตาของหลิงเซียวเองก็เริ่มสังเกตุเห็นบางอย่าง

ลู่ชิงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ซ่างเสิน อย่างอ่อนโยน ผิดกับท่าทีแข็งกระด้างตามปกติของนางลิบลับ

อีกทั้งสายตานางที่มองไปยังผู้เป็นนายมันไม่ใช่ความภักดี หากแต่เป็นความหลงไหล

นางพยายามขยับใบหน้าเข้าไปไกล้ใบหน้าของซ่างเสิน ที่กำลังโน้มใบหน้าลงมา จนริมฝีปากทั้งสองเกือบจะสัมผัสกันได้อยู่แล้ว

เสียงเหยียบกิ่งไม้เล็กๆ ที่หลิงเซียวเหยียบโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้ซ่างเสินหันตามเสียงมาทันที

ไป๋เยี่ยนอิงรีบคว้าข้อมือลู่ชิงที่กำลังซับเหงื่อ เพื่อให้นางหยุดการกระทำทุกอย่างเอาไว้ก่อน

"เจ้าฟื้นแล้วเหรอ"

"อ๊ะ ค.. คารวะไป๋เยี่ยนซ่างเสิน ข้าน้อยมารบกวนท่านหรือไม่"

ไป๋เยี่ยนโบกมือไล่ให้คนอื่นๆ ถอยออกไป แล้วส่งยิ้มสดใสให้กับหลิงเซียว ต่อหน้าสายตาที่มองอย่างไม่พอใจของเซียนกวานลู่ชิง

"ไม่รบกวนเลย เจ้ามานี่สิ"

นางกวักมือเรียกหลิงเซียว ก่อนจะส่งกระบี่ให้กับลู่ชิงถือ แล้วเดินตรงไปที่ศาลาริมสระบัว

ศาลาแห่งนี้มีลักณะคล้ายเถาวัลย์พันเกี่ยวขึ้นเป็นศาลาได้อย่างวิจิตร กิ่งก้านสาขายังคงมีดอกสีขาวขึ้นอยู่ดาษดื่น และส่งกลิ่นหอมเย็นสดชื่นยิ่งนัก

หลิงเซียวครุ่นคิดถึงภาพที่เห็นเมื่อครู่ว่าคือสิ่งใดแน่ แต่มานึกถึงสถานะระหว่างลู่ชิงกับไป๋เยี่ยนซ่างเสินแล้ว คงเป็นนางที่คิดมากเกินไป

"นั่งลงก่อน ขนมดอกกุ้ยฮวา ลองชิมดูถูกใจหรือไม่"

ซ่างเสินกล่าวพร้อมกับขยับจานขนมส่งให้หลิงเซียว นางนั่งลงแต่โดยดีก่อนจะเอ่ยถาม

"ที่นี่คือที่ไหนหรือเจ้าคะ นี่เรายังอยู่ในแดนหมื่นบุพผารึไม่"

"เจ้าคิดว่าไงล่ะ สถานที่แห่งนี้เมื่อเทียบกับแดนหมื่นบุพผาเจ้าชอบที่ไหนมากกว่า"

การตอบคำถามผู้อื่นด้วยคำถามอีกทีนั้นดูท่าว่าจะได้ผล หลิงเซียวเป็นคนฉลาดย่อมรู้ความหมาย

"นี่ท่านจะบอกว่า ที่แห่งนี้อยู่ในเขตแดนชิงชิวงั้นเหริอ ข้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน"

"อืม วันนี้ก็เข้าวันที่ 5 แล้ว เป็นข้าที่ผิดเอง ฤทธิ์สุราผลไม้แดนสวรรค์น่าจะแรงไปสำหรับเจ้า เจ้ากินขนมกุ้ยฮวารองท้องเสียหน่อย เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าชมเขาเขียวเอง"

มาถึงตอนนี้ใครจะมีใจอยากจะเที่ยว หลิงเซียวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คิดในใจว่าครานี้คงตายคาหอคัมภีร์แน่แล้ว

"ซ่างเสินข้ามีเรื่องจะขอร้องท่าน ช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่"

