2
พี่สาวไม่เคยเกลียดชังเธอเหมือนบิดามารดา แต่พี่สาวคอยเข้าข้างเธอเสมอ เวลาโดนบิดามารดาด่าว่าหรือตำหนิ
รินลดาคือพี่สาวที่รักเธออย่างจริงใจ
ไม่น่าเชื่อว่าก่อนตายพี่สาวยังแสดงความรักกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งทั้งเธอและรินลดาก็คงไม่รู้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ จึงเกิดผิดฝาผิดตัวกันขึ้น ทำให้เธออยู่รอดปลอดภัยต่อไปได้
หากให้บิดามารดารู้ว่าเธอคือรุ้งรวิดา โลกคงแตกแน่ ๆ
พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากันคือเรื่องจริงของโลกมนุษย์ เธอเชื่อสนิทใจเมื่อพบเจอกับตัวเอง ที่สำคัญเลยก็คือถึงแม้ว่าครอบครัวนั้น พ่อแม่จะดูรักลูกเท่าๆ กัน เหมือน ๆ กัน แต่ก็จะมีลูกที่รักมากกว่า ห่วงมากกว่า แม้จะเล็กน้อยก็ต้อง มีความไม่เท่าเทียมอยู่ จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง
รุ้งรวิดาทิ้งตัวนั่งลงบนขอบเตียง พลางหยิบกรอบรูปที่หัวเตียงมาลูบไล้เบาๆ ใบหน้าของสาวน้อยทั้งสองที่เธอลูบไล้คือเธอกับพี่สาว มันเหมือนกันจนแยกไม่ออก แต่เธอต้องทำตัวเป็นพี่สาว ต้องเลียนแบบพฤติกรรม และความร่าเริงของอีกฝ่าย เธอเป็นคนค่อนข้างเงียบเจียมเนื้อเจียมตัว แต่เธอก็อยากเป็นพี่สาว ซึ่งเป็นคนอัธยาศัยดี สนุกสนาน เฮฮา พูดให้คนอื่นหัวเราะได้ อยากเป็นที่รัก อยากเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ สร้างรอยยิ้มให้ทุกคนเสมอ
รุ้งรวิดาใช้ชีวิตตามปกติที่มหาวิทยาลัย เธอกับพี่สาวเรียนสาขาวิชาบริหารธุรกิจเหมือนกัน แต่คนละมหาวิทยาลัย ดังนั้นการเรียนจึงไม่ได้แตกต่างกันมาก เธอจึงสามารถเรียนในสาขาวิชาที่พี่สาวเรียนได้เลย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเรียนไม่รู้เรื่อง
บิดามารดานั้นไม่ค่อยอยู่บ้าน เธอไม่ได้เจอหน้าพวกท่านเลยหลังจากงานศพ อาจเพราะต้องเดินทางบ่อย และไม่ค่อยอยู่ในประเทศ เธอไม่รู้ว่าพวกท่านไปไหนบ้าง เพราะไม่พวกท่านไม่เคยบอกอะไรเลย บอกแค่ว่าให้ตั้งใจ และทิ้งเงินเอาไว้ให้ก็แค่นั้นเอง
ซึ่งปกติพวกท่านก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เธอรับรู้จากรินลดาผู้เป็นพี่สาว
ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ บิดามารดาบอกว่าให้เธอเรียนมหาวิทยาลัยใกล้บ้านในต่างจังหวัดราคาประหยัด แต่ให้พี่สาวเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำแนวหน้าของเมืองไทย
แม้จะนึกน้อยใจ แต่เธอก็รักยายมากที่สุด อยากอยู่ใกล้ๆ ท่าน เพราะท่านชรามากแล้ว ดังนั้นการเรียนมหาวิทยาลัยใกล้บ้านจึงเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกโอเค มากกว่าไปเรียนในเมืองใหญ่
ยายปลอบว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน ถ้าเราเป็นคนดีและคนเก่ง โอกาสดีๆ ก็จะวิ่งเข้ามาหาเราเอง
“ริน” เสียงเรียกจากเพื่อน ๆ ของพี่สาวทำให้เธอหยุดกึก
รุ้งรวิดาหันไปมองก็เห็นเพื่อนสนิทพี่สาววิ่งมาหยุดยืนหอบโยนอยู่ใกล้ๆ
“รินมาก่อนเราอีก” ปัทมาพูดเสียงหอบ ๆ พลางยิ้มให้
“วิ่งทำไม หอบแย่เลยนะคะ”
“ก็วิ่งให้ทันรินไง วันนี้รินมาแปลก”
“แปลกยังไงเหรอ”
“พูดจาคะขา นะคะ ๆ แปลกๆ” ปัทมามองอย่างสงสัย
“ปะ... เปล่าไม่มีอะไรหรอกจ้ะ รินก็แค่อยากพูดเพราะๆ กับเพื่อนสนิทอย่างปัดไง”
“อ้อ... จ้ะ” ปัทมารับคำ ก่อนที่จะเดินเข้าตึกเรียนไปพร้อมกับเพื่อน
“ริน ริน ริน!”
“คะ เรียกเราเหรอ” รุ้งรวิดาเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนพี่สาวจ้องเอาจ้องเอา
“รินเป็นอะไรนี่ ใจลอยไปไหน” ปัทมาเอ่ยถาม เพราะสนิทกันมาก ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงและความผิดปกติของเพื่อนสาว
คนตรงหน้าไม่เหมือนรินลดาเลยสักนิด แค่รูปร่างหน้าตาที่เหมือนกันเท่านั้น แต่รินลดาคนนี้พยายามทำตัวให้เหมือนรินลดาเพื่อนของเธอ
“หรือว่า...” ปัทมาเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย
“หรือว่าอะไร” รุ้งรวิดาเอ่ยถามเสียงสั่น
“รุ้งหรือเปล่า” ปัทมาถามอย่างจริงจัง
“พี่ปัท”
“หือ... รุ้งจริงๆ ด้วย แล้วคนที่ตายคือรินอย่างนั้นเหรอ” ปัทมามีสีหน้าช็อก
“ใช่ค่ะ” รุ้งรวิดารับคำก่อนจะน้ำตาร่วงพลู
“ไหนเล่าให้ฟังสิ” ปัทมาเอ่ยถาม ไม่ได้มีสีหน้าเคืองโกรธน้องสาวของเพื่อนรักคนนี้เลย เพราะรู้ว่าชีวิตของอีกฝ่ายเป็นยังไง
รุ้งรวิดาก็เล่าความจริงทุกอย่างให้ปัทมาฟัง นั่นทำให้ปัทมาถอนใจเฮือกใหญ่
“ก่อนรินตาย รินก็เคยพูดแปลกๆ ฝากฝังรุ้งเอาไว้กับปัด บอกว่าให้ช่วยดูแลรุ้งให้ดีเหมือนดูแลริน เป็นเพื่อนที่ดีของรุ้งเหมือนกับริน ตอนนั้นปัดก็งงๆ ไม่ได้คิดอะไร ไม่คิดว่าที่รินพูดมันจะเป็นลางอะไรสักอย่าง แล้วรินก็มาจากไป”
รุ้งรวิดาปล่อยโฮออกมาในทันที พี่สาวของเธอรักเธอเสมอ
“พี่รินรักรุ้งมาก เป็นพี่สาวที่ดีที่สุดในชีวิตของรุ้ง” รุ้งรวิดาพูดไปร้องไห้ไป ปาดน้ำตาเหมือนเด็กๆ
“รุ้งต้องเข้มแข็งนะ ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก ปัดเองก็เสียใจพอรู้ว่ารินตายไปแล้ว แต่ชีวิตคนเราต้องก้าวเดินต่อไป รุ้งเองก็รับปากรินเอาไว้แล้วว่าจะใช้ชีวิตอยู่ให้มีความสุข รุ้งก็ต้องเป็นรินให้ได้”
“รุ้งกลัวค่ะ กลัวทุกอย่าง” รุ้งรวิดาสารภาพความจริงออกมา เธออยากมีใครสักคนให้คอยเล่าปัญหานี้ให้ฟัง ปัญหาที่เธอหวาดกลัวกับความลับที่ต้องเก็บงำ อาจเพราะว่าเธอนั้นกลัวจะทำตัวเป็นพี่สาวได้ไม่ดีจนโดนจับได้ ทำให้เธอรู้สึกโดดเดี๋ยวไม่มีใครให้ระบายความอัดอั้นที่เกิดขึ้น
“กลัวว่าจะทำตัวไม่เหมือนรินใช่ไหม” แม้สองพี่น้องจะเหมือนกันเพราะเป็นฝาแฝดกัน แต่นิสัยใจคอต่างกัน คนน้องอ่อนหวานเรียบร้อยสงบเสงี่ยมกว่า ส่วนรินลดานั้นสดใสร่าเริง เป็นตัวของตัวเอง เป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง
“ใช่ค่ะ พี่รินเป็นคนน่ารัก ร่าเริงแจ่มใส มีน้ำใจ” รุ้งรวิดารู้จักพี่สาวตัวเองดี ว่าพี่สาวมีความเป็นผู้นำและเก่งกาจในหลาย ๆ เรื่อง เธอกับพี่สาวเหมือนกันคือหัวดีเรียนเก่ง แต่เธอไม่ค่อยกล้าแสดงออกแบบพี่สาว
“รุ้งก็น่ารักในแบบฉบับของรุ้ง ปัดรู้จักรุ้งมาหลายปี ตั้งแต่ที่รินแนะนำให้รู้จัก รุ้งเป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะ” ถึงแม้จะอายุเท่ากัน แต่ปัทมาแก่เดือนกว่า
“รุ้งกังวลค่ะ กลัวจะเป็นพี่รินได้ไม่ดี”
“ปัดอยู่นี่ทั้งคน รินฝากฝังรุ้งเอาไว้กับปัดแล้ว รินเป็นยังไง ต้องทำตัวยังไง ปัดรู้ดี ปัดจะช่วยรุ้งเอง”
“ขอบคุณค่ะปัด”
“เรียกว่าปัดเฉยๆ แบบนี้แหละ คนจะได้ไม่สงสัย อย่าหลุดเรียกว่าพี่เหมือนเรียกรินนะ” ปัทมาพูดให้อีกฝ่ายผ่อนคลาย
“ค่ะปัด” รุ้งรวิดายิ้มออก แม้จะเป็นรอยยิ้มทั้งน้ำตา
“รุ้งรู้ใช่ไหมว่าทำไมก่อนตายรินถึงขอให้รุ้งเป็นริน”
“รู้ค่ะ เพราะพี่รินรักรุ้ง ไม่อยากให้รุ้ง...” เธอพูดได้แค่นั้นก่อนจะกัดปากตัวเอง รู้อยู่เต็มอกว่าเพราะอะไร แต่พูดไม่ออก ซึ่งปัทมาเองก็เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร
“กลัวพ่อกับแม่สงสัยใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“พ่อกับแม่ของรุ้งไม่สงสัยอะไรใช่ไหม” เพราะรุ้งกับรินคนละคนกัน พ่อแม่อยู่กับลูกมาจนโต น่าจะจับสังเกตได้ว่าลูกคนไหนเป็นคนไหน
คนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เด็กหรือสนิทกันจริงๆ มักจะแยกไม่ออก เพราะเป็นฝาแฝดที่เหมือนกันราวกับแกะ แต่ถ้าคนไหนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด มักแยกออก
