บทที่ 5 ทางเลือก [2]
บทที่ 5 ทางเลือก [2]
ทั้งสองขึ้นรถ หลังจากคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้วเขาก็หันมาถามเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เธอจะไปจากที่นี่จริงๆ เหรอ”
“อืม” แก้วเจ้าจอมตอบโดยแทบไม่ต้องคิด “ฉันคิดว่าการตั้งหลักมันคงจะดีกว่าอยู่ในดงกระสุนแบบนี้”
เธอคิดอะไรไม่ออกด้วยซ้ำ สถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นทำให้สมองตื้อตัน แต่สิ่งแรกที่อยากจะทำก็คือเอาตัวเองออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด
ก่อนหน้านี้มีหลายครั้งที่พี่ชายของเธอพูดอะไรแปลกๆ แต่เพราะพ่อแม่บุญธรรมมักจะช่วยเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็ก ความผูกพันนี้ทำให้เด็กสาวยอมรับพวกเขาได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตามพี่ชายของเธอกลับเฉยชาต่อสองสามีภรรยาคู่นี้มาก
มากเสียจนแก้วเจ้าจอมเกือบจะห่างเหินกับพี่ชายแท้ๆ ของเธอไป โชคดีที่พี่จอมทัพเป็นผู้ชายเจ้าเล่ห์ เขาสามารถหาวิธีร้อยแปดพันเก้าเพื่อให้เธอไม่สามารถตัดขาดกับเขาได้
“แล้วแฟนหนุ่มของเธอล่ะ” คนข้างตัวรีบพูดเสริมหลังจากพลั้งปากออกไปว่า “พี่ชายเธอบอกว่าเธอกำลังมีความรัก แก่แดด”
คำสุดท้ายเขาพูดเสียงเบา แต่ในรถเงียบขนาดนี้เธอจะไม่ได้ยินได้อย่างไร
ทันใดนั้นแก้วเจ้าจอมก็ตระหนักได้ว่าเธอลืมอะไรไป ว่าที่ ‘แฟน’ ของเธอนั่นเอง
ธีรยุทธ์ หรือ ธีร์ คนที่เพื่อร่วมห้องเชียร์ให้เธอคบกับเขา เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีโปรไฟล์เลิศหรู ลูกเจ้าของโรงงานทอผ้า ทั้งเรียนดีและเล่นกีฬาเก่ง สเปกของสาวๆ ทั้งโรงเรียน
ด้วยวัยเท่านี้แม้ว่าจะไม่อยากคิดอะไรเกินเลย แต่แก้วเจ้าจอมก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอค่อนข้างเปราะบาง มันสามารถหวั่นไหวกับผู้ชายหน้าตาดีได้เสมอ แม้แต่กับธีร์ก็ไม่เว้น
น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าต้นรักที่กำลังจะปลูกกลับถูกพายุฝนทำลายจนตาย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เธอตอบตามตรง ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมาเธอไม่มีเวลาคิดถึงความรักเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าความรักในวัยนี้ก็เป็นเพียงฟองสบู่ที่ลอยล่อง เพียงแค่เอานิ้วจิ้มก็แตกสลาย เหลือไว้เพียงเศษคราบบางๆ ที่ถูกลืมเลือนอย่างง่ายดาย
