ตอนที่ 5
“อาตมา เดินทางธุดงค์มาเกือบ 15 ปีแล้ว ไปทั่ว..เดินเลาะชายแดนไปเรื่อยๆ ที่ไหนมีป่า มีธรรมชาติ ที่นั่นย่อมมีความสงบ ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าจะมีหมู่บ้านอยู่ตรงนี้ พอดีระหว่างทางเจอเจ้าหนุ่มน้อยนี่กับกุมารน้อยของเขาจึงเดินทางมาด้วยกัน” ท่านพูดในความจริงเพียงครึ่งเดียวเพื่อไม่ให้มุสาอันจะบาปแก่ท่านมิได้บอกว่าบุษรานั้นเป็นนางงูแปลงมา
“อาตมาคงขอพักค้างสักคืน วันพรุ่งนี้จึงค่อยเดินทางต่อ”
ชายหนุ่มชำเรืองพินิจดูนางงูในร่างชายหนุ่ม สายตาดุดันคมเข้มแฝงไว้ด้วยรอยเจ้าเล่ห์ รู้โดยญาณว่าหนุ่มน้อยนี้เป็นนางงูสาวแปลงกลายมาจึงนึกอยากจะหยอกล้อ
“พระคุณเจ้า.. เจ้าข้า ขอให้ท่านจงพำนักอยู่ที่นี่สัก 3 ราตรีเถิด เนื่องจากวันมะรืนเป็นวันออกพรรษา ข้ากระผม ชาวบ้านและเจ้าเหนือหัวจะได้มีโอกาสถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ อันจะถือเป็นบุญอันประเสริฐยิ่ง แก่เมืองเรา” ปากพูดแต่สายตาจับจ้องมองมานพหนุ่มไม่วางตา นางงูประหวั่นพรั่นพรึงในสายตาของชายหนุ่มยิ่งนัก เกิดอาการประหลาดเหมือนหญิงสาวถูกชายหนุ่มแทะโลมด้วยสายตาใบหน้านวลซับสีชมพูระเรื่อ
“เชอะ มาส่งสายตาโอ้โลม นี่เราอยู่ในร่างชายน่ะ จะมาทำสายตาอ้อยหวาน.. หรือเขาจะรู้ว่าเราเป็นหญิงแปลงมา.. คงไม่ใช่หรอกน่า นี่ก็แค่คนธรรมดาไม่มีกลิ่นแปลกปลอมแต่อย่างใด มีแต่กลิ่นหอมจากน้ำอบน้ำปรุงสมัยใหม่” นางงูครุ่นคิดก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาชาย
“อาตมา คงต้องถามเจ้าหนุ่มนี่ก่อน เพราะว่าเขาต้องรีบเดินทาง”
ภิกษุชราพูดพลางหันไปหานางงูแปลง กล่าวด้วยความเกรงใจ เนื่องจากเข้าใจในความเร่งรีบนั้น
“บุษรา.. เจ้าจะอยู่ที่นี่สัก 3 ราตรีได้หรือไม่”
“แล้วแต่พระคุณเจ้าขอรับ พระคุณเจ้าเห็นสมควรประการใด ก็ตามแต่สะดวกเถิดขอรับ กระผมขอเพียงได้อยู่กับพระคุณเจ้า ให้เจ้าเหนือหัวนี้ปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งหลายทั้งปวงก็เพียงพอแล้ว ที่นี่ก็สงบร่มรื่น เหมาะยิ่งสำหรับการบำเพ็ญ อีกอย่างกระผมก็ต้องการจะหาน้ำนมให้เจ้าเหนือหัวได้อิ่มทานด้วย”
นางงูแปลงพูดเบาเพียงเสียงกระซิบแต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มที่อยู่ถัดไปยังได้ยินอย่างถนัด กำหนดจิตมั่นให้รับฟังเรื่องราวแม้นจะทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ก็ตาม คิ้วเข้มขมวดมุ่นพลางครุ่นคิด เหตุใดนางจึงเรียกเจ้าเด็กน้อยว่า “นายเหนือหัว” กล่าวราวกับว่า นายเหนือหัวของนางนั้นเสมือนกับนายเหนือหัวของตน
“ท่าน...เออ.. ที่นี่พอจะมีหญิงแม่ลูกอ่อนบ้างหรือไม่ กุมารน้อยนี้ต้องการน้ำนม เนื่องจากพลัดจากมารดามาแต่แบเบาะ ตั้งแต่ช่วงก่อนพลบค่ำยังมิได้มีน้ำนมตกถึงท้องเลย ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้ว่าอดมาเท่าไรแล้ว”
ภิกษุชรากล่าวถาม แววเมตตาทอดจับใบหน้าจิ้มลิ้มที่ยังคงหลับปุ๋ยไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องภายนอกแลความว้าวุ่นใจของผู้ใหญ่
“ข้ากระผมชื่อว่าพงพญาขอรับ เป็นหัวหน้าหมู่บ้านนี้ ยังไม่มีครอบครัว แต่พี่สาวของข้ากระผมเป็นหญิงแม่ลูกอ่อนพอดี คงจะพอจัดหาน้ำนมให้เจ้าเด็กน้อยนี่ดื่มกินได้ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเจ้าเด็กนี่จะสามารถดื่มกินน้ำนมนั้นได้หรือไม่” ท้ายประโยคนั้นเสมือนจงใจพูดกระทบให้ผู้ที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่นั้น บุษราเชิดหน้าขึ้นไม่พอใจ
“เหตุใดเจ้าเหนือหัวของเราจึงจะดื่มกินน้ำนมพี่สาวเจ้าไม่ได้ พูดแปลกนักเชียวพ่อคนนี้ และยังมาบอกอีกว่ายังไม่มีครอบครัว ใครถามล่ะ”
สายตาบุษราสบกับพงพญานิ่ง ในแววตาของชายนั้นมีแววขำขันแกรมเอ็นดูระคนกัน ยังกับจะอ่านใจบุษราได้ถูกว่านางคิดอย่างไร
“เอาล่ะๆ ไม่เป็นไร ลองก่อนก็ได้ บางทีเด็กอาจจะยังจำรสน้ำนมมารดาตนอยู่ก็ได้ อาจจะไม่ยอมดื่มน้ำนมจากแม่นางอื่น แต่ถ้าหิวจริงๆ อาตมาว่าก็น่าจะกินได้น่ะ” ภิกษุชรา กล่าวตัดบทเพราะมองเห็นแววตาถือดี แวบเข้ามาจากสายตาของนางงู เดี๋ยวแปลงร่างกินชาวบ้านเขาเข้าไปจะยุ่งกันใหญ่
“กุมารน้อยนี้ต้องดื่มกินน้ำนมจากพี่สาวของท่านได้อย่างแน่นอน”
นางงูแปลงกล่าวคำท้าทาย พงพญายิ้มล้อเลียนแววตาซุกซน นางงูรู้สึกถึงกระแสสัญชาตญาณสาวในตนเอง “ทำไมมารู้สึกแบบนี้ในเวลานี้นะ” สัญชาตญาณสมสู่ของสัตว์ที่ไม่เคยสักครั้งจะถูกปลุกเร้า นางบำเพ็ญเพียรมากว่า 100 ปี ตั้งแต่เริ่มแรกสาวไม่เคยมีสิ่งนี้อยู่ในความคิด ถึงมีสัญชาติเป็นสัตว์เดรัจฉานแต่นางก็ถือตัวครองพรหมจรรย์มาได้ตลอด 100 ปีนี้ แต่ทำไมตอนนี้สัญชาตญาณนั้นมันเหมือนกับถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาโดยคนๆ นี้นะ เขาเป็นมนุษย์แต่นางเป็นงูทำไมธรรมชาติจึงเรียกร้องในสิ่งนี้ได้ หรือว่าเขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นงูเช่นเรา แต่ทำไมเขาและชาวบ้านต่างไม่มีกลิ่นของงูเลย สายตานางงูสับสบวุ่นวาย
“คำพิน..เจ้าไปทูลเชิญ เจ้านางนารินทร์นรี มาที่นี่เดี๋ยวนี้ บอกกล่าวถึงพระคุณเจ้าให้เจ้านางรับทราบด้วย เจ้านางคงดีพระทัยเป็นแน่”
บุษราก้มหน้าเสมองดูเด็กน้อยแต่หางตาแอบมองดูเห็นพงพญาหันไปพูดคุยกับชาวบ้านคนหนึ่งคงจะเป็นคนสนิทเพราะนั่งติดกันตลอด แต่ทำไมพูดค่อยนักเราไม่ได้ยินเลยนางงูพยายามเงี่ยหูฟังการสนทนาแต่ก็ไม่ได้ยินสิ่งใดรู้แต่ว่าสายตาคนพูดนั้นมิได้ละไปจากหน้านางเลย พวงแก้มร้อนระอุไปทั่วแก้มนวลให้สีชมพูระเรื่อ แม้จะอยู่ในร่างที่มิสมควรยิ่งที่จะเกิดกิริยาเยี่ยงนี้ บุษราผินหน้าเสมองไปทางอื่นหลบลี้สายตาหวามหวานนั้น
