บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3

“นางงูน้อยเอ๋ย อันตัวเรานั้นเป็นเพศบรรพชิต ตัวนางนั้นเองก็เป็นอิสตรี ถึงจะมิได้กำเนิดเป็นมนุษย์ก็ตามเถอะ จะให้เดินทางรอนแรมกันไปได้อย่างไร อีกอย่างนางนั้นก็เป็นงูรูปกายใหญ่โตจะเดินทางไปไหนดูจะทำให้ผู้คนตื่นกลัวเสียหมด”

ภิกษุชราพูดพลางมองสำรวจสถานที่ไปทั่วทั้งบริเวณ ความมืดคลุกคลามเข้าใกล้มาทุกที แสงอาทิตย์เคลื่อนตัวลับหายพ้นทิวยอดไม้ทั่วทั้งป่าดูเสมือนถูกกลืนกินด้วยเงาดำมะลื่มทมึนน่ากลัว บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกหวั่นวิตกกังวลใจที่เกิดขึ้นนี้เพียงเพราะเป็นเพลาใกล้ค่ำหรือเป็นเพราะท่านสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่คลืบคลานเข้าใกล้กันแน่ สายตาอาวุโสชำเลืองมองทั่วทั้งบริเวณความมืดค่อยๆ ปกคลุมรอบกายจะเหลือเพียงแสงสว่างจากกุมารน้อยนี่แหล่ะที่ทำให้พื้นที่บริเวณนี้สว่างไสวไปทั่ว

“พระคุณเจ้ามิต้องเป็นกังวล แม้นอีฉันจะมีฤทธาเพียงน้อยนิด แต่ก็สามารถจำแลงเป็นมนุษย์ได้ในเพลาที่ต้องการและจะคลายมนต์ในเพลาหลับนอนหรือไม่รู้สึกตัวนั่นเอง การเดินทางนั้นคงมิลำบากเท่าไหร่”

เพียงสิ้นคำพูดก็ปรากฏกลุ่มควันสีขาวปกคลุมร่างนางงูไปทั่ว ร่างนั้นค่อยๆ มลายหายไปกลับกลายเป็น ร่างของมานพน้อยหน้าตาหมดจดผ่องใส ผมหยิกหยักศกออกสีน้ำตาลอ่อนบริเวณศีรษะประดับด้วยมณีบุษราคัมภ์เปล่งประกาย มานพหนุ่มแต่งกายด้วยเสื้อผ้ารัดกุมเป็นสีเหลืองอ่อนอมน้ำตาลกิริยาท่าทางชมดชม้ายคล้ายอิสตรี มานพนั้นก้มลงกราบ ภิกษุชราหดเท้ากระเถิบถอยเร็วพลัน

“เอ๊ะ! นางนี่ ถึงแม้เจ้าจะแต่งกายเป็นชาย หากแต่แท้จริงเจ้าก็เป็นหญิง อย่ามาใกล้ชิดข้า ไม่อย่างนั้นข้าคงจะอาบัติทุกชั่ววันเป็นแน่”

“โธ่!.. พระคุณเจ้าเจ้าขา อย่ากลัวอีฉันสิเจ้าคะ เอาเป็นว่าอีฉันจะระวังกิริยาให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน อีฉันชื่อบุษรามณี.. เอ้ย!.. กระผมชื่อว่าบุษราขอรับ กระผมจะคอยดูแลเจ้าเหนือหัวเอง เรารีบออกเดินทางให้ไกลจากบริเวณป่าแห่งนี้เถอะขอรับเพราะใกล้มืดลงทุกทีแล้ว”

มานพหนุ่มเร่งเร้าให้ภิกษุชราออกเดินทางแต่น้ำเสียงนั้นเจือปนด้วยความหวาดหวั่นดังกลัวใครจะได้ยินหรือมีใครตนใดติดตามมาจึงต้องหนีให้พ้น สายตาจับจ้องระวังภัยกวาดมองรอบตัว

“เอ้า!..ออกเดินทางกันได้ แต่เจ้าจะเอาเจ้าหนูน้อยนี้ไปอย่างไรเล่า อู่นอนนั้นก็ใหญ่โตและวิจิตรบรรจงขนาดนี้จะยกจะอุ้มกันไปอย่างไรล่ะเนี่ย” สายตาทอดจับพินิจดูอู่นอนแลกุมารน้อยนั้น

“มิต้องเป็นกังวลขอรับ อีฉัน..เอ้ย!.. กระผมจัดการเอง”

พลางมานพหนุ่มก้มร่างช้อนอุ้มกุมารน้อยกอดไว้แนบอกมือซ้ายโอบกอดนุ่มนวลคุ้มภัยพลางยกมือขวาร่ายมนต์ อู่นอนนั้นก็กลับกลายย่อขนาดเล็กลงจนเหลือเพียงเท่าองค์คุลีนิ้วหนุ่มน้อยก้มลงหยิบใส่ชายพกคาดเอว

ภิกษุชราสาวเท้าเดินนำมานพหนุ่มโอบอุ้มกุมารน้อยเดินตาม จุดมุ่งหมายคือสถานที่ที่เหมาะสมในการปักกรดและต้องสามารถเป็นที่พักของกุมารน้อยได้อีกด้วย ภิกษุชราเร่งฝีเท้าพลางมองเสาะหาสถานที่ที่สมควรให้พบก่อนจะมืดค่ำมากไปกว่านี้

“บ้านวารีวนา”

ป้ายทางเข้าหมู่บ้านบ่งบอกว่าการเดินทางในวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว ภิกษุชราและมานพหนุ่มเร่งฝีเท้าเข้าไปตามทางที่ป้ายบ่งชี้ แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่จะมีหมู่บ้านกลางป่ากลางเขาได้อย่างไรแต่บุษราก็เลือกที่จะสาวเท้าก้าวต่อไป นางงูสาวในร่างมานพหนุ่มมองสำรวจไปทั่วระหว่างทางเข้าหมู่บ้าน ไม่มีสัตว์เลยสักตัว นก หนูก็ไม่มีให้เห็น ไม่ได้ยินเสียงจิ้งหรีดเรไรหรือจักจั่นป่าเลยสักตัวทั้งที่เป็นเวลาพลบค่ำ

สัมผัสบางอย่างจากสัญชาตญาณบ่งบอกว่า ที่หมู่บ้านแห่งนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่มีพลังฤทธามหาศาล เป็นสิ่งใดไม่รู้แน่ แต่ที่แน่ๆ คือฤทธามากกว่านางมากนักและมีจำนวนมากมายหลายร้อยตน แม้จะกลัวเกรงเจ้าเหนือหัวจะได้รับอันตรายแต่ถ้ารอนแรมต่อไปไม่หยุดพัก สิ่งที่กำลังตามมานั้นหากตามทันอันตรายใดๆ คงไม่อาจเทียบเท่าเพราะสิ่งที่เผชิญและหลบหนีอยู่นี้มีที่สิ้นสุดเดียวคือ ความตาย...

หากลองเสี่ยงเข้าหมู่บ้านไปทางรอดจะกลับมีเพราะแม้จะสัมผัสได้ถึงพลังฤทธามหาศาลแต่อีกส่วนก็ยังสัมผัสได้ถึงความเมตตา บุญบารมี ความดีงามที่แผ่เอื้อปกคลุม ราวกับว่าต้องการปกป้องคุ้มครองหมู่บ้านนี้ให้ปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวงที่อาจก้าวล่วงมาได้

ชาวบ้านหลายคนกำลังปิดบ้านร้านค้า หลายคนจูงลูกจูงหลานให้เข้าบ้านเนื่องจากใกล้ค่ำแล้ว ทุกคนแต่งกายแปลกตาเหมือนกับมนุษย์ที่เธอเห็นจากนิมิตยามเขาเหล่านั้นเรียกร้องหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือยามพลัดหลงกับพวกพ้องในป่าใหญ่จะต่างกันที่เสื้อผ้าที่ชาวบ้านสวมใส่อยู่นี้ตัดเย็บประณีตงดงามและใช้โทนสีเขียว ฟ้า คราม เหมือนกันหมด ไม่มีสีแดง ส้ม หรือสีฉูดฉาดอื่นใด นางงูในร่างมานพหนุ่มพลางคิด

“คนที่นี่แต่งตัวเข้ากับชื่อหมู่บ้านดีเนอะ สีฟ้า สีเขียว เหมือนน้ำกับป่าเลย วารีวนา สระน้ำกลางป่าใหญ่ แปลกดีแฮะ แต่เอ...คนเหล่านี้ ตัวหอมๆ กันทั้งนั้นเลย แต่งตัวรึก็รูปแบบแปลกตาเหมือนพวกมนุษย์ที่ชอบมาเดินเที่ยวป่า ก็เนอะชาวมนุษย์ก็ต้องแต่งกายแบบชาวมนุษย์ จะให้แต่งกายเหมือนชาวเราได้ยังไง”

นางงูจำแลงเดินตามภิกษุชราพรางครุ่นคิด เนื่องจากนางมีอายุกว่า 100 ปี ได้พบเห็นมนุษย์หลายยุคหลายสมัย การแต่งตัวก็ผิดแปลกกันออกไปต่างยุคสมัยกัน สมัยใหม่นี้น้ำอบน้ำปรุงนั้นมีหลากหลายกลิ่นไม่ใช่กลิ่นดอกไม้ไทยจำเหมือนพวกแม่หญิงสมัยซัก 50-60 ปีที่ล่วงมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel