ตอนที่ 4
เหล่าชาวบ้านเมื่อหันมาเห็นว่ามีภิกษุชราและหนุ่มน้อยแปลกหน้าเดินทางเข้ามาในหมู่บ้าน หลายคนหยุดมอง เด็กๆ ต่างพากันวิ่งเข้ามาดู ผู้ใหญ่ฉุดเด็กลงนั่งบ้างหมอบกราบบ้างประนพมือไหว้ ภิกษุชรายิ้มน้อยๆ พลางกล่าว
“เราเดินทางผ่านมาจะขอพักปักกรดสักคืนโยมพอจะช่วยนำทางได้หรือไม่”
ชายหนุ่มร่างกายกำยำสูงใหญ่อีกทั้งผิวกายสีน้ำตาลแดงนั้นยิ่งช่วยเพิ่มความหน้าเกรงขามแฝงไว้ด้วยอำนาจในที ลักษณะภายนอกที่มองเห็นสามารถจำแนกออกได้ว่าผู้นี้ต้องเป็นหัวหน้าหมู่บ้านหรือคนสำคัญเป็นแน่ ชายหนุ่มพยักหน้าแลยิ้มละมัยเห็นฟันขาวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
“พระคุณเจ้า..เชิญนิมนต์เลยจ้ะ ไม่ได้มีพระธุดงค์ที่มีศีลอันงดงามผ่านมานานมากแล้ว เป็นบุญของพวกเราชาวบ้านยิ่งนักที่จะได้ทำบุญทำกุศลกับพระคุณเจ้า นิมนต์เชิญทางนี้เลยจ้ะ”
ชายหนุ่มเดินนำทาง สถานที่ปักกรดเป็นลานกว้างล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ประหลาดมีลักษณะเหมือนต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาลผสมกัน แต่ก็แยกไม่ได้ว่าเป็นต้นอะไรกันแน่ บรรยากาศร่มรื่นกระแสไอเย็นเอื่อยๆ แตะต้องสัมผัสผิวกายให้ความรู้สึกเหมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ภิกษุชรารู้สึกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ ผิดกับบุษราที่ดูท่าทีลุกลนระวังภัย ยิ่งเข้าสู่ใจกลางหมู่บ้านสัญชาตญาณยิ่งบ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์ใหญ่ผู้มีอำนาจมหาศาลพร้อมบริวารวงเครือรายล้อมมากมาย
สิ่งที่รับรู้ได้โดยความรู้สึกแต่ไม่รู้ว่าผู้ที่ตนรู้สึกนั้นเป็นผู้มาดีหรือมาร้ายถึงจะสัมผัสได้ถึงกระแสความเมตตาที่แผ่มา แต่อะไรก็ไม่แน่นอนเพราะสิ่งที่ประสบมาย่อมเป็นบทเรียนที่ดีที่สุดแล้วยังไงก็ต้องระวังภัยไว้ก่อน
สายตาระแวดระวังภัยกราดไปทั่วบริเวณ พลันสายตาบุษราสบพบกับรูปปั้นพญานาคราชขนาดใหญ่เท่า 3 คนโอบอยู่บริเวณบ่อน้ำขนาดใหญ่รายรอบบ่อมีก้อนหินขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้างเรียงวางซ้อนกันเสมือนเป็นกำแพงธรรมชาติมิให้มีสิ่งใดเล็ดลอดลงสู่พื้นน้ำอันจะนำพาให้เกิดมลทินได้
“บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์”
บุษรา..บอกตัวเองอย่างนั้นเพราะรายรอบบ่อมีร่องรอยการศักการะบูชา ผ้าแพรพรรณหลากสีถูกผูกบูชาที่เศียรพญานาค ลักษณะเศียรพญานาคชี้ขึ้นเฉียงประมาณ 45 องศา เป็นลักษณะโผล่ขึ้นมาจากบ่อ เป็นไปได้ว่าบ่อน้ำนี่คงจะสื่อถึงทางขึ้นลงของพญานาค นางงูในร่างชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก เมื่อพบว่าสิ่งที่กลัวนั้นเป็นเจ้าแห่งตนเช่นเดียวกัน คงพอจะช่วยคุ้มครองเจ้าเหนือหัวให้ปลอดภัยได้
แววตาสีน้ำตาลหวานนั้นแม้จะคลายแคลงความหวาดหวั่นลงแต่ก็มิใช่ทั้งหมดด้วยสถานที่แห่งนี้ถึงแม้นจะเป็นถิ่นอาศัยแห่งองค์นาคาแต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่ากำเนิดชาติพันธุ์แห่งเจ้าเหนือหัวจะได้รับการต้อนรับแทนที่การขับไล่
“เฮ้อ!.....”
นางงูสาวถอนหายใจมิรู้จักทำเช่นไร อยู่ก็กังวลจะไปก็อันตราย มิมีทางใดให้เลือกอีกแล้ว หากบุญญาแห่งเจ้าเหนือหัวเป็นจริงคงจะทำให้รอดพ้นอันตรายครานี้ไปได้
เมื่อภิกษุชราปักกรดเสร็จเรียบร้อยแล้วก็นั่งลงเพื่อปราศรัยกับเหล่าชาวบ้านที่ตามมาเพื่อจะได้พูดคุยกับท่าน แต่ก็ดูเหมือนเหล่าชาวบ้านจะมีท่าทีเกรงใจที่ท่านเดินทางมาไกล อยากรู้ อยากถามแต่ไม่กล้ารบกวน ภิกษุชรานั่งภายในบริเวณกรดยังไม่ได้ปิดมุ้งคลุมลงมาพลางควักมือเรียกชายหนุ่มคนที่เดินนำมาส่งที่นี่ให้เข้ามาหา ในขณะที่นางงูในร่างชายหนุ่มนำใบไม้ที่คล้ายใบตาลใบใหญ่ที่ปลิดปลิวทิ้งร่างลงจากต้นมาวางซ้อนกันหลายชั้นให้พื้นนุ่มหยืดหยุ่นแล้วปูทับด้วยผ้าแพรสีเขียวเข้มปักเลื่อมลายบรรจงด้วยดิ้นทองลวดลายพญานาครัดล้อมริมขอบผ้าและบรรจงวางกุมารน้อยลงในที่ที่จัดเตรียมไว้ จากนั้นจึงนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ทางด้านซ้ายมือห่างจากภิกษุชราสัก 2 วา
ชายหนุ่มหมอบคลานเข้ามาใกล้ภิกษุชรา ก้มกราบ 3 ครั้งพร้อมพนมมือไหว้ สายตาดุคมยามมองผู้อื่นนั้นกลับอ่อนโยนเมื่อมองสบสายตาภิกษุชรานี้ด้วยรับรู้ถึงกระแสบุญที่โอบล้อมกายนี้ไว้ ร่างหนาสูงใหญ่ค้อมกายประสานมือหว่างอกเพื่อตั้งใจฟังสิ่งที่พระภิกษุจะเอ่ยกล่าว
“ไม่เป็นไรหรอกท่าน อยากรู้อยากถามเรื่องใดก็ถามได้ เราเป็นแขกมาถึงชานเรือนท่านแล้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอก ท่านกรุณาให้ที่พักพิง ใคร่รู้เรื่องใดถามได้ เราก็มิได้เหนื่อยอ่อนประการใด นี่ก็ยังหัวค่ำอยู่ คงสนทนากันได้สักครู่ใหญ่ๆ”
ชายหนุ่มยิ้มตื้นตัน พลางกล่าว
“พระคุณเจ้าขอรับ เดินทางมาจากที่ใดทำไมถึงมาที่นี่ได้ หมู่บ้านของพวกเราน้อยคนนักที่จะได้ผ่านเข้ามา เนื่องด้วยอยู่กลางป่าใหญ่มีภัยอันตรายมากมาย ข้ากระผมตื้นตันใจเหลือแสนที่พระคุณเจ้าผ่านเข้ามาโปรดสัตว์ผู้ยาก เพลาที่พวกเราจะทำบุญกันแต่ละครั้งจะต้องเข้าไปในเมืองหลวงที่ไกลมาก คนที่จะไปได้ก็ต้องเดินทางเก่งมาก สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ หรือเสื้อผ้าที่ทันสมัยนี้เราก็ต้องสั่งเข้ามา การลำเลียงมาก็แสนลำบาก แต่พระคุณเจ้าเดินทางมาถึงที่นี่ได้อีกทั้งยังมีผู้ติดตามและมีเด็กน้อยมาอีกจึงเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจของข้ากระผมและชาวบ้านยิ่งนัก”
ภิกษุชราอมยิ้ม ทอดสายตาเมตตาปรานีไปยังชาวบ้านผู้อยู่ร่วมในขณะนี้ ชายหนุ่มยังคงพูดต่อ
“นานมากแล้วที่ไม่มีพระท่านเดินทางผ่านมาเลย ที่ข้ากระผมจำได้ก็เกือบร้อยปีแล้ว”
“เกือบร้อยปีแล้ว.. แล้วเจ้านี่อายุเท่าไหร่หนอ เออ... สงสัยคนเฒ่าคนแก่จะเล่าให้ฟัง” ภิกษุชราขมวดคิ้ว พลางคิด
