บทที่ 4 ทางเลือก [1]
บทที่ 4 ทางเลือก [1]
แก้วเจ้าจอมเดินทางไปโรงพยาบาลและสถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำในเวลาต่อมา เนื่องจากมีนักจิตวิทยาเฉพาะทางสำหรับเยาวชนโดยเฉพาะ สภาพจิตใจที่ตึงเครียดก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง
สิ่งที่ควรพูดเธอก็พูดไปทั้งหมด ยกเว้นสิ่งที่ได้ยินมา เธอรู้ว่าแผนการของพ่อแม่บุญธรรมไม่สามารถบอกเล่าตำรวจได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นเพียงเด็กอายุสิบเจ็ด ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานมัดตัวพวกเขาก็จะดิ้นหลุดได้
และที่สำคัญมันคือการแหวกหญ้าให้งูตื่น
แม้ว่าเด็กอายุสิบเจ็ดอย่างแก้วเจ้าจอมจะไม่มีประสบการณ์ชีวิตมากพอ แต่เธอก็ไม่เคยกักขังตัวเองไว้ในโลกแคบๆ ประสบการณ์ท่องโลกอินเทอร์เน็ตและโลกแห่งการอ่านถูกนำมาใช้ในเวลานี้
พ่อแม่บุญธรรมปลอบใจเธอด้วยความห่วงใย หากเธอไม่ได้ยินแผนการของพวกเขา เกรงว่าการแสดงตรงหน้าก็สามารถหลอกเธอได้อีกครั้ง น่าเสียดายที่ครั้งนี้เธอไม่ได้โง่อีกต่อไป
เวลาเที่ยงคืนพี่ชายที่หายเงียบไปก็ส่งอีเมลกลับมา
เดิมทีแก้วเจ้าจอมไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดเขาจึงไม่ชอบโทรมา แต่หลังจากเกิดเรื่องตอนบ่ายนี้เธอก็ตระหนักได้ว่าบางทีเขาอาจจะรู้สึกผิดปกติตั้งนานแล้ว
เธอเปิดอีเมลและถอดความหมายของมันอย่างรวดเร็ว
ไม่เป็นไรใช่ไหม? ฉันอยากจะไปหาเธอตอนนี้เลยให้ตายสิ ไม่คิดเลยว่าสองคนนั้นจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ใต้จมูกทนายเมฆาได้ นี่เบอร์ติดต่อน้าดาว 080-xxxxxxx ฉันโทรเล่าให้น้าดาวฟังแล้ว แต่ว่าเธอจะหนีออกจากบ้านจริงๆ เหรอ อย่าลืมนะว่าเธอเป็นเจ้าของบ้านที่แท้จริง ช่างเถอะ...พี่อธิบายกับน้าดาวแล้ว ให้หมอนั่นไปส่งเธอนะพี่บอกมันแล้ว
เมื่ออ่านอีเมลจบ อารมณ์ของแก้วเจ้าจอมก็เต็มไปด้วยความหนักหน่วง เธอรู้ว่าการเลือกครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญในชีวิต แต่การยอมทนเพื่อรอให้เกิดเรื่องร้ายๆ อีกครั้งมันไม่ใช่สิ่งที่เธอจะทนได้
ตั้งแต่สูญเสียพ่อแม่ไป ความไม่แน่นอนคือสิ่งที่เธอเกลียดที่สุด แก้วเจ้าจอมไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย แค่คิดก็อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
การตัดสินใจเริ่มต้นอะไรสักอย่างมันยากจริงๆ
แต่อย่างไรก็ต้องเลือกสักทาง
รอหลังเที่ยงคืนเมื่อทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบสงบ เธอหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่ขึ้นสะพายหลัง ข้างในมีเพียงเสื้อผ้าที่จำเป็นสองสามชุด ที่เหลือเป็นของสำคัญและโน้ตบุ๊กเครื่องที่พี่ชายประกอบให้
เธอไม่ได้นำอะไรติดตัวไปเยอะ เพราะสำหรับแก้วเจ้าจอมแล้วสิ่งที่ขาดไม่ใช่เรื่องเงินแต่เป็นความปลอดภัย
เครื่องประดับและของมีค่าส่วนใหญ่หากไม่อยู่ในตู้เซฟก็อยู่ที่ธนาคารสวิส พวกเขาไม่สามารถตะล่อมให้เธอนำมันออกมาได้ เพราะแก้วเจ้าจอมยังไม่บรรลุนิติภาวะ และพี่ชายของเธอไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น
เธอรู้ดีว่าการออกจากบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็กนั้นไม่ง่ายนัก แต่ตราบใดที่เธอสามารถปกป้องตัวเองได้ ก็ไม่มีใครสามารถเอามันไปจากเธอได้ทั้งนั้น รอก่อนเถอะ
โชคดีที่ทนายเมฆาเข้มงวดมาก เขาไม่อนุญาตให้สองสามีภรรยาเข้าไปในห้องทำงานและห้องนอนของพ่อแม่เธอ เว้นแต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากเธอ กรวีค่อนข้างถือเรื่องโชคลาง หล่อนไม่สนใจที่จะนอนห้องเดิมของคนตาย หรือบางทีมันอาจไม่เกี่ยวข้องกับโชคลาง แต่เพราะมีชนักติดหลังเลยเกิดอาการอยู่ไม่สุขกระมัง
ตราบใดที่พวกเขาพยายามบุกเข้าไปในห้องที่ห้ามเข้า ระบบแจ้งเตือนการโจรกรรมก็จะแจ้งไปยังสถานีตำรวจและโทรศัพท์มือถือของจอมพลที่ต่างประเทศ ถึงแม้พี่ชายของเธอจะมีนิสัยแปลกๆ แต่เขาเป็นอัจฉริยะทางคอมพิวเตอร์ที่หาตัวจับยากตั้งแต่อายุสิบสอง ระบบรักษาความปลอดภัยของร้านในเครือ GGems ก็เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้พ่อแม่จึงเขียนพินัยกรรมให้เขาได้เรียนต่อตามที่ต้องการ
ส่วนคนที่พี่ชายกล่าวถึงในจดหมาย ก็คือนายพลเมืองดีปากเสียคนนั้น
เขาเป็นเพื่อนสนิทของพี่จอมพล แต่กลับชอบแกล้งทั้งยังพูดจากสุนัขไม่รับประทานจนมีเรื่องทะเลาะกับเธอบ่อยครั้ง
หลังจากเรียนจบมัธยมเขาก็ไม่ค่อยกลับมาบ้านหลังข้างๆ หากไม่บังเอิญที่เขากลับมาบ้านพอดี แก้วเจ้าจอมไม่กล้าคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเลย
ความรู้สึกของแก้วเจ้าจอมที่มีต่อคนคนนั้นจึงค่อนข้างซับซ้อน
คู่กัดที่มักจะทะเลาะกันมาตั้งแต่เด็กกลับเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิต และตอนนี้เธอยังต้องพึ่งพาเขาอีกครั้ง โชคชะตามักเล่นตลกจริงๆ
การออกจากบ้านยามวิกาลไม่ใช่เรื่องยากสำหรับแก้วเจ้าจอม พ่อแม่บุญธรรมมักจะไม่สนใจอยู่แล้วว่าเธอจะไปทำงานข้างนอกและกลับบ้านกี่โมง หลายครั้งที่แก้วเจ้าจอมไปนอนบ้านเพื่อนคนอื่นเพื่อทำงานกลุ่ม แต่พวกเขาไม่เคยโทรตามเธอเลยแม้แต่น้อย ยามนั้นเธอเข้าใจว่ามันคือการให้อิสระแก่การใช้ชีวิต
แต่เมื่อคิดให้ดีแล้วดูเหมือนพวกเขาไม่แคร์เลยว่าเธอจะทำตัวอย่างไร ราวกับถึงเธอจะทำตัวเหลวแหลกก็ไม่เป็นไร
บางทีเธอก็ไม่แน่ใจว่าสีหน้ายินดีในยามที่เธอชนะการแข่งขันต่างๆ รวมไปถึงผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมของเธอในทุกๆ เทอมนั้นมาจากใจจริงหรือการเสแสร้งแกล้งทำกันนี้
หรือบางทีพวกเขาอาจจะแสดงละครจนกลายเป็นมืออาชีพไปแล้ว
แก้วเจ้าจอมสลัดความหดหู่ในใจทิ้งไปแล้วปีนรั้วข้ามไปยังบ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน
ตุ้บ!
ด้วยความเร่งรีบเธอคิดว่ามันจะเจ็บเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่ากลับกระโดดใส่อ้อมแขนของใครบางคน
กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำสดชื่นเหมือนอากาศบนภูเขาทำให้คนรู้สึกดี อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงชั่วภวังค์หนึ่งเท่านั้น
“ตัวแค่นี้กินอะไรเยอะแยะเนี่ย หนักชะมัด”
แก้วเจ้าจอมอยากจะบีบปากผู้ชายคนนี้สักที ถ้าเขาไม่ใช่ว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยเธอได้
เธอพลิกตัวออกจากอ้อมแขนของพี่ชายข้างบ้านอย่างรวดเร็ว พูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ว่า “ปากปีจอแบบนี้วันไหนจะหาเมียได้ โอ๊ย!”
แก้วเจ้าจอมคล้ำหน้าผากป้อยๆ ด้วยความเจ็บปวด ผู้ชายตรงหน้ายังนิสัยเหมือนเดิม ไม่มีจิตสำนึกของคนดีเลยแม้แต่น้อย “ดีดฉันทำไมเนี่ย”
“เด็กแก่แดด คิดแต่เรื่องไร้สาระทุกวัน ไปเถอะฉันจะไปส่งเธอ” เขาว่า หันหลังเดินนำไปที่โรงรถ
เธอเร่งฝีเท้าเดินตามเขา ตั้งแต่เขาเรียนต่อมหาวิทยาลัยบ้านหลังนี้ก็แทบไม่มีคนปรากฏ นานๆ ครั้งจะมีไฟสว่าง จนผ่านไปก็จำไม่ได้แล้วว่าเขาจะกลับมาตอนไหน อย่างไรก็ตามเธอยังคงทราบความเคลื่อนไหวของเขาจากพี่ชายตัวดีที่อยู่ต่างประเทศเสมอ
ผู้ชายคนนี้เป็นพวกมีพรสวรรค์เช่นเดียวกับพี่ชายเธอ การสอบแข่งขันก็เหมือนการปล่อยฉลามลงสู่ทะเล ทุกอย่างกลายเป็นง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ เจ้าของคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่สูงที่สุดในรุ่น และดูเหมือนว่าพี่จอมพลและเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จนบางทีเธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้มีความรู้สึกพิเศษต่อพี่ชายเธอหรือเปล่า
แน่นอนว่าเธอไม่กล้าถามเรื่องนี้กับอีกฝ่ายเพราะกลัวว่าเขาจะดีดหน้าผากเธอจนบวมข้อหาไปแตะความลับที่ซ่อนไว้มานาน
ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะกระตุกหนวดเสือที่ไม่รู้ว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย แม้จะซาบซึ้งในสิ่งที่เขาทำ แต่นั่นไม่เกี่ยวกับท่าทีปกติที่เขามีต่อเธอเลยแม้แต่น้อย
ผู้ชายคนนี้ค่อนข้างใจแคบในบางเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว
