ตอนที่ 10
จนพระครรภ์ของพระนางอายุล่วงได้ 12 เดือนเพ็ญ พระนางทรงเจ็บพระครรภ์นานนับได้ 7 ราตรี ความเจ็บปวดที่ได้รับเทียบเท่ากับถูกศาสตราวุธแล่เนื้อพระวรกาย ทรงได้รับความเจ็บปวดทรมานพระวรกายเป็นหนักหนา องค์ท้าววิรุณทรปักษานั้นถึงแม้จะทรงดีพระทัยที่พระสนมในพระองค์จะมีพระประสูติการเจ้านายพระองค์น้อยที่ยังมิรู้ได้ว่าเป็นพระโอรสหรือพระธิดาแต่พระอาการเจ็บพระครรภ์ที่ผิดปกตินี้ก็ทำให้องค์ท้าววิรุณทรปักษาทรงกริ่งเกรงพระหฤทัยยิ่งนัก องค์พญาครุฑใหญ่เกรียงไกรทรงโผผินไปยังอาศรมพระดาบสปิตุอักษะพระอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาเพื่อปรึกษาถึงเหตุในครั้งนี้ ซึ่งพระดาบสปิตุอักษะได้ถวายคำทำนายแด่พระองค์ คำทำนายที่ทำให้องค์ท้าววิรุณทรปักษาทรงหวาดกลัวกาลข้างหน้ายิ่งนัก
“ดวงชะตานั้นไซร้...ฟ้าท่านได้ลิขิตไว้แล้ว..หากท่านนั้นตั้งตนอยู่ในความดีงามแล้วไซร้..ฟ้าจักต้องเมตตาเป็นแน่แท้...” พระดาบสปิตุอักษะทูลถวายแด่พระองค์ได้แค่นั้น
ล่วงเข้าสู่ราตรีที่ 8 พระนางชนิกาจึงได้ให้กำเนิดพระหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์แห่งครุฑาพระองค์แรก เจ้าชายพระองค์น้อยถือกำเนิดขึ้นมาแบบโอปปาติกะคือเกิดแล้วโตทันที พระนามว่า “สิตามัน” เนื่องจากทรงมีพระพักตร์เป็นสีขาว เมื่อแรกเกิดมีรูปร่างเป็นครุฑขนาดใหญ่ วัดจากปีกข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งได้ 150โยชน์ ทรงเป็นพญาครุฑที่อาจองสมเป็นเชื้อสายของกษัตริย์แห่งครุฑาโดยแน่แท้ พระองค์เติบโตด้วยบุญกุศลที่เคยทำมา ด้วยบุญญาบารมีอำนาจบุญบันดาลให้เกิดผลงิ้วทิพย์และน้ำหวานจากดอกไม้มาบำเรอเจ้าชายพระองค์น้อยให้จำเริญพระชันษาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
หนึ่งเดือนเพ็ญพระองค์ทรงเจริญพระชันษาเท่า 1 ปีของเด็กมนุษย์ และเมื่อพระชันษาได้ 25 ปีเต็ม พระวรกายเป็นหนุ่มฉกรรย์เต็มที่ ทรงเป็นพญาครุฑหนุ่มที่สง่างามทรงเป็นเจ้าชายแห่งสุบรรณพิภพที่เหล่านางทิพย์ทั่วทั้งป่าหิมพานต์หมายปอง
การเจริญเติบโตของครุฑนั้นนับอายุตามหลักจันทรคติ ทำให้ทั่วทั้งป่าหิมพานต์มีแต่ครุฑหนุ่มสาวไม่มีครุฑที่มีร่างกายชราภาพให้เห็น ทั้งองค์ท้าววิรุณทรปักษา พระพี่นาง และพระชายาทั้งสองก็มีอายุล่วงกว่า 1000 ปี และยังทรงมีรูปพระวรกายเป็นหนุ่มสาวตลอด ความงดงามที่ปรากฏขึ้นแต่ละบุคคลล้วนเกิดแต่บุญญาที่สะสมผู้ใดสิ้นบุญเสวยสุขจะปรากฏเห็นได้ง่ายโดยร่างกายจะโรยราหาได้อยู่ในสถานะแห่งหนุ่มสาวได้ไม่
เจ้าชายสิตามันเป็นที่รักยิ่งของพระราชบิดา พระราชมารดาบุญธรรม และพระนางชนิกาผู้เป็นพระมารดา ทุกพระองค์ทรงรักและเอ็นดูในตัวเจ้าชายหนุ่มมาก ตลอดจนชาวสุบรรณพิภพเองก็ต่างยินดีและชื่นชมในตัวเจ้าชายเป็นอันมาก เนื่องด้วยทรงเป็นเจ้าชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถในด้านศาสตร์วิทยาต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสมุนไพร เพราะน่าอัศจรรย์ใจนักที่พระองค์สามารถกำหนดสรรพคุณยารักษาได้อย่างใจนึก ทำให้ชื่อของพระองค์ล่วงไปถึงสามภพทั้งสวรรค์ หิมพานต์ และโลกมนุษย์ เหล่าเทวดาน้อยใหญ่สัตว์ป่าหิมพานต์ ตลอดจนมนุษย์ต่างเดินทางเสาะแสวงหา เพื่อให้พระองค์ประทานยาวิเศษที่สามารถรักษาได้ทุกโรค ให้กับพวกตน ซึ่งนับว่าคุณวิเศษที่พระองค์มีในองค์เองนั้น ยิ่งทำให้พระองค์เป็นที่รักใคร่เทิดทูนของทุกผู้ทุกตนทั่วหล้า
100 ปีของป่าหิมพานต์ลุล่วง พระนางบุญนิสาก็ให้ทรงพระครรภ์ พระนางนั้นดำรงตนอยู่ในศีลในธรรม ทรงเสวยแต่ผัก ผลไม้ อีกทั้งธัญพืชต่างๆ ไม่เคยลิ้มลองรสเนื้อสัตว์ใดๆ เลย เนื่องจากพระมารดาของพระนางนั้นเมื่อตั้งครรภ์พระนาง ฤาษีผู้มากด้วยบารมีอาศัยอยู่ภายในป่าหิมพานต์นั้นได้ทำนายทายทักว่า หากพระนางปรารถนาที่จะมีบุตรีที่เปี่ยมไปด้วยบารมีของคุณงามความดีแล้วไซร้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ให้ละเนื้อสัตว์ทุกชนิดแล้วพระนางจะสมความปรารถนา อันเป็นที่มาของพระนาม “บุญนิสา - ผู้ยิ่งใหญ่ด้วยบุญ” พระนางจึงถือกำเนิดมาด้วยความบริสุทธิ์โดยแท้ พระนางนั้นได้รับเพียงพระกษิรธาราจากอกพระมารดา และผลไม้ประทังชีวิต จวบจนเจริญวัย พระนางก็ยังทรงเสวยแต่เพียงผัก ผลไม้ และธัญพืช และเมื่อพระนางเองนั้นทรงพระครรภ์พระนางนั้นก็มิได้ต้องการอาหารที่พิเศษไปกว่า ผัก ผลไม้ และธัญพืชที่พระนางทรงเสวยมาตั้งแต่กำเนิดนั่นเอง
ความที่พระนางทรงพระครรภ์ล่วงรู้ถึงองค์พระวิษณุกร ผู้ที่เป็นที่เคารพยิ่งของเหล่าครุฑาทั้งหลาย เนื่องด้วยในอดีตกาลนั้นองค์พระวิษณุเคยสู้รบกับพญาครุฑผู้เป็นโอรสของพระกัศยปมุนีและนางวินตา ด้วยว่าพญาครุฑต้องการนำน้ำอมฤตไปช่วยพระมารดาของตนที่โดนพวกนาคคุมขังไว้ จึงเกิดการต่อสู้ระหว่างเทวดาและครุฑขึ้น ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครแพ้หรือชนะจึงทำความตกลงหย่าศึก โดยพระวิษณุหรือพระนารายณ์นี้สัญญาว่าจะให้ครุฑเป็นอมตะและให้อยู่ตำแหน่งสูงกว่าพระองค์ ส่วนครุฑก็ถวายสัญญาว่าขอเป็นพาหนะของพระวิษณุ และเป็นธงครุฑพ่าห์สำหรับปักอยู่บนรถศึกของพระวิษณุอันเป็นที่สูงกว่า จึงเป็นที่มาว่าเหตุใดพญาครุฑจึงเป็นพาหนะของพระวิษณุ
