บทที่ 1
ไม่นานหลังจากนั้น ข่าวการคบหาดูใจกันระหว่างโอบเอื้อกับเนตรนาราก็รู้ไปถึงหูผู้ใหญ่ของทั้งสองครอบครัว แน่นอนว่าคราแรกคุณป้าลัดดาแม่ของเขาไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้สักเท่าไหร่นักเพราะอยากได้อีกคนมากกว่า แต่กระนั้นท่านก็ไม่อาจขัดใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองได้อยู่ดี สุดท้ายก็ต้องตามใจ ในส่วนของพ่อเธอนั้นท่านไม่ได้ขัดขวาง ออกจะเห็นชอบเสียด้วยซ้ำ อย่างมากที่สุดท่านก็เพียงแค่ขอให้ทุกอย่างเข้าตามตอกออกตามประตู เพราะเป็นห่วงถึงเรื่องความเหมาะสมของวัยก็เท่านั้น
แม้ภาพความสนิทสนมของพวกเขาจะทำให้เจ็บ แต่สิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้ในตอนนี้คืออดทน อดทนจนกว่าจะถึงวันที่เธอรอคอยซึ่งคือวันนี้ วันที่ผลตอบรับเข้าเรียนต่อมหาลัยเธอออก
“ไม่ได้! ที่กรุงเทพก็มีมหาลัยดีๆ เยอะแยะ ทำไมต้องถ่อไปเรียนไกลถึงเชียงใหม่ด้วย!” เป็นพ่อเธอที่เอ่ยขึ้นทันทีที่ทราบเรื่อง
และก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าท่านคงไม่มีวันเห็นด้วยในเรื่องนี้ เพราะแบบนั้นไง เธอถึงได้แอบจัดการทุกอย่างอย่างเงียบเชียบ แล้วค่อยมาสารภาพกับท่านเอาตอนที่ทุกๆ อย่างลุล่วงไปได้ด้วยดีเรียบร้อยด้วยคิดเอาเองว่าคำคัดค้านน่าจะไม่มีผลอะไร!
“ไม่ดีเหรอคะ ที่ตาไปอยู่ไกลหูไกลตา พ่อจะได้มีความสุขกับเมียและลูกคนใหม่ โดยไม่ต้องมีลูกนอกสายตาคนนี้เป็นมารความสุข” ความสัมพันธ์ของพ่อและพ่อนั้นมีแต่จะแย่ลงไปทุกวันนับตั้งแต่สองแม่ลูกนั้น ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
เธอที่เคยเป็นหนึ่งเดียวในชีวิตท่าน แต่ทว่าตอนนี้นั้นดูเหมือนทุกลมหายใจเข้าออกจะมีแค่สองแม่ลูกนั้นอยู่เต็มไปหมด การมาของคนพวกนั้นทำให้เธออึดอัดทุกวินาทีที่อยู่ในบ้านของตัวเอง บ้านที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยความสุขมากมาย แต่บัดนี้นั้นมันกลับกลายเป็นสถานที่ที่เธอ อยากจะพาตัวเองหนีออกไปให้ไกล ไกลเท่าไหร่ได้ยิ่งดี!
“ยัยตา!”
“ไม่เอาค่ะคุณอย่าโมโหสิคะ เดี๋ยวโรคหัวใจกำเริบ เราเองก็ด้วยหนูตาทำไมไปพูดกับคุณพ่อท่านแบบนี้คะ ไม่น่ารักเลย!”
“คุณไม่ใช่แม่ฉัน ไม่ต้องมาสาระแน!” สิ้นคำตอบ ใบหน้าอ่อนหวานก็สะบัดไปตามแรงตบในทันที ท่ามกลางสายตาตกอกตกใจของใครหลายๆ คน ไม่เว้นแม้แต่คุณลัดดากับผู้เป็นสามีที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในบ้านพร้อมลูกชาย ซึ่งโอบเอื้อคงจะเดินเข้าไปรั้งต้นแขนบอบบางนั้นออกมาให้พ้นมือของผู้เป็นพ่อไปแล้ว หากไม่มีใครอีกคน เดินสวนไปทำสิ่งที่เขาทำได้เพียงแค่คิดเสียก่อน
“หนูตาพ่อ…”
“ไม่เป็นไรค่ะ โดนตบแค่นี้ถือว่าน้อยมาก ถ้าเทียบกับการที่พ่อยอมให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาเหยียบในบ้านของแม่! เรื่องนั้นต่างหากที่มันทำให้ตาเจ็บ! จากนี้ก็เชิญพ่อมีความสุขกับครอบครัวใหม่ของพ่อไปเถอะนะคะ คิดเสียว่าลูกคนนี้มันได้ตายไปจากชีวิตของพ่อเลยก็ได้!” ไม่ทันที่เธอจะได้ขยับไปไหน เสียงของคนเป็นพ่อ ก็ดังสวนขึ้นอย่างคนเก็บความโกรธเอาไว้ไม่อยู่
“ดี! ในเมื่อปีกกล้าขาแข้งนักอยากไปไหนก็ไป! แต่อย่าคิดว่าฉันจะส่งเสีย! ถ้าแกกล้าก้าวขาออกจากบ้านหลังนี้ไปแม้แต่ก้าวเดียว สักสลึงแดงเดียวก็อย่าฝันว่าจะได้จากฉัน!” ฝีเท้าที่ชะงักชองลูกทำให้คุณโมกรู้สึกโล่งใจอย่างถึงที่สุด ด้วยคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องเกรงกลัวต่อคำขู่ของตัวเองบ้าง ทว่าเพียงไม่นานความคิดที่ว่าก็ต้องมลายหายวับไปทันตาเพราะลูกเลือกที่จะเดินออกไปจากบ้าน และไม่คิดจะหันมามองเขาที่เป็นพ่อแท้ๆ อีกเลย
“แกทำเกินไปรึเปล่าไอ้โมก! ตั้งแต่หนูตาคลอดฉันไม่เคยเห็นแกกล้าตีลูกสักแอะ แล้วนี่มันเรื่องอะไร ใหญ่โตจนถึงขั้นต้องลงมือลงไม้กันเลยรึไง!” คุณเอกชัยอดไม่ได้ที่ต้องเอ่ยเตือนสติเพื่อนรัก ในขณะที่ใจนั้นก็นึกห่วงไปถึงหลานสาวตัวน้อยว่าจะเจ็บสักแค่ไหนกันเชียวกับสิ่งที่เพื่อนของเขาเพิ่งกระทำลงไป ท่านยังจำได้ดีถึงวันแรกที่หลานสาวตัวน้อยเพิ่งหัดเดิน แค่ล้มหัวเข่าถลอกนิดเดียว คนเป็นพ่อและแม่ก็แทบอุ้มไม่ยอมปล่อยให้เดินเองอีกเลย แล้วทำไมอยู่ๆ วันนี้ คนที่จะเป็นจะตายเสียให้ได้เพียงเพราะเห็นลูกหกล้มนิดเดียวในวันนั้น ถึงได้กล้าลงไม้ลงมือกับยอดดวงใจของใครหลายๆคนได้อย่างรุนแรงป่าเถื่อนถึงเพียงนี้
“ผมขอไปดูน้องหน่อยนะครับพ่อ แม่” เป็นโอบเอื้อที่เอ่ยขึ้นขัด ยอมรับว่าเขาเองก็ตกใจไม่ต่างจากคนอื่น กับภาพที่ได้เห็น
“ไปเถอะลูก” คราวนี้เป็นคุณลัดดาที่เอ่ยขึ้น ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนรักของสามีท่ามกลางความรู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไหร่นัก เพราะวันนี้เหมือนว่าอีกฝ่ายจะทำเกินกว่าเหตุไปมาก กล้าทำร้ายลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง ซ้ำยังเป็นคนอื่น ที่เข้ามาทำให้พ่อลูกเขาต้องมีปัญหากันอีกด้วย
และเพราะอย่างนี้ไง
นางถึงไม่เห็นด้วยเลยสักนิด ที่ลูกชายนางจะเที่ยวไปคบหาดูใจกับแม่หนูคนนั้น ด้วยเชื่อว่าอย่างไรเสีย เชื้อก็คงไม่ทิ้งแถว คนแม่เป็นแบบไหน คนลูกก็ย่อมไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นักหรอก
“ฉันแค่โมโหที่ลูกไม่เชื่อฟัง มีอย่างที่ไหนจะไปเรียนมหาลัยที่เชียงใหม่คนเดียว!” ยิ่งฟังเหตุผล นางก็ยิ่งโกรธแค้นจับหัวใจ
“เรื่องแค่นี้เองเหรอคะ ที่มันทำให้คุณโมกถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกับหลานของดาแบบนั้น นี่ถ้าพี่รัตยังมีชีวิตอยู่ เขาคงใจสลายน่าดูเลยนะคะ ที่ต้องมาทนเห็นลูกสาวที่น่าสงสารของตัวเองโดนทำร้ายด้วยน้ำมือแท้ๆ ของพ่อแบบนี้!” คราได้ยินชื่อของภรรยาผู้ลาลับ ใจของโมกก็ยิ่งเสียใจที่วันนี้เขาทำพลาดมหันต์ พลาดชนิดที่ว่าหากวันหนึ่งตายไปคงมองหน้ารัตนาไม่ติด
‘ไม่ต้องห่วงนะรัต พี่จะดูแลยัยหนูตาของเราให้ดีที่สุด ถ้าเหนื่อยรัตก็หลับให้สบายเถอะนะ…ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น พี่กับลูกจะคิดถึงรัตเสมอ…’ ประโยคสุดท้ายที่เขากระซิบบอกอีกฝ่ายในวันที่ลมหายใจของเธอรวยรินจนแทบสัมผัสไม่ได้นั้นเขายังคงจำได้ไม่ลืม ทว่าสุดท้ายแล้วมันก็กลับกลายเป็นเขาเองที่ผิดสัญญาที่ให้อดีตภรรยาเอาไว้ เป็นเขาเองที่เผลอทำร้ายลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะควบคุมอารมณ์โกรธไร้สาระของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
