ตอนที่ 9
...สองฝั่ง สองฝ่าย ปฏิปักษ์
สองเผ่าพันธุ์ สองกษัตริย์ เส้นขนาน
สองหัวใจ หนึ่งรัก กำเนิดพยาน
รักเกินห้าม ผิดบาป สองเผ่าพันธุ์…
ครุฑกับนาค สองเผ่าพันธุ์ที่เป็นอริตั้งแต่ครั้งบรรพกาล ไม่มีทางที่สองเผ่าพันธุ์นั้นจะบรรจบกันได้
องค์ท้าววิรุณทรปักษาพญาครุฑ กษัตริย์ผู้ปกครองครุฑทั้งปวงทั่วป่าหิมพานต์นั้นมีตำหนักที่ประทับ คือ สุบรรณพิภพ เป็นวิมานอยู่บนต้นสิมพลีหรือต้นงิ้วอยู่เชิงเขาพระสุเมรุ ทรงปกครองเหล่าครุฑาทั้งหลายด้วยทศพิธราชธรรม ชาวครุฑพิภพทั้งหลายต่างอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุข ทรงมีพระชายาพระนามว่า “พระนางบุญนิสา” พระนางทรงเป็นครุฑาผู้มีความกรุณาปรานีต่อครุฑทั้งปวงเทียบเท่ากัน พระนางใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาในธรรมเป็นผู้คอยฉุดรั้งยั้งเตือนพระสวามี หากเกิดเหตุใดที่ทำให้องค์ท้าววิรุณทรปักษาพญาครุฑทรงไม่สบายพระหฤทัยเมื่อใด พระนางนั้นก็สามารถให้ข้อคิดทั้งการบ้านการเมือง เป็นทั้งคู่ชีวิตแลคู่คิดให้พระสวามีทรงได้น้ำเย็นดับพระหฤทัยอันร้อนรุ่มลงได้ ทั้งสองพระองค์จึงครองคู่กันปกครองดูแลชาวครุฑพิภพด้วยความสุขเสมอมา
แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองพระองค์ร้อนรนพระหฤทัยนั้นคือ ทายาทผู้สืบพงษ์พันธุ์กษัตริย์แห่งครุฑ เพราะจากการครองคู่กันนับพันปียังมิมีพระโอรสหรือพระธิดาน้อยๆ ได้เชยชมเลยสักองค์เดียว องค์ท้าววิรุณทรปักษานั้นทรงกลัดกลุ้มพระหฤทัยและมักจะปรารภให้พระพี่นางของพระองค์ฟังอยู่เสมอ ด้วยเหตุที่พระองค์นั้นยึดมั่นพระหฤทัยในพระนางบุญนิสาอย่างลึกซึ้งจึงทรงไม่มีพระสนมหรือนางในใดเลย การก่อกำเนิดราชบุตรหรือราชธิดาจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากยิ่ง พระพี่นางทรงรับสั่งปรึกษาเรื่องนี้กับพระนางบุญนิสา พระนางเห็นด้วยที่องค์ท้าววิรุณทรปักษาจะทรงมีพระสนมนางใน ด้วยว่าพระนางเองนั้นทราบดีว่าราชโอรสแห่งพระนางนั้นจะประสูติในอีก 100 ปีข้างหน้าดังนิมิตที่พระนางเห็น จึงมิเป็นการบังควรที่จะนางจะเหนี่ยวรั้งพระสวามีไว้ในนางเดียว ให้รอคอยราชบุตรอย่างที่พระนางทรงรอคอย เพราะพระสวามีก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความรักที่มีต่อพระนางโดยการครองคู่กันมาจวบ 1000 ปีล่วงแล้ว พระสนมนางในใดพระสวามีมิเคยร้องขอต้องการ ทรงเป็นพ่อที่ดีต่อไพร่ฟ้าครุฑาแลทรงเป็นสามีที่ดีต่อภรรยาที่พึงกระทำได้ เพียงน้อยนิดก็มิเคยทำให้พระนางช้ำใจ
กาลครั้งนี้พระนางสุวรรณวดีพระพี่นางเธอแห่งองค์ท้าววิรุณทรปักษาทรงงานจัดหานางที่เหมาะสมยิ่ง มาถวายแด่องค์ราชันแห่งครุฑาทั้งปวง ราชโองการณ์ป่าวประกาศไปทั่วทั้งป่าหิมพานต์สืบเสาะค้นหานางที่มีคุณลักษณะเหมาะสมสำหรับให้กำเนิดพระหน่อเนื้อแห่งกษัตริย์ครุฑาทั้งปวง นางใดที่พิสูจน์แล้วว่างามทั้งภายนอกและภายในจิตใจนางนั้นจักได้รับเลือก ด้วยขั้นตอนการคัดเลือกนั้นหาได้เพียงมองแต่ชาติปัจจุบันนางนั้นต้องถูกมองย้อนไปถึงอดีตชาติแลทำนายทายทักถึงอนาคตชาติที่จะพึงเป็น
ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ คือ “นางชนิกา” นางผู้มีลักษณะดีเหมาะสมสำหรับเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดทายาทแห่งพญาครุฑทั้งปวง
...ผิวพรรณ หมดจด นวลลออ
สองปราง คิ้ว คอ ได้รูป
ทรวดทรง องค์เอว สมส่วน
คู่ควรพระมารดา ครุฑาทั้งปวง…
นางนั้นเป็นบุตรีอำมาตย์ใหญ่ของครุฑพิภพแห่งนี้ นางได้รับการอบรมเลี้ยงดูให้ได้รับความรู้ทั้งในด้านงานบ้านและงานเมืองมาเป็นอย่างดี เพราะบิดาของนางเองนั้นส่งนางเข้ามาอยู่ถวายงานพระนางบุญนิสาตั้งแต่อายุได้ 16 ปี เพราะท่านหวังว่าธิดาแห่งท่านนี้จะสามารถมาถึงจุดนี้ได้ด้วยความดีงามในตัวของนางเอง
นางชนิกานั้นมีคุณลักษณะที่ดีกายงามพร้อมจิตใจงามเพราะกำเนิดแห่งนางนั้นเป็นนางอัปสรจุติลงมาที่ป่าหิมพานต์ เหตุเพราะทำผิดกฎของสรวงสรรค์ด้วยนางนั้นแอบเด็ดเอา “จตุมณีทิพย์” ผลไม้ต้องห้ามในสรวงสวรรค์เพียงเพื่อต้องการนำไปถวายแด่องค์พระวิษณุก่อนนางอัปสรนางอื่นๆ แม้นางนั้นจักทำไปด้วยประโยชน์ของตนเองเพื่อให้เป็นที่รักในพระวิษณุ แต่นางนั้นก็มิใคร่อยากได้ผลไม้ทิพย์นี้เป็นของตนเองยังคงนำไปถวายแด่พระวิษณุ ความผิดที่ทำให้ “จตุมณีทิพย์” ปลิวปลิดลงจากขั้วก่อนพบเจอเจ้าของที่แท้จริงนั้นเองทำให้นางนั้นต้องจุติ ณ ป่าหิมพานต์ เป็นนางครุฑบุตรีอำมาตย์แห่งสุบรรณพิภพ การเสวยสุขบนสรวงสวรรค์นั้นสิ้นสุดลงแต่บุญญาธิการของนางยังคงมีทำให้เกิดในตระกูลดีชะตาลิขิตให้ใฝ่ดีจึงทำให้นางนั้นเป็นผู้ได้รับเลือก
พระนางชนิกา ได้รับความปรานีจากองค์ท้าววิรุณทรปักษาพอแก่สมควร ด้วยพระนางเองนั้นจิตใจโอบอ้อมอารีและเจียมตนเสมอว่าพระนางนั้นเป็นธิดาอำมาตย์หาเทียบเท่าพระนางบุญนิสาผู้เป็นพระชายาได้ อีกทั้งพระนางบุญนิสาก็ทรงเมตตาปรานีต่อนางนั้นเป็นอย่างมาก งานบ้านงานเมืองต่างๆ ก็ได้เรียนรู้จากการถวายงานพระนางบุญนิสานั้นเอง การอยู่ร่วมกันในตำแหน่งพระสนมนั้นจึงมิเป็นปัญหาอันใด จวบจนกระทั่งพระนางทรงพระครรภ์ สร้างความปลื้มปิติแก่องค์ท้าววิรุณทรปักษาและพระนางบุญนิสาเป็นอย่างยิ่ง อาหารหวานคาว เครื่องบำรุงครรภ์ทั้งหลายทั้งแหล่ทั่วหิมพานต์ล้วนถูกสรรหามาบำรุงพระครรภ์ของนางอย่างไม่ขาด