ไป๋เยี่ยนอิงมองหลิงเซียวด้วยความเอ็นดูพลางส่งยิ้ม

"ได้สิ มีอะไรก็ว่ามา"

ประตูเทียนเหมินซาน

"งานฉลองตำแหน่งเทพบุพผาว่ากันว่ามีสาวงามไปร่วมงานมากมาย น่าเสียดายที่เราไม่มีสิทธิ์ไป "

"เป็นแค่เซียนเฝ้าประตูสวรรค์ อย่าคิดไฝ่สูงเกินไป ขืนล่วงเกินนางฟ้าเหล่านั้น ต้องโทษเข้าแท่นทัณฑ์สวรรค์มันจะไม่คุ้ม"

สหายร่วมงานเอ่ยเตือนสติ ไม่อยากให้คิดฟุ้งซ่านเสียเวลาเปล่าๆ

"ข้าก็ไม่ได้คิดไฝ่สูงอาจเอื้อมขนาดนั้น ข้าก็แค่อยากเห็นใบหน้าของไป๋เยี่ยนซ่างเสินสักครั้ง ข้าเฝ้าประตูเทียนเหมินซานมา 500 กว่าปี ยังไม่เคยได้เจอสักครั้งเลย"

"มหาเทพน่ะเหรอ ข้าเคยเห็นไกลๆ นะ ตอนนั้นข้าติดตามเทพสงครามไปส่งของขวัญที่เขาเขียว ถึงจะเห็นไกลๆ แต่ข้าบอกได้เลยว่างดงามจับใจจริงๆ"

"จริงเหรอ หน้าตาเป็นยังไง ไหนเล่ามาสิ"

ทหารยามไต่ถามอย่างตื่นเต้น เพื่อนจึงยืดอก อธิบายอย่างภาคภูมิใจ

"ท่านเทพสูงประมาน 6 ฉื่อ 9 ซุ่น(ประมาน175cm) เส้นผมสีเงินงดงามดุจไหมน้ำแข็ง ผิวขาวใสราวไข่มุก รูปร่างก็..... ซ..ซ่างเสิน คารวะมหาเทพไป๋เยี่ยนซ่างเสิน"

ทหารยามรีบคุกเข่าคำนับ เมื่อเห็นผู้ที่ไม่คิดว่าจะมา กลับมาปรากฏกายที่ประตู เทียนเหมินซานเสียได้

ไป๋เยี่ยนอิงมาพร้อมกับลู่ชิงและหลิงเซียว กล้วยไม้น้อยเพิ่งจะเคยสัมผัสการมีสิทธิพิเศษก็คราวนี้

"โห ซ่างเสิน เท่ห์สุดๆไปเลย ผ่านประตูโดยไม่ต้องตรวจป้ายเลยแฮะ"

"ฮึ เจ้าเพิ่งจะกลายร่างได้แค่ 500 ปี เจ้าคงไม่รู้ว่าในแดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้านี้ ฝ่าบาทของข้าสำคัญเพียงใด แม้แต่เทียนจวินยังต้องยำเกรงเลย"

ลู่ชิงรีบโอ้อวดนายของตนอย่างภาคภูมิให้หลิงเซียวได้รับรู้ ซึ่งก็ทำให้หลิงเซียวแน่ใจว่าการเชิญมหาเทพมาที่ตำหนักซือมิ่งย่อมเป็นเรื่องที่คิดถูก

หลิงเซียวชะโงกหน้าเข้าไปดูลาดเลา ในตำหนักก่อนจะก้าวเข้าไปอย่างช้าๆ

"ชิงหยุนเซียนจวิน ท่านอาจารย์อยู่รึไม่"

"หลิงเอ๋อ เจ้าหายไปไหนมา รู้หรือไม่ ซ่างจวินหงุดหงิด เอาเรื่องพวกข้าแทบทุกวัน ใครก็เข้าหน้าไม่ติด กลับมาคราวนี้เจ้าก็ไปขอโทษดีๆ นะ"

"เซียนจวินไม่ต้องห่วง คราวนี้ข้ามีอาวุธลับมาด้วย รับรองท่านอาจารย์ไม่กล้าลงโทษข้าแน่"

"มั่นใจเพียงนั้นเลยเหรอเจ้าเด็กดื้อ ไหนลองว่ามาสิ อาวุธลับใดกันจะช่วยให้เจ้าพ้นไม้เรียวข้าไปได้"

อี้เจ๋อซ่างจวินปรากฏกายข้างหลังเซียนกวาน ชิงหยุนรีบหลบไปทันที ทิ้งหลิงเอ๋อเผชิญปัญหาเองแบบไม่ลังเลสักนิด

"พัดหยกสลายเมฆาของข้าล่ะ อยู่ไหน"

เทพซือมิ่งรีบทวงของวิเศษคืน หลิงเซียวรีบส่งให้ถึงมือทันที ซือมิ่งเก็บพัดหยกแล้วเสกกิ่งต้นแปะก้วยมาแทนที่ งานนี้มีเจ็บก้นกันแน่นอน

"อาจารย์ ท่านใจเย็นก่อนได้หรือไม่ มีอะไรไม่พอใจ ค่อยพูดค่อยจากันเถอะนะ"

"ฮึ ค่อยพูดค่อยจา ข้อแรกเจ้าขโมยเทียบเชิญข้า ข้อสองเจ้าขโมยพัดหยกข้า ข้อสามเจ้าก่อความวุ่นวายในแดนบุพผา ข้อสี่ เจ้าฝ่าฝืนคำสั่งข้าไปแดนบุพผา ส่วนข้อสุดท้ายที่สำคัญคือ เจ้าหายตัวไปถึง 7วัน เจ้าทำให้ข้าเป็นห่วง ทำให้เซียนรับใช้ตำหนักเดือดร้อนตามหาเจ้า ถ้าข้าไม่ลงโทษ เด็กดื้ออย่างเจ้ามีหรือจะหลาบจำ"

หลิงเซียวเตรียมจะวิ่งหนี ทว่ายังไม่เร็วพอเพราะอาจารย์ใช้เชือกมัดเซียนรัดตัวจนหนีไปไหนไม่ได้

"ดูสิคราวนี้เจ้าจะเล่นเล่ห์เพทุบายอะไรอีก"

"อย่านะอาจารย์ ซ่างเสินช่วยข้าด้วย"

"ซือมิ่งซ่างจวิน เห็นแก่หน้าข้าได้หรือไม่"

เสียงกังวาลของมหาเทพไป๋เยี่ยนซ่างเสิน มาทันห้ามพอดิบพอดี

การปรากฏตัวของซ่างเสินทำให้เหล่าเซียนทั้งตำหนักพากันคุกเข่า

เยี่ยนอิงปลดเชือกมัดเซียนให้หลิงเซียว นางรีบลุกหนีมาหลบหลังซ่างเสินทันที

"คารวะมหาเทพ เหตุใดท่านถึงมาเยือนตำหนักข้าได้ เล่า แล้วยัง..."

อี้เจ๋อส่งสายตาตำหนิหลิงเซียวที่ยืนแอบอยู่ข้างหลังไป๋เยี่ยน พลางพยักหน้าเรียกศิษย์ตัวแสบ แต่หลิงเซียวเอาแต่ส่ายหน้า

"มานี่ หลิงเอ๋อ เจ้าไปทำอะไรตรงนั้น ข้าบอกให้มานี่"

ยิ่งเรียก ยิ่งทำให้หลิงเซียวผวาไปใหญ่ นางเกาะชุดของมหาเทพแน่นไม่ยอมปล่อย อี้เจ๋อรู้สึกเสียหน้าจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน ได้แต่ยกมือขึ้นคำนับไป๋เยี่ยนอีกครั้ง

"มหาเทพ ศิษย์ข้ารบกวนอะไรท่านรึไม่ หากนางดื้อรั้นทำให้ท่านเดือดร้อน ข้าจะขอรับผิดชอบเอง"

"ศิษย์พี่สาม ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ข้ามีหรือจะมาเอาผิดท่าน ศิษย์ท่านมากความสามารถ มีแต่จะทำให้ข้าสนุกเสียมากกว่า"

อี้เจ๋อมีทีท่าประหลาดใจ สั่งสอนศิษย์ซุกซนผู้นี้มา500ปี ยังไม่เคยเห็นว่าจะมีความสามารถดีๆ ตรงไหน

"มหาเทพล้อเล่นแล้ว นางเนี่ยนะมีความสามารถ ท่านคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อกล่าวชมศิษย์ข้าให้ข้าฟังกระมัง"

ไป๋เยี่ยนยิ้มอย่างพอใจ ผ่านมาหลายหมื่นปี ศิษย์พี่ก็ยังคงรู้ทันนางเสมอ

"ย่อมไม่ใช่ เพียงแต่ข้าเยี่ยนอิงศิษย์น้องหกของท่านไม่ได้มาเยี่ยมท่านหลายหมื่นปี วันนี้จึงถือโอกาสมาเยี่ยมท่าน ถ้าไงเรามาเล่นหมากรุกรำลึกความหลังกันสักสองสามกระดาน ดีหรือไม่ศิษย์พี่สาม"

"ศิษย์พี่อะไรกัน ฟังแล้วข้ารู้สึกกระดากอายยิ่ง ว่าไปแล้วก็น่าอายจริงๆ ความสามารถข้าที่สุดก็เป็นเพียงซ่างจวินแห่งตำหนักซือมิ่ง แต่เจ้าสิกลับก้าวหน้ากว่าใครในสำนัก"

ซือมิ่งซ่างจวินแกล้งตัดพ้ออย่างน้อยใจ แต่ไป๋เยี่ยนรู้ดีว่าศิษย์พี่เพียงขี้บ่นตามประสา นางยื่นมือไปกุมมือศิษย์พี่แล้วส่งยิ้ม

"ก็ท่านเป็นศิษย์พี่ของข้าจริงๆ เรื่องนี้ไม่ว่านานแค่ไหนก็ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ ขอข้าเรียกท่านแบบนี้เถอะนะศิษย์พี่สาม"

"ดูเจ้าสิเป็นถึงหนึ่งในสี่มหาเทพ ท่วงท่างามสง่าสมเป็นมหาเทพจริงๆ อย่าคิดมากตามกฏแล้วข้าคารวะเจ้าก็ถือว่าสมควร เหตุใดเจ้ายังเรียกขัาอย่างยกย่องเช่นนี้ เอาล่ะ มาเถอะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ไปที่ศาลาชมดาวกัน"

ซือมิ่งเชื้อเชิญไป๋เยี่ยนไปที่ศาลาชมดาว หลิงเซียวอมยิ้มสบายใจที่อาจารย์พอเห็นซ่างเสินก็ดีใจจนลืมเรื่องลงโทษนางไปเสียแล้ว

เซียนจิ้งจอกหันมาส่งยิ้มให้หลิงเซียวนิดหนึ่งก่อนจะเดินไปตามคำเชิญของซือมิ่ง

"หลิงเอ๋อ เจ้าไปรู้จักกับมหาเทพได้อย่างไรกัน เหตุใดมากับท่านได้เล่า"

"ทำไมล่ะ ซ่างเสินออกจะใจดี แถมงดงาม ไม่ได้น่ากลัวเสียหน่อย"

ชิงหยุนส่ายหน้าในความไม่รู้อะไรเอาเสียเลยของหลิงเอ๋อ ว่ากำลังคบหากับผู้ที่ยิ่งใหญ่เพียงใด

ศาลาชมดาวตำหนักซือมิ่ง

"ไม่ได้เล่นหมากรุกกับเจ้ามาหลายหมื่นปี ฝีมือเจ้าไม่ตกเลย กลับเก่งยิ่งกว่าเดิมเสียอีก กระดานนี้ข้าแพ้ให้เจ้าอีกแล้ว"

"ศิษย์พี่สามออมมือให้อาอิงแล้ว น่าเสียดายศิษย์พี่ห้าไม่อยู่ ไม่เช่นนั้นหากได้ร่ำสุราดอกกุ้ยฮวาฝีมือนางคงจะดีไม่น้อย"

เทพชะตาถึงกับปล่อยหมากหลุดมือเมื่อได้ยินไป๋เยี่ยนอิงกล่าวถึงศิษย์น้องห้า

"มู่ตัน นางมีฝีมือหมักสุราได้เลิศรสยิ่ง น้ำค้างบนยอดเขาคุณหลุน ผสานกับเกสรดอกไม้จากแดนหมื่นบุพผา ข้ายังจำได้ถึงทุกวันนี้"

อี้เจ๋อหวนระลึกถึงเรื่องเก่าเมื่อนานมาแล้ว ตัวเขา มู่ตัน เทียนโฮ่ว และไป๋เยี่ยนอิง ขึ้นเขาคุณหลุนฝากตัวเป็นศิษย์ชิงหลีมู่หยางตี้จวินพร้อมกัน

"ศิษย์พี่ หลิงเซียวเป็นเด็กฉลาด และซุกซนยิ่งนัก ปกติท่านไม่เคยรับศิษย์ เหตุใดท่านจึงรับนางไว้ พอจะบอกข้าได้รึไม่"

อี้เจ๋อรู้ดีว่าศิษย์น้องของตนเฉลียวฉลาดขนาดไหน หากไม่ตอบ อาจเผยพิรุธได้

"เดิมทีนางร่างจริงนางเป็นดอกกล้วยไม้ดิน ของแดนบุพผา ศิษย์น้องห้าเห็นตำหนักข้าไม่มีไม้ดอก จึงหวังดีมอบมันให้ นึกไม่ถึง การที่ได้รับไอสุริยันจันทรา กว่า 4,500ปี ที่ตำหนักฟ้า ทำให้กลายร่างเป็นคน ข้าจึงรับนางไว้สั่งสอน"

อี้เจ๋อมองดูท่าที ที่เยี่ยนอิงมีต่อหลิงเซียวแล้วเริ่มเอะใจบางอย่าง

"ศิษย์น้องหก ข้ารู้สึกว่าเจ้าสนใจนางเป็นพิเศษ มีเหตุผลอะไรรึเปล่า"

เทพชะตาเอ่ยถาม และคอยสังเกตุท่าทีซ่างเสิน ไป๋เยี่ยนขยับตัวหมากแล้วส่งยิ้ม

"ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ข้าเพียงรู้สึกว่านางคล้ายใครบางคนก็เท่านั้น"

"คล้าย? เจ้าหมายถึง...."

"ศิษย์พี่ห้า มู่ตัน"

คำตอบของเยี่ยนอิงเป็นสิ่งที่อี้เจ๋อรู้ดีแก่ใจ แต่ไม่กล้าพูด เพราะหากพูดไป ไม่รู้ว่าจะส่งผลเช่นไรกับหลิงเซียว

เทพชะตาพยายามสะกดอาการเอาไว้ให้พ้นจากสายตาของเยี่ยนอิงที่พยายามจับพิรุธ ก่อนจะพยักหน้า แล้ววางหมากต่อ

หลิงเซียวมายืนแอบมองทำลับๆล่อๆ ลอบดูอาจารย์กับซ่างเสินเล่นหมากรุก ด้วยความตื่นเต้น

"เหตุใดอาจารย์ถึงไม่เคยเล่าให้ฟังเลยนะว่าเป็นศิษย์พี่ของซ่างเสิน โห ยังไม่เคยมีใครต้อนอาจารย์ได้ถึงขนาดนี้เลย นี่เป็นครั้งแรกเลยแฮะ เหตุใดซ่างเสินถึงเก่งขนาดนี้นะ อย่างข้าเนี่ยต้องรออีกกี่หมื่นปีนะถึงจะเก่งแบบนางได้กันนะ"

เซียนกวานชิงหยุนรีบเข้ามาที่ศาลาชมดาวอย่างเร่งร้อน หลิงเซียวรู้สึกประหลาดใจที่เซียนกวานชิงหยุน ใจกล้ามารบกวนอาจารย์กับซ่างเสินเช่นนี้

"คารวะมหาเทพ คารวะซ่างจวิน"

"ชิงหยุน ข้าบอกแล้วว่าวันนี้ห้ามใครเข้ามารบกวนข้ากับซ่างเสิน ใยเจ้าไม่รู้ความเช่นนี้"

"หามิได้ขอรับ คือทหารสวรรค์มาส่งสาร์น ถึงซ่างเสิน เรียกตัวซ่างเสินไปพบเทียนโฮ่วที่วิมานไป๋อวี้"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel