ตอนที่ 2
“พระคุณเจ้า..เจ้าขา พระกุมารนี้เป็นชายเจ้าค่ะ เชิญทัศนาได้โดยสะดวกเถิด”
ภิกษุชราตกใจกับเสียงที่ได้รับตอบกลับมา ท่านเหลียวมองหาที่มาของเสียงนั้นรอบกายที่มีแต่ความสลัวของป่าหามีผู้ใดที่ควรพูดกับท่านได้ไม่ จะมีก็แต่นางงูตนนี้ ดังนั้นที่มาของเสียงคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
“พระคุณเจ้า!...พระคุณเจ้าได้ยินที่อีฉันพูดจริงๆ หรือเจ้าคะ จริงหรือเจ้าคะ!”
“เออ..เจ้าพูดได้นี่นา แล้วทำไมไม่พูดกับเราตั้งแต่แรก ให้เราพูดคนเดียวอยู่ได้ ”
“อีฉัน..โอ๊ย!..อีฉันปลื้มใจ.. อยากพูดเจ้าค่ะ แต่กลัวพระคุณเจ้าจะไม่ได้ยิน นี่..พระคุณเจ้าได้ยินที่อีฉันพูดจริงๆ พระคุณเจ้า...พระคุณเจ้าเจ้าขา เป็นบุญของนายเหนือหัวแน่แท้ที่ทำให้อีฉันได้มาพานพบพระภิกษุที่ปฎิบัติดีปฏิบัติชอบเช่นนี้ อีฉันดีใจจริงๆ ที่ได้พบเป็นบุญวาสนากันแล้ว ดีใจ..ดีใจยิ่งแล้วเจ้าค่ะ”
นางงูหมอบหัวลงกับพื้นแสดงความเคารพน้ำตาสีทองไหลสู่พื้นดินปรากฏเป็นหยดทองระยิบระยับ เสียงสะอื้นไห้ด้วยตื้นตันใจยังคงเครือคลอ
กุมารตัวน้อยนั้น ผิวพรรณเปล่งรัศมีสีทอง เส้นผมหยักศกสีดำประกายเขียวน่าจะเรียกว่าสีเขียวอมดำมากกว่า เนื้อตัวเกลี้ยงเกลาขาวอมชมพู ขนตาดกเป็นแพหนากระพริบถี่ๆ เหมือนจะรู้ตัวลืมตาตื่นขึ้น ด้วยคงได้ยินเสียงสนทนาหรืออย่างใดก็สุดที่จะเดาได้ เจ้าหนูนี่ยังเด็กนักคะเนอายุน่าจะไม่เกิน 2 เดือนเศษ ดวงตากลมโตที่เปิดขึ้นจ้องมองท่านนั้นเปล่งประกายสีเขียวเหลือบดำดุจสีแห่งทะเลน้ำลึกดูลึกลับน่าเกรงขาม แต่ทว่านัยน์ตาที่สบภิกษุชรานั้นกลับดูอบอุ่นบริสุทธิ์ อีกทั้งยังมิได้แสดงความหวาดกลัวคนแปลกหน้าแต่หากสงบนิ่งผิดวิสัยเด็กเล็ก เด็กชายตัวน้อยนอนอยู่ในอู่ที่ทำจากเปลือกหอยมุกตัวใหญ่เกือบวาเห็นจะได้ มณีนพเก้าเรียงร้อยประดับเป็นลวดลายพญานาคล้อมรัดอู่นอนไว้ดั่งมีชีวิต ดังว่าหากมีใครเข้ามากล้ำกลายทำร้ายเจ้าของเรือนนอน มณีนพเก้านั้นจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นพญานาคใหญ่พร้อมป้องกันอันตรายแก่กุมารน้อยในทันที
“เออ..หนอ เจ้าคงเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่จุติมาเป็นแน่แท้ เจ้าหนูเอ๋ย..เจ้าคงจะเกิดมามีทั้งบุญกุศลหนุนนำและกรรมลิขิตเป็นแน่แท้ไม่งั้นเจ้าคงไม่ระหกระเหินมากับนางงูอย่างนี้ดอก คงยังไม่มีใครให้พรเจ้าเมื่อแรกเกิดสินะ หลวงตา..จะให้พรเจ้าเอง”
ภิกษุชราให้รู้สึกเอ็นดูกุมารน้อยอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเมตตารักใคร่นัก พลันท่านเองนั้นกลับงุนงงกับกิริยาของเจ้าเด็กน้อย เด็กชายตัวน้อยยกมือประนบนิ้วอวบกลมป้อมสั้นประสานกันระหว่างอกดวงตาน้อยๆ หลับพริ้ม
“ผู้มีบุญญาเป็นแน่แท้ เจ้าหนูเอ๋ย..หลวงตาขอให้พรเจ้า ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยแลองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ ทวยเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นพรหม เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าที่ เจ้าทาง เทวาอารักษ์ รุกขเทวดา นางไม้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งหมดที่อยู่ ณ ที่นี้และผู้ที่เอ่ยนาม จงร่วมอวยพรอวยชัยให้กับเจ้า ให้เจ้าเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายใครเห็นใครรักใครเอ็นดู เติบโตขึ้นเป็นอภิชาติบุตรที่สมบูรณ์ด้วยความดีรายล้อมรอบกาย ความร้ายอย่าได้แพร้วพาน ศัตรูหมู่มารแม้คิดพลาญก็ขอให้พ่าย แม้เดินทางไปที่ใดหนใดขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายทั้งแลที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ไซร้ เกื้อกูลหนุนนำให้แคล้วคลาดปลอดภัยตลอดกาลตลอดนาน... เจริญด้วยอายุ วรรณโณ สุขัง พะลัง”
เมื่อภิกษุชรากล่าวคำจบให้ปรากฏลมพายุพัดโหมกระหน่ำโดยมิได้มีเค้าฝน เสียงฟ้าคะนองกึกก้อง ท้องฟ้าปรากฏแสงสีแวววาวเหลือบรุ้งอากาศแปรปรวนโดยทั่วชั่วอึดใจก็สงบลง ดังจะเป็นการรับรู้ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งแลที่ท่านฝากฝังให้ดูแลเจ้าหนูน้อยผู้นี้
“สาธุ.......”
เสียงกระซิบบางเบาได้ยินเพียงสายลมพัดผ่าน กุมารตัวน้อยอมยิ้มส่งเสียง อู...ออ...ในลำคอ ดังแสดงความเคารพแก่ท่านแววตาเปล่งประกายสุกใสเชื่อใจและขอบคุณ
“นางงูเอ๋ย.. เด็กน้อยนี้เป็นลูกใครหรือเจ้า เหตุใดจึงมาอยู่ ณ ที่นี้กับเจ้าได้ เจ้าไม่ได้ไปคาบเอาลูกใครมานะ หรือ..อย่า..บอกนะว่านี่ลูกของเจ้าน่ะ”
ภิกษุชราเอ่ยถามนางงูสาวแต่สายตาผ่านวัยชรายังมิอาจละได้จากวงหน้าอ้วนกลมน่ารักน่าเอ็นดูนั้นทั้งยังส่งเสียง อู..ออ...หยอกล้อเจ้าหนูน้อยกลับเช่นกันทำเอาเจ้าตัวน้อยนั้นหัวเราะเอิ๊กอ๊ากด้วยอารมณ์ดี
“อู...ออ....ว่าไงเจ้าหนู ลูกใครรึเจ้า...ว่าไง...เจ้าตัวน้อย”
“เอิ๊กกกก คริ๊กกกกกก เอิ๊กกกกก”
“หลวงตาเจ้าขา..ถามเป็นชุดเลย อีฉันจะมีลูกเป็นร่างมนุษย์ได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ อันสัญชาติของอีฉัน เป็นเพียงจงอาง มิได้มีบุญญาเป็นถึงนางนาคีที่จะสามารถให้กำเนิดบุตรเป็นร่างมนุษย์ได้ พระกุมารน้อยนี้ทรงเป็น... เอาเป็นว่าอีฉันจะเล่าให้พระคุณเจ้าฟังในภายหลังก็แล้วกันนะเจ้าคะ แต่ตอนนี้อีฉันต้องขอให้พระคุณเจ้าช่วยเจ้าเหนือหัวของอีฉันก่อน นี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว.. อีฉันอยากจะขอความเมตตาจากพระเดชพระคุณเจ้า ช่วยรับเจ้าเหนือหัวของอีฉันไปดูแลด้วยเถิดเจ้าค่ะ อีฉันไม่สามารถดูแลเจ้าเหนือหัวเพียงลำพังได้ เพราะพระองค์ท่านมีร่างกายเป็นมนุษย์ และปกติวิสัยของมนุษย์ในวัยเพียง 1 เดือนนี้ พระองค์ท่านจำต้องได้รับพระกษิรธาราแห่งพระมารดาเป็นพระกระยาหารเพื่อหล่อเลี้ยงพระวรกาย อีฉันก็ไม่มีน้ำนมให้พระองค์ได้ จะให้อีฉันไปหาน้ำนมจากสัตว์อื่นนั้นก็เป็นสิ่งที่ต่ำศักดิ์ยิ่งที่เจ้าเหนือหัวจะได้ดื่มกิน หากมิใช่น้ำนมของมนุษย์ผู้ใจบุญหรือนางพญานาคีผู้เปี่ยมด้วยเมตตาแล้วไซร้ นายเหนือหัวของอีฉันก็มิสมควรจะได้ดื่มกินน้ำนมจากผู้ใดเลยเจ้าค่ะ แต่หากว่าเลี่ยงไม่ได้อีฉันก็จำต้องรักษาพระชนม์ชีพของเจ้าเหนือหัวไว้ให้จงได้ แต่ยามนี้เวลาแทบไม่เหลือแล้ว อีฉันรั้งรอให้ช้าไปกว่านี้ไม่ได้เจ้าค่ะ ขอพระคุณเจ้าได้โปรดช่วยอีฉันด้วยเถิด อีฉันจะขอเดินทางรับใช้ท่านไปด้วยทุกที่” นางงูกล่าว พลางสะอื้นไห้น้ำเสียงร้องขอเครือคลอน่าเวทนาใจยิ่งนัก สายตานางจับจ้องกุมารน้อยด้วยความรักเทิดทูน
