บทที่ 3
“ลุงโมกคงไม่ยอมให้เราไปง่ายๆ หรอก” เห็นแบบนั้นแต่ลุงโมกก็รักลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านคนนี้มาก ดูได้จากการที่เธอโตมาอย่างดีนั่นไง แม้ตอนนี้ท่านจะหลงเมียใหม่ไปบ้าง แต่ก็เชื่อเถอะว่าท่านคงไม่มีวันยอมให้สลิตาออกไปใช้ชีวิตคนเดียวแน่
“นั่นเป็นปัญหาของคุณพ่อค่ะ ไม่เกี่ยวกับตา” คนดื้อเงียบตอบกลับมาเบาๆ อย่างไม่นึกจะใส่ใจว่าใครจะยอมรับการตัดสินใจของตัวเองหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วต่อให้ไม่ยอมพ่อเธอจะทำอะไรได้ ในเมื่อตอนที่ท่านตัดสินใจพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาเหยียบย้ำใจกันถึงบ้าน ท่านเองก็ไม่เคยถามความสมัครใจกันสักคำ มาวันนี้เมื่อเธออยากจะเลือกทางเดินให้กับชีวิตที่แสนเวทนาของตัวเองบ้าง ใครจะกล้าพาตัวเองเข้ามาขัดขวาง ก็ลองทำดูสิ!
“ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย ดึกมากแล้วเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” เป็นเสียงเข้มของเขาที่เอ่ยขึ้นเรียกให้เธอกลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง แต่ทว่าไม่ทันที่เขาจะก้าวออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้แขกคนสำคัญของแม่ได้หลับพักผ่อน อ้อมแขนเล็กๆ ก็ตวัดเข้ามาโอบกันเอาไว้จากด้านหลังเข้าเสียก่อน
“ตา…” หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ว่าอะไรเพราะกอดหอมกันจนเคยชิน แต่ว่าตอนนี้เธอโตเกินกว่าที่จะมาทำอะไรแบบนี้แล้ว อีกทั้งเขาเองในตอนนี้ก็มีคนรักที่เพิ่งจะเปิดตัวไปหมาดๆ มันคงไม่ดีเท่าไหร่ ที่เขาและเธอจะใกล้ชิดกันแบบนี้ มันไม่เหมาะสม
“ขอตากอดพี่เอื้อแบบนี้สักพักนะคะ แล้วหลังจากนี้ตาจะไม่มาให้พี่เอื้อเห็นหน้า หรือรู้สึกลำบากใจอีกเลย” เธอพอแล้วสำหรับทุกอย่าง ไม่ว่ารักข้างเดียวจากเขาหรือจากพ่อของตัวเอง
เธอพอแล้วจริงๆ
“พี่ขอโทษ…” ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่อาจมอบสิ่งที่เธอต้องการให้ได้โอบเอื้อจึงทำได้เพียงเอ่ยคำขอโทษออกมาแทนที่
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ตาเข้าใจดีว่าเรื่องของความรู้สึกมันห้ามกันไปไม่ได้ เหมือนอย่างที่ตาเลิกรักพี่เอื้อไม่ได้ไงคะ พี่เอื้ออย่าโทษตัวเองเลยนะ ตาไม่โกรธพี่จริงๆ ค่ะ” จนถึงตอนนี้เธอไม่นึกโกรธหรือโทษที่เขาไม่รัก เพราะเข้าใจดีว่าเรื่องแบบนี้มันยากที่จะฝืนใจ เธอแค่เสียใจและเป็นห่วง หากสุดท้ายแล้วเขาต้องลงเอยกับผู้หญิงมากแผนการคนนั้น คนที่ไม่ได้ดีอย่างที่เขาหรือใครๆคิด
แต่ถึงพูดอะไรออกไปก็เข้าตัวอยู่ดี เพราะในสายตาของทุกคนนั้นเธอคือตัวร้ายที่พร้อมจะเล่นงานใครสักคนได้อย่างง่ายดายขอเพียงแค่รู้สึกไม่ชอบหน้า ขณะที่เนตรนาราคือผู้ถูกกระทำ อีกฝ่ายเป็นคนเก่งที่ทำให้ทุกคนเชื่ออย่างที่แสดงออกมา ขณะที่เธอบ่อยครั้งก็ควบคุมสติไม่อยู่จนต้องตกเป็นเป้า
“ตารักพี่เอื้อนะ…” ไม่ว่าสุดท้ายแล้วชีวิตของเขาและเธอจะต้องลงเอยแบบไหน เธอก็ยังอยากจะที่บอกรักเขาออกมาอยู่ดี
เพราะนี่คงเป็นสิ่งเดียว ที่เธอจะมอบมันให้เขาแทนคำลา
โอบเอื้อไม่ได้ข่าวของสลิตาอีกเลยนับตั้งแต่คืนที่เขาปล่อยให้เธอยืนกอดอยู่แบบนั้นนานร่วมสิบนาที กระทั่งวันนี้ วันที่เขาต้องมารู้จากปากคนอื่นว่าเธอไปแล้ว และคงไม่หวนกลับมาอีก!
“คุณตาคุณยายของหนูตาโกรธมาก ทันทีที่รู้เรื่องท่านทั้งสองก็บินมารับน้องไปอยู่ที่เชียงใหม่ด้วยทันที ตอนแรกคุณโมกก็ไม่ยอมหรอก แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะทางนั้นก็ขู่ว่าจะเอาเรื่องกลับเหมือนกัน โทษฐานที่ทำให้หลานรักของพวกเขาเจ็บตัวด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง” เรื่องราวที่ได้ยินผ่านคำบอกเล่าของผู้เป็นแม่ทำให้เขาได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรอยู่นาน อะไรบางอย่างบอกให้รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือความตั้งใจของเจ้าตัวที่ต้องการตัดขาดจากพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ยอมกระทั้งปล่อยให้ตัวเองเจ็บตัว เพื่อแลกกับการไปจากที่นี่ ไปจากทุกคน!
“เฮ้อ จากนี้แม่คงจะคิดถึงน้องมากทีเดียว ไปอยู่ที่นู้นมันจะสุขสบายกว่าอยู่บ้านเราสักแค่ไหนกันเชียว เห็นว่าทำไร่ทำสวนด้วย ต้องลำบากแน่ๆ”ใครไม่ห่วงแต่นางห่วง ห่วงมากด้วย
“เอาเถอะคุณ หลานได้เลือกแล้วว่าต้องการแบบนั้น เราก็เคารพการตัดสินใจของเขาเถอะนะ อีกอย่างเราเองก็เป็นแค่คนนอก คงทำได้แค่มองดูเขาอยู่ห่างๆ จากตรงนี้” เมื่อได้คำพูดของสามีเตือนสติคุณลัดดาถึงพยักหน้ารับ สุดท้ายก็คงต้องเป็นตามนี้