“อายุเท่านี้อย่าเพิ่งคิดไปไกลเลย เธอควรจะคิดถึงอนาคตของตัวเองให้มาก เรื่องความรักเมื่อถึงเวลามันก็มาเอง ไม่แน่อนาคตเธออาจจะได้เจอผู้ชายที่เพียบพร้อมและเหมาะสมกับเธอก็ได้”
“หึๆ” แก้วเจ้าจอมหลุดหัวเราะออกมา “ฉันไม่คาดหวังหรอก ผู้ชายฉลาดมักไม่ใช่คนปกติสักเท่าไร ฉันว่าคนโง่น่ารักกว่าอีก อย่างน้อยบอกไปซ้ายเขาก็จะไม่ไปทางขวา เชื่องดี”
“เธออยากมีแฟนเป็นคนหรือหมา ไร้สาระ”
“เรื่องของฉัน” เธอกลอกตาใส่เขา ก่อนจะตระหนักได้ว่าเขาขับรถออกจากเขตเมืองหลวงมาแล้ว “นี่พี่จะพาฉันไปไหน”
“พาไปหาน้าเธอไง จอมพลมันบอกฉันว่าให้ส่งเธอถึงที่มันถึงจะวางใจ”
“แต่พี่จะเหนื่อยไปหรือเปล่า” ตอนเย็นเพิ่งเกิดเรื่อง แต่ตอนนี้เขายังขับรถตอนกลางคืนอีก “ฉันยังไม่อยากตาย”
กลัวจริงๆ ว่าเขาจะวูบ
รอยยิ้มของอีกฝ่ายค้างครึ่งๆ กลางๆ เพราะคำพูดประโยคถัดมาของเธอ เขากระตุกมุมปาก พูดเสียงห้วนว่า “พี่ชายเธอจองโรงแรมให้แล้ว”
“อะไรนะ?”
“ตกใจอะไร จอมพลมันจองห้องแยกให้ อีกอย่างเด็กตัวเท่าเมี่ยงอย่างเธอฉันไม่รู้สึกอะไรหรอก” อีกฝ่ายกลอกตาด้วยความรังเกียจ
เธอกัดริมฝีปากยกค้อนวงโตใส่ชายหนุ่มด้วยความหดหู่ ก้มมองหน้าอกตัวเองแล้วเม้มปากแน่น พลันจินตนาการว่าอีกสองสามปีต่อมาหากผู้ชายข้างๆ เทิร์นสาวแต่งหญิงขึ้นมา เธอเองก็คงสู้ไม่ได้ ถึงเวลานั้นบางทีเธออาจจะได้คนใกล้ตัวเป็นพี่สะใภ้
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว นึกสภาพพี่สะใภ้ปากร้ายขี้บ่นใส่เธอทุกวัน น่ากลัวยิ่งกว่ามีแม่เสียอีก
แน่นอนว่าเขาไม่รับรู้ความคิดและสายตาแปลกๆ ของเธอด้วยเพราะกำลังมีสมาธิขับรถ
รถทั้งคันตกอยู่ในความเงียบ แก้วเจ้าจอมทอดสายตาไปยังแสงไฟริมทาง ภาพเหตุการณ์ในตอนเย็นฉายซ้ำราวกับวงจรที่ไม่รู้จบ เธอหลับตาลง พยายามลบมันออกไป ทว่าใบหน้าของคนเหล่านั้นที่กำลังสนุกสนานกับการกลั่นแกล้งเธอทำให้หัวใจของแก้วเจ้าจอมเต็มไปด้วยอารมณ์ด้านลบจนตัวสั่น
ราวกับรับรู้ถึงความวิตกกังวลของแก้วเจ้าจอม ชายหนุ่มจึงพูดขึ้นว่า “อยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะ”
“...” เด็กสาวสะดุ้งน้อยๆ เธอเม้มริมฝีปาก ปลายจมูกปวดแสบปวดร้อน ดวงตาแดงระเรื่อ ทว่ากลับไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว
ไม่...เธอไม่อยากร้องไห้
ยิ่งต่อหน้าคนคนนี้แล้วเธอไม่ต้องการแสดงด้านที่อ่อนแอออกมามากเกินความจำเป็น เขาเป็นแค่เพื่อนของพี่ชาย เป็นคู่กัดที่มักจะทำให้เธอโมโห การแสดงความอ่อนแอออกมามากเกินไปทำให้เธอรู้สึกเสียศักดิ์ศรี
ศักดิ์ศรีที่มีอยู่น้อยนิด เธอไม่อยากให้เขาเหยียบย่ำมันเหมือนที่คนอื่นทำ
ท่าทางราวกับลูกแมวจอมหยิ่งผยองของแก้วเจ้าจอมทำให้คนข้างตัวแค่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างจนปัญญา
แต่เวลาต่อมานัยน์ตาคมก็มองที่กระจกหลังด้วยท่าทางเคร่งขรึม
เมื่อรู้สึกว่าทั้งรถเงียบลงและความเร็วของรถเพิ่มขึ้น แก้วเจ้าจอมก็หันไปมองคนขับด้วยความสงสัย “ทำไมต้องขับเร็วขนาดนี้ด้วย”
“มีคนตามเรามา”
เสียงจริงจังของชายหนุ่มทำให้แก้วเจ้าจอมใจหายวาบ เมื่อมองตามไปก็พบว่ารถคันหลังสาดไฟสูงจนมองไม่เห็นว่าเป็นรถอะไร สิ่งเดียวที่รู้ก็คือแม้ว่ารถของเธอจะมีความเร็วเกือบหนึ่งร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็ไม่สามารถสลัดรถคันหลังได้เลย
“นั่งดีๆ” เขาว่า กดปุ่มฉุกเฉินตรงหน้าจอ ทันใดนั้นกล้องด้านหลังก็โฟกัสหมายเลขทะเบียนได้
แก้วเจ้าจอมหรี่ตาลงด้วยความสงสัย ป้ายทะเบียนรถข้างหลังค่อนข้างคุ้นเคย แต่เธอจำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน อย่างไรก็ตามชายหนุ่มพูดต่ออีกว่า
“เธอกลัวหรือเปล่า?”
“ไม่” หัวใจของแก้วเจ้าจอมเต้นกระหน่ำ แม้จะกลัวแทบตายแต่เธอก็ไม่บอกความจริง เขาขับแซงรถด้านหน้าอย่างช่ำชองยิ่งกว่านักแข่งรถมืออาชีพ แต่รถข้างหลังกลับยิ่งเหยียบเร่งตามมาเพื่อพยายามเบียดรถของพวกเขา แผ่นหลังของแก้วเจ้าจอมหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ แต่เธอไม่กล้าจะส่งเสียงเพราะกลัวว่าจะทำให้เขาเสียสมาธิ
เขาเหลือบมองเธอด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา ก่อนจะเร่งคันเร่งให้เร็วกว่าเดิม “ฉันสำรองข้อมูลเข้าเซิร์ฟเวอร์ของจอมพลแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด ไม่ต้องกลัว...ฉันจะไม่ให้เธอเป็นอะไร”
คำพูดของเขาไม่ได้ทำให้เธอวางใจ เสียงล้อเบียดไปตามถนนส่งผลให้เลือดในกายของแก้วเจ้าจอมเย็นเฉียบ เธอทำได้เพียงนึกถึงหน้าพ่อแม่และพี่ชาย อธิฐานในใจว่าขอให้ทั้งคู่รอดออกไปได้
แม้ว่าเธอจะเหม็นขี้หน้าคนคนนี้ แต่แก้วเจ้าจอมก็ไม่ต้องการให้เขาเป็นอะไรไปเพราะเธอ
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ถ้าจะรอดก็ต้องรอดไปด้วยกัน” เธอพูดเสียงสั่นไปโดยสัญชาตญาณ
“หึ...วางใจเถอะ” เขาว่า “มันอาจจะเจ็บนิดหน่อย แต่รถคันนี้ปลอดภัย”
แก้วเจ้าจอมอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่าทันใดนั้นรถก็ถูกชนท้ายจนเสียหลัก หัวใจของแก้วเจ้าจอมแทบจะหลุดออกจากอก ภาพสุดท้ายคือรถพุ่งชนต้นไม้อย่างแรงทางที่นั่งคนขับ
เอี๊ยด!!!
โครม!!!
