บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ความสงสัย

"เจ้ามาแล้วเหรอเยี่ยนอิง ไหนให้ข้าดูเจ้าหน่อย  นับวันเจ้ายิ่งงดงาม นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เจ้าไม่เคยเหยียบย่างมายังแดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า"

เทียนโฮ่วรีบรุดออกมาต้อนรับ ไป๋เยี่ยนอิงส่งยิ้มให้ พร้อมกับยกมือขึ้นคารวะ

"ราว หนึ่งหมื่นปี  ศิษย์พี่สี่ ทำท่านเป็นห่วงแล้ว  แดนสวรรค์สุขสงบ เผ่ามารไม่ก่อความวุ่นวาย ไฉนเลยจะต้องการให้ข้ามาเล่า"

"พูดอะไรของเจ้า เจ้าเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงามสะเทือนทั้งสามโลก วันๆพูดแต่เรื่องฆ่าฟันทำไม ขาดเจ้าแดนสวรรค์ก็เหมือนขาดสีสันต์ มากับข้า ข้าจะพาเจ้าไปดูอะไร"

เทียนโฮ่วจูงมือไป๋เยี่ยนอิงออกจากตำหนักไปเดินเล่นในสวน ในบรรดาศิษย์น้อง เยี่ยนอิงเป็นคนที่เทียนโฮ่วเอ็นดูที่สุด

"บัวหยกเหมันต์"

ไป๋เยี่ยนอิงมองดอกบัวตูมที่มีเพียงดอกเดียวในสระ สายตาเศร้าสร้อย นั่นก็เพราะผู้ที่นำมันมายังวังแห่งนี้ได้จากไปแล้ว

"นึกไม่ถึงใช่หรือไม่ ตั้งแต่ที่นางดับขันธ์ไปเมื่อ 5000 ปีก่อน มันก็เหี่ยวเฉาไป นับแต่ตอนนั้น ข้าพยายามทุกวิธีเพื่อให้มันฟื้นคืน แต่เมื่อ500 ปีก่อน  จู่ๆ มันก็ผลิใบ ออกดอก"

"ศิษย์พี่คิดจะกล่าวอันใด คงจะไม่ได้เรียกข้ามาชมดอกไม้กระมัง"

ท่าทีอันเฉยชาของเยี่ยนอิง ทำให้เทียนโฮ่วหวั่นใจ เพราะนั่นหมายถึงนางยังไม่ให้อภัย ต่อความผิดที่ตนเองก่อไว้

"ข้ารู้เป็นความผิดข้า ทั้งๆที่รู้ว่านางไม่เต็มใจจะเป็นเทียนเฟย ข้าก็ยังฝืนรั้งนางไว้ที่ตำหนักฟ้าตงหยาง นึกไม่ถึงจะทำให้นางหนีไป ภายหลังเมื่อรู้ว่านางถูกเผ่ามารสังหารข้าก็เสียใจยิ่ง"

"เทียนโฮ่ว บัวหยกเหมันต์เคยเบ่งบานรึไม่"

"เอ่อ ไม่ ไม่เคยนับตั้งแต่ที่ผลิดอก เมื่อ 500 ปีก่อน มันก็ไม่เคยเบ่งบาน มีอันใดหรือ"

ไป๋เยี่ยนซ่างเสินขมวดคิ้ว จ้องมองบัวสวรรค์ดอกนี้ เหมือนมีอะไรบางอย่างสะกิดใจนางอยู่

"เทียนโฮ่วโปรดถนอมตัวด้วย อย่าได้คิดมาก เอาไว้ข้าว่างๆ จะมาเยี่ยมท่านให้บ่อยยิ่งขึ้น วันนี้ข้ายังมีธุระต้องสะสาง ขออภัยที่ไม่ได้อยู่สนทนาเป็นเพื่อนท่าน ขอตัวก่อน"

"เยี่ยนอิงเดี๋ยว"

ซ่างเสินรีบก้าวออกมาโดยไม่หันกลับไปตามเสียงเรียกแต่ก็ต้องมาหยุดเท้าเพราะคนผู้นึงยืนขวางทาง

"ข้าเฟิ่งเทียน คารวะไป๋เยี่ยนซ่างเสิน ได้ยินว่าท่านมาเยือนตำหนักไป๋อวี้ ข้าจึงรีบมาเพื่อต้อนรับท่านโดยเฉพาะ"

ไป๋เยี่ยนอิงพิจารณาใบหน้าคมคายของซ่างเซียนตรงหน้า รู้สึกคุ้นตาไม่น้อย

"เฟิ่งเทียน  ไท่จื่องั้นรึ สองหมื่นปีก่อนตอนเจอเจ้าครั้งแรกเจ้ายังเยาว์นัก ไม่ทันไร กลายเป็นไท่จื่อที่แสนสง่างามแล้วรึ"

"ซ่างเสินชื่นชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยไม่กล้ารับ  เป็นซ่างเสินต่างหาก ไม่ว่าจะรูปโฉมอันงดงามของท่าน หรือพลังเทพในกายท่าน ทั่วทั้งสามภพนี้ยังหาผู้ใดเทียบเคียงได้ยาก"

"เฟิ่งเทียนอย่าเหลวไหล ใช้วาจาล่วงเกินซ่างเสินได้อย่างไร นางเป็นศิษย์น้องของข้า"

เฟิ่งเทียนถึงกับหน้าถอดสี  เขาชื่นชมไป๋เยี่ยนอิงมาโดยตลอด ซึ่งเทียนโฮ่วก็รู้ดี

"ข้าน้อยปากพล่อยจริงๆ ข้าน้อยขออภัย ขอซ่างเสิน อย่าได้ถือสา"

"ข้าจะถือสาเจ้าได้ยังไง ในเมื่อที่เจ้ากล่าวเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เอาไว้มีโอกาสเจ้าก็ไปเยี่ยมเยียนข้าที่ชิงชิว ดื่มสุราเล่นหมากล้อม  เราอาหลานจะได้ถือโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนวิชาเซียน"

"ขอรับ"

ไป๋เยี่ยนเหาะออกจากตำหนักไป๋อวี้  เฟิ่งเทียนได้แต่มองตามด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์

เทียนโฮ่วนั้นใช่ว่าจะไม่รู้ใจบุตรชายดี แต่ที่นางขวางเพราะไม่อยากให้เฟิ่งเทียนตั้งความหวัง

"เฟิ่งเทียน เจ้าควรเลือกเซียนหญิงที่เหมาะสม มอบตำแหน่งไท่จื่อเฟยแก่นางได้แล้ว หากเจ้าเลือกไม่ได้ ให้แม่ดูให้เจ้าสักคนดีหรือไม่ อย่างเทพบุพผาไป่เหอแห่งแดนหมื่นบุพผาดีหรือไม่ เจ้าว่านาง..."

"ขอบพระทัยพระมารดา แต่กระหม่อมยังไม่พร้อม หากกระหม่อมต้องการจะแต่งตั้งไท่จื่อเฟย กระหม่อมจะเลือกเอง ทูลลา"

เฟิ่งเทียนกล่าวตัดบทแล้วขอตัวกลับ เทียนโฮ่วได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมบุตรชายอย่างไร

"เฟิ่งเทียน หากไป๋เยี่ยนเป็นดังสตรีทั่วไป แม่ก็คงไม่ขวางเจ้า ทว่านาง...  เจ้ายังไม่รู้ถึงความชื่นชอบของนางดี เกรงว่าเจ้าจะผิดหวังแล้ว"

ตำหนักซือมิ่ง

"โอยเมื่อยจะตายอยู่แล้ว อาจารย์ใจร้ายจริงๆ ให้ข้าคัดคัมภีร์เยอะปานนี้แล้วเมื่อไหร่จะหมดเล่า แถมพู่กันนี่ก็หนักเป็นบ้า"

ภู่กันเซียนจำเป็นต้องใช้ปรานเซียนในการเขียนอักษร เป็นการลงโทษหลิงเซียวที่หนีเที่ยว 

เมื่อเขียนมาค่อนคืนหลิงเซียวก็หมดแรงจนเผลอหลับไป คาโต๊ะหนังสือ ไป๋เยี่ยนแอบลอบเข้ามาดูหลิงเซียวที่กำลังหลับไหล 

ใบหน้าเวลาหลับนั้นดูไร้เดียงสา  แถมยังทำปากหมุบหมิบเหมือนกำลังกินอะไรอยู่ เยี่ยนอิงเห็นเขาจึงคาดว่านางคงกำลังฝันถึงอะไรดีๆเป็นแน่

"เวลานี้แล้วเจ้ายังฝันถึงเรื่องกินได้อีกเหรอ ตะกละจริงเชียว ไหนดูสิว่าลายเส้นภู่กันเจ้าเป็นอย่างไร"

ตัวอักษรยึกยือโย้เย้ไม่น่าดูเอาเสียเลย ไป๋เยี่ยนอิงพยายามกลั้นหัวเราะ เพราะเกรงจะทำให้คนกำลังนอนฝันดีตื่น

"เจ้าเด็กนี่มีอะไรให้ข้าแปลกใจอยู่เรื่อยเชียว ให้เจ้าคัด ตำราตั้งมากมาย ศิษย์พี่โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว"

นางช้อนร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนแล้วอุ้มขึ้นพาไปที่เตียงนอน ก่อนจะค่อยๆวางลงอย่างอ่อนโยน

"อาจารย์ข้าขอร้องอย่าตีข้านะ ข้าไม่อยากคัดตำราอีกแล้ว อาจารย์"

หลิงเซียวละเมอโวยวายทั้งที่ยังหลับ แล้วพยายามรั้งแขนเสื้อของซ่างเสินเอาไว้แน่น

ไป๋เยี่ยนรู้สึกสงสาร นางตัดสินใจนั่งลงตบหลังเบาๆ เผื่อว่าจะกล่อมให้หลิงเอ๋อหลับสบายขึ้น

"ถึงกับละเมอเชียว  ปกติศิษย์พี่คงเข้มงวดมากแน่ๆ"

ลู่ชิงยืนพิงพนังอยู่นอกห้อง นางกำกระบี่ในมือแน่นราวกับอยากบดขยี้ให้แหลกคามือ

แม้ใจอยากจะเข้าไปข้างในขนาดไหน แต่ก็ต้องสะกดใจเอาไว้ เพราะไม่อยากทำให้ผู้เป็นนายขุ่นเคือง ที่นางทำตัวมีปัญหามากเกินไป

"ฝ่าบาท ใยท่านจึงให้ความสำคัญกับนางนัก ท่านคงจะไม่...เป็นไปไม่ได้หรอก ไม่มีทาง"

เยี่ยนอิงหันกลับไปดูกองหนังสือ พลางถอนหายใจ ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะแล้วนั่งลงหยิบภู่กันเซียนขึ้นมา

ตำราเล่มแล้วเล่มเล่าถูกคัดลอกอย่างรวดเร็ว เยี่ยนอิงไม่แม้แต่จะเรียกลู่ชิงให้ช่วย นางเขียนเองทุกตัวอักษรตั้งแต่ยามจื่อ ในที่สุดก็เสร็จเอาตอนเกือบจะถึงยามเหม่า

ก่อนจะไป ไป๋เยี่ยนยังนำสร้อยกลีบดอกมู่ตันทองวางไว้บนกองหนังสือที่คัดลอกจนเสร็จ

แม้ลึกๆอยากจะพูดคุยกันอีกใจจะขาด แต่ก็ไม่อยากรบกวนการนอนของหลิงเซียว 

"ฝ่าบาท จะไม่บอกลานางก่อนงั้นเหรอ"

"ไม่ล่ะ กลับเถอะข้าไม่ชอบเอ่ยคำอำลา"

กลิ่นอาหารจากห้องเครื่องในตำหนักซือมิ่ง โชยแตะจมูก ทำเอาหลิงเซียวตื่นจากฝัน

"หือ ข้า ข้ามานอนตรงนี้ได้ยังไง แย่แล้ว ตำราล่ะ"

นางลุกจากเตียงอย่างทุลักทุเลเพราะความรีบร้อน เพราะหากคัดไม่เสร็จ ไม่รู้ว่าเสินจวินจะลงโทษอันใดอีก

แทบไม่เชื่อสายตา โต๊ะหนังสือที่เคยว่างเปล่ากลับมีตำราที่คัดลอกเรียบร้อยวางอยู่ ครบทุกเล่ม

"ใครกันที่ช่วยข้าเนี่ย เอ๊ะนี่มัน"

กลีบมู่ตันทองวางอยู่ด้วยกันกับตำราที่คัดเสร็จ สายสร้อยที่ขาดถูกซ่อมเรียบร้อย  หลิงเซียวหยิบสร้อยมาสวมไว้ดังเดิม พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

ตำราทุกเล่มเขียนอักษรได้สะอาดเรียบร้อย นางเขียนมาค่อนคืนยังได้แค่ สองเล่ม  ตำรากองพะเนินนี้คาดว่าซ่างเสินคงใช้เวลาไปไม่น้อย แต่ที่สำคัญลายมือซ่างเสินงดงามยิ่ง

"ขอบคุณซ่างเสิน ท่านช่วยข้าไว้อีกแล้ว เอ่อว่าแต่ลายมือท่านสวยขนาดนี้ อาจารย์จะเชื่อเหรอว่าข้าเขียนเนี่ย"

ซือมิ่งตรวจตำราในมือไปก็ส่งสายตามองหลิงเซียวเหมือนสงสัย เขาเป็นศิษย์พี่ของเยี่ยนอิงมีหรือจะไม่รู้จักลายมือนี้

"ซ่างเสินทำอะไรมีเหตุผลเสมอ จงใจช่วยเจ้า ซ้ำยังตำหนิข้าผ่านตัวอักษรเหล่านี้ แสดงว่านางให้ความสำคัญกับเจ้าจริงๆ"

"ท่านอาจารย์พูดอะไรข้าไม่เห็นรู้เรื่อง ตำราทั้งหมดนี้ข้าเป็นคนคัดลอกเองจริงๆนะเจ้าคะ"

หลิงเซียวพยายามแก้ตัวน้ำขุ่นๆ  อี้เจ๋อพยายามไม่ถือสาหาความ เพราะมีสิ่งที่เขาห่วงยิ่งกว่า

"หลิงเอ๋อ ข้าจะเตือนเจ้าไว้หน่อย เจ้ากับซ่างเสินสถานะต่างกัน คบหาเป็นสหายไม่ค่อยเหมาะนัก ถ้าไม่จำเป็นเจ้าก็ควรอยู่ห่างๆนางเข้าใจรึเปล่า"

หลิงเซียวไม่เข้าใจ คบหาซ่างเสินมันจะไม่ดียังไง แต่เพื่อความสบายใจของอาจารย์นางจึงเอ่ยสิ่งที่อาจารย์อยากฟัง

"ข้าจะจำไว้เจ้าค่ะท่านอาจารย์" 

หลิงเซียวกลับออกมาจากตำหนักอย่างมีข้อสงสัย เหตุใดอาจารย์จึงวิตกกับซ่างเสินนัก

"เกิดอะไรขึ้นนะ ซ่างเสินออกจะใจดี ไหงอาจารย์ว่าไม่ควรพบล่ะ พิลึก"

วันนี้เป็นเวรของหลิงเซียวทำหน้าที่เก็บน้ำค้างต้นสาลี่ นางเดินไล่เก็บไปทีละต้น เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยามน้ำค้างที่ได้มีไม่ถึงครึ่ง

"น่าเบื่อชะมัด หากใช้วิชาเซียนเก็บน้ำค้างได้คงจะดี"

"แล้วใครว่าไม่ได้ล่ะ"

เสียงไพเราะรื่นหูนี้คุ้นเคยยิ่ง หลิงเซียวหันไปเจอซ่างเสินกำลังลอยตัวลงจากฟ้า ท่ามกลางต้นสาลี่ที่กำลังออกดอกแข่งกัน

"ไป๋เยี่ยนซ่างเสิน...?"

รอยยิ้มเย้ายวนบนใบหน้างดงามนี้มีให้หลิงเซียวทุกครั้งที่พบหน้า ซ่างเสินยื่นมือมาหยิบขวดไปจากมือของหลิงเซียว

นางสะบัดปลายนิ้วดึงเอาหยดน้ำค้างทุกหยดลอยมายังขวดเก็บ ไม่ทันไรขวดก็เต็มจนล้น

"โห  เยี่ยมจริงๆ นับถือ  นับถือ ซ่างเสิน เวทมนต์เมื่อครู่เรียกว่าอะไร สอนข้าได้หรือไม่"

มหาเทพไป๋เยี่ยนหันกลับมายิ้ม แล้วเดินเข้ามาส่งคืนขวดเก็บน้ำค้างให้หลิงเซียว พร้อมกับจูงมือหลิงเซียวเอาไว้

"มากับข้าหลิงเซียว ข้าจะพาเจ้าไปที่ที่นึง..."

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel