ตอนที่ 1
รัศมีเลื่อมรุ้งพราวประดับทั่วท้องนภาดั่งจะเบือนบิดเวลาแห่งสุริยะฉายให้เพลานี้เป็นเฉกเช่นราตรีกาลอันพร่างพราวไปด้วยหมู่ดารารายน้อยใหญ่ แต่ทว่าแสงดาราแห่งราตรีกาลนั้นฤาจะสู้สุริยาที่เจิดจร้าทรงพลานุภาพไม่ อาภากรรัศมีรอดผ่านมวลเมฆาเปล่งประกายสีรุ้งเหลือบชมพูงดงามแปลกตา ปรากฏการณ์วิปริตผิดธรรมชาติคล้ายมีสิ่งมหัศจรรย์ใดบังเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์นี้ฤา
พระพายพัดแปรให้มวลเมฆาคลายเคลื่อนแลหลอมรวมประพิมประพายพระเศวตฉัตรเก้าชั้นประดับอยู่เหนือทิวากร ลำแสงส่องผ่านเคลื่อนไหวดุจสิ่งมีชีวิตสีทองขนาดใหญ่รับรองพระเศวตฉัตรนั้นไว้เปรียบประหนึ่งองค์พญานาคราชโอบล้อมป้องภัย เพียงพริบตาลำแสงสีทองนั้นก็ปรับกลับกลายเป็นองค์พญาครุฑใหญ่สีทองอร่ามตาแลสยายปีกกว้างโอบล้อมเศวตฉัตรนั้นไว้แทนที่
พระภิกษุชรารูปร่างสูงใหญ่สง่างาม แม้จะล่วงเข้าชราภาพแต่ความองอาจดุจทหารราชองครักษ์มิได้เลือนลดลงตามวัย ในพรรษาที่ย่าง 75 ปี แต่ร่างกายนั้นยังคงแข็งแรง ท่าทีเดินเหินตัวตรงดูราวชายอายุสัก 50 ปี กว่า 15 พรรษาที่เดินธุดงค์รอนแรมในป่าใหญ่ เพื่อขูดเกลากิเลสตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ในพระสูตรและเพื่อจาริกแสวงบุญไปตามสถานที่อันเป็นพุทธบูชา มิมีครั้งใดเลยที่จะพานพบพาสิ่งอัศจรรย์ใจยิ่งขนาดนี้ รัศมีเลื่อมรุ้งพราวและปรากฏการณ์บนท้องฟ้าทำให้ภิกษุชราชะงักฝีเท้านิ่ง ดวงตาสงบนิ่งปรานีทอดจับจ้องมองลำแสงนั้นด้วยแววฉงนสงสัยแกมครุ่นคิด
“อืม..ทำไมท้องฟ้าถึงมีแสงประกายแปลกประหลาดขนาดนี้นะ นาค-ครุฑ..จะเป็นนิมิตอันใดหรือเปล่าหนอ” ภิกษุชราครุ่นคิดพลางรีบสาวเท้าเพื่อให้ถึงยังสถานที่ที่เหมาะสมในการปักกรดก่อนพลบค่ำ
…ฟ่อ...ฟ่อ....
ฝ่าเท้าชะงักพลางเงี่ยหูฟังที่มาของเสียง สายตาที่พร่าเลือนตามวัยแต่ยังคงใช้การได้ดีจับจ้องมองสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า แม้เพลาโพล้เพล้อย่างนี้สิ่งรอบตัวก็ดูจะกลืนเกรงไปกับความมืดสลัวเสียหมดแต่ก็ยังคงมองเห็นสิ่งรอบตัวได้พอประมาณ
“เสียงอะไรหนอ โอ๊ะ!.. เออ.. เจ้างูนั่นเอง”
ภิกษุชราผงะกับสิ่งที่ได้เห็นอยู่ตรงหน้า เพราะท่านยืนห่างจากเจ้างูระยะเพียง 4 ศอกเห็นจะได้ สิ่งที่ภิกษุชราแลเห็นคือ งูจงอางตัวใหญ่ขนาดประมาณท่อนขาผู้ใหญ่ได้กะความยาวได้เกือบ 5 วา ลำตัวของมันมีสีเหลืองอมน้ำตาลมันมะเลื่อมซึ่งดูจะแปลกไปจากงูจงอางทั่วไปที่ควรจะเป็นสีน้ำตาลแดงอมเขียว เขียวอมเทา หรือน้ำตาลจนเกือบดำ สีที่ผิดแปลกไปไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับท่านได้มากเท่าขนาดที่ทั้งยาวและใหญ่เสียจนท่านอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้านี้คืองูจริงๆ หรือไม่ หรือเป็นเพียงสิ่งเร้นลับใดที่ทำให้ท่านได้มองเห็นแต่ระยะที่ใกล้มากขนาดนี้มันก็ทำให้ท่านแน่ใจเสียยิ่งว่าสิ่งที่เห็นนั้นมีตัวตนอยู่จริง
เจ้างูใหญ่ขดตัวอยู่กึ่งกลางระหว่างทางที่ท่านจะเดินผ่านมันขยับเขยื้อนเคลื่อนกายไปมาทำท่าทางคล้ายลักษณะกกไข่ ส่วนหัวที่ชูสูงขึ้นแผ่ออกจนสุด ขนาดนั้นเทียบเท่าถาดประเคนภัตตาหารขนาดใหญ่ กิริยาแผ่แม่เบี้ยเตรียมพร้อมหากมีผู้บุกรุกหรือกล้ำกลายเข้าไปในอาณาเขตแห่งมัน ภิกษุชราหลับตาตั้งจิตมั่นและส่งแผ่ความเมตตาไปยังเจ้างูใหญ่นั้นในทันที
“เจ้างูเอ๋ย... นางงูเอ๋ย... ความรู้สึกเราบอกว่า เจ้านั้นเป็นสตรี... เรานั้นมิเคยมีเรื่องบาดหมางหรือขุ่นใจในกันและกัน วันนี้ตัวเรานั้นเพียงต้องการขอผ่านทางเพื่อให้ถึงจุดหมายก่อนพลบค่ำ ไม่ได้มีจิตจะหลบหลู่ดูหมิ่นหรือต้องการจะทำอันตรายเจ้าแต่อย่างใด... ขอจงเปิดทางให้เราผ่านด้วยเถิด”
ความเมตตาที่สื่อผ่านจากผู้หนึ่งถึงยังอีกผู้หนึ่งนั้นแม้ไม่สามารถสัมผัสเห็นได้จากสองตาแต่ทว่าความรู้สึกอิ่มเอมใจทั้งผู้ให้และผู้รับนั้นเป็นสิ่งที่รับรู้ซึ่งกันและกันได้ พลันเจ้างูใหญ่ดูสงบลงกิริยาชมดชม้อยเชื่องช้าทว่าแช่มช้อยบังเกิดขึ้น มันลดหัวแผ่แม่เบี้ยลงแววตาเปล่งประกายขอบคุณอ่อนโยน น้ำตานางอสรพิษไหลริน นางงูเคลื่อนคลายขยับขยายเคลื่อนตัวเหมือนจะเชิญชวนให้ภิกษุชราแลดูสิ่งที่นางนั้นปกป้องอยู่
ในทันทีที่กายใหญ่หลีกเร้นลำแสงประหลาดให้พวยพุ่งออกมา แสงสีทองเหลือบรุ้งพรายดังที่ปรากฏบนท้องฟ้าปรากฏแก่สายตาอีกครั้ง ภิกษุชราก้าวเท้าพาตัวเองเดินเข้าสู่ที่ของนางงูโดยมิได้แสดงความหวาดกลัวพรั่นพรึงแต่อย่างใด เพราะท่านนั้นปลงสังเวชแล้วว่า อันตัวท่านนั้นได้ค้นพบหนทางแห่งความสุขอันเป็นนิรันดร์แน่แล้ว หากจะมีสิ่งใดที่ทำให้ต้องสิ้นลงก็คงแล้วแต่เวรกรรมและยังภูมิใจที่ได้ละสังขารไปในเพศบรรพชิต ท่านจึงก้าวเข้าสู่ที่ของนางงูอย่างไม่หวั่น
ภายในรัศมีลำแสงสีเหลืองเรืองรองสีทองเหลือบสีชมพูสว่างจ้าอยู่ภายในวงล้อมขดรอบตัวของนางงู คล้ายคลึงกับแสงที่ทอประกายบนท้องฟ้าเมื่อสักครู่ที่ผ่านมานั้น เมื่อดวงตาปรับชินแสงสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาภิกษุชรานั้นกลับกลายเป็นเด็กตัวน้อยนอนหลับปุ๋ยอยู่ในวงล้อมของนางงู เด็กน้อยนั้นผิวพรรณผุดผ่องละอองตา รัศมีสีทองเปล่งประกายปกคลุมทั่วทุกอณูผิว พวงแก้มขาวนวลอมชมพู จมูกนิด ปากหน่อยสีชมพูระเรื่อ หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา เส้นผมละเอียดหยักศกคลอเคลียใบหน้า ผมคิ้วสีดำเหลือบเขียวเข้มเปล่งประกายแปลกตา
“อัศจรรย์จริงๆ เด็กที่ใดหนอมานอนหลับในร้อยรัดของนางงูได้ เด็กน้อยนี่ไม่น่าจะเป็นลูกมนุษย์ จะเป็นลูกเทพยดา นางไม้ตนใดหรือเปล่าหนอ.. หรือจะเป็นลูกของนางงู ก็ไม่น่าจะใช่.. หรือนางจะไปขโมยลูกใครมา ก็ไม่น่าจะใช่อีก นางจะขโมยมาทำไม.. หรือนางจะเอามากิน ก็ไม่น่าจะใช่ ถ้านางจะกินก็คงกินไปแล้ว ไม่น่าจะนำมาเลี้ยงดูปกป้องอย่างนี้.. เออ.. หญิงหรือชายก็ไม่รู้ได้” ภิกษุชราครุ่นคิดพลางมองพินิจเด็กน้อย
