๕ หน้าเคร่งคิ้วขมวด (๓)
เขานั่งทำงานผ่านการประชุมออนไลน์กับเลขานุการ อ่านเอกสารสำคัญผ่านอีเมลกินเวลาพอสมควร กระทั่งรู้สึกตัวอีกทีตะวันก็ใกล้ตกดินแล้ว แต่น่าแปลกที่ไม่มีเสียงหวานของใครบางคนมาก่อกวนเหมือนทุกครั้ง ร่างสูงจึงลุกจากเก้าอี้แล้วเดินลงมาข้างล่าง
ไฟเปิดสว่าง...แต่ไม่มีคน
“ทำไมบ้านเงียบ” พึมพำกับตัวเองแล้วเลือกจะสวมรองเท้าราคาเกือบแสนออกไปข้างนอก
ป้าเอิบกำลังนั่งรับประทานอาหารกับสามีและบรรดาเพื่อนสนิทซึ่งแวะมาคุยเล่นและช่วยคัดผลไม้เพื่อส่งขายตลอด พอเห็นเจ้านายเดินเข้ามาหาก็กำลังจะชวนกินข้าว แต่ปรัตยาถามขึ้นมาก่อนนางจึงถามกลับ “ไปไหนกันหมด”
“ใครไปไหนคะ ทุกคนก็อยู่ครบนะคะ” มองซ้ายขวาพบว่าทุกคนก็อยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน เขาถอนหายใจเมื่อคนอายุเยอะเหมือนจะไม่เข้าใจความนัยที่ตนเอ่ย จำต้องบอกชื่อของหญิงสาวที่หายหน้าไปแต่เช้า ปล่อยเขาให้อยู่บ้านเพียงลำพัง
“แก้วเจ้าจอม” ต่างพากันพยักหน้าแล้วแอบยิ้ม
ที่แท้ก็ออกมาถามหาเมียนี่เอง...
“อ้อ คุณแก้วเอาม้าไปคืนคุณณวัตน์ค่ะป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย” ชื่อที่เขาไม่รู้จักทั้งยังเป็นผู้ชายสร้างความหงุดหงิดใจแก่เขาเป็นอย่างยิ่ง
เธอไปอยู่กับชายใดเป็นวันไม่ยอมกลับบ้านช่อง!
“ใคร”
“เจ้าของไร่ข้างๆ ค่ะ เพิ่งย้ายมาทำไร่ต่อจากพ่อได้ไม่นาน หน้าตาดีเชียวนะคะ แถมยังเป็นคนเก่งอีกด้วย...” ฟังไม่จบและเขาไม่อยากฟังสักนิดจึงเดินออกจากวงล้อมของบรรดาคุณป้าที่รับประทานอาหารอย่างมีความสุข
“คุณใหญ่จะไปไหนครับ” คุณลุงรีบถามทันที คิดจะชวนเขากินข้าวด้วยแต่เหมือนว่าเจ้านายคงไม่ต้องการเช่นนั้น
“ผมหิวข้าว” หาข้ออ้างเท่าที่พอคิดออก
“ป้าจะตั้งโต๊ะให้ค่ะ จะรับประทานตอนนี้เลยหรือเปล่า เห็นคุณแก้วบอกจะกินข้าวที่บ้านคุณณวัตน์คงไม่กลับมาร่วมทานมื้อเย็น...” ป้าเอิบกำลังจะลุกไปตั้งโต๊ะอาหารให้เจ้านาย แต่พอเขาได้ยินประโยคหลังว่าหล่อนจะกินข้าวบ้านคนอื่นก็หงุดหงิดมากกว่าเดิม เผลอตอบท่านเสียงแข็งแล้วมองโดยใช้แววตาเย็นเยียบจนไม่มีใครกล้าพูดอะไร
“ไม่ต้อง”
เขาเดินกลับเข้าบ้านด้วยใบหน้าบึ้งตึง กัดฟันจนขึ้นสันกรามโดยที่ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมจึงได้หงุดหงิด มองอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด คิดจะหาวัตถุดิบทำกินในครัวแต่ก็ได้ยินเสียงเด็กที่เรียกชื่อภรรยาของตน สลับกับเสียงพูดคุยกันดังมาจากหน้าบ้าน
จึงยืนฟังจากในครัวแต่ทนไม่ไหวจึงเดินออกมาที่หน้าบ้าน เห็นเจ้าของไร่ข้างๆ ที่เดินเคียงกับหล่อน โดยมีเด็กผู้ชายจับจูงมือแก้วเจ้าจอมอยู่ตรงกลาง อกก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาทันทีพร้อมหมัดที่กำแน่น
ไม่ชอบภาพตรงหน้า...
“น้าแก้วสวย ถ้าโตขึ้นป้องจะแต่งงานกับน้าแก้ว” เด็กชายบอกเสียงฉะฉาน จนเธอหยุดหยุดชะงักแล้วนั่งย่อลงเพื่อให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน
“แต่งไม่ได้น่ะสิ น้าแก้วแต่งงานแล้ว เอาไว้ป้องโตขึ้นก็หาแฟนสวยๆ แบบน้าแก้วแล้วขอแต่งงานนะ หล่อแบบป้องใครก็ชอบ” เกลี่ยกล่อมหนูน้อยที่ทำหน้าฉงน อุตส่าห์จับจองคุณน้าคนสวยเอาไว้แล้วแต่เหมือนว่าคุณน้าจะไม่ยินยอม
ปกเกียรติหน้าบึ้งทันที ก่อนเปลี่ยนเป็นอ้อนด้วยการเดินเข้ามาในอ้อมกอดของหญิงสาว เป็นเด็กที่น่ารักจนเธออดยิ้มกับการกระทำเล็กน้อยเหล่านั้นไม่ได้
“น้าแก้วแต่งงานกับใคร ไม่แต่งไม่ได้เหรอ”
มือของณวัตน์กำลังจะจับลูกชายออกมา แต่คนที่แอบดูกลับคิดว่าชายหนุ่มจะจับศีรษะมนของภรรยาตนจึงได้แสดงตัวด้วยการเรียกชื่อหล่อนเสียงเข้ม ทุกสายตาจึงจับจ้องเขา เธอใช้โอกาสนี้กระซิบหนูน้อยเสียงเบา
“แก้วเจ้าจอม”
“นั่นไงครับสามีของน้าแก้ว” กระซิบเด็กชายพอให้ได้ยินกันสองคนก่อนลุกยืนเต็มความสูง
หนูน้อยหันไปมองคุณอาผู้ชาย จากนั้นก็รีบเข้ามาเกาะขาดาราสาวที่ทันที พร้อมบอกถึงข้อดีของตัวเองคือเรื่องหน้าตา จนเธอหลุดขำขณะที่ท่านประธานหน้าขรึมกว่าเดิม
“ไม่เห็นหล่อเลย ป้องหล่อกว่าตั้งเยอะ”
“แต่น้าแก้วรักเขานี่น่า...”
โน้มใบหน้าลงไปกระซิบข้างหูอีกคราว แต่ปกเกียรติกลับไม่พูดอะไรอีก นอกจากเดินไปหาปรัตยาแล้วกวักมือให้ก้าวเข้ามาใกล้ ท่าทางนักเลงจนคนเป็นพ่อถึงขั้นกุมขมับ ไม่คิดว่าลูกชายจะเป็นเอามากขนาดนี้
“คุณอา! ถ้าดูแลน้าแก้วไม่ดีผมจะพาน้าแก้วไปอยู่ด้วย ต้องดูแลน้าแก้วให้ดีนะคับ” บอกเสียงดังฟังชัดเหมือนเป็นการฝากฝังผู้หญิงของตัวเอง ร่างบางหัวเราะร่วนขณะที่ณวัตน์ถึงขั้นต้องไปอุ้มลูกชายออกมา แล้วค้อมศีรษะที่มารบกวนเวลาของสามีภรรยา
“ปกป้อง! ขอโทษแทนลูกชายด้วยนะครับ ขอโทษที่รบกวนเวลาของพวกคุณทั้งสองคน เอาไว้วันหลังขอเชิญมากินข้าวที่บ้านผมอีกครั้งนะครับ” ไม่ลืมหันไปชวนดาราคนสวยที่ยิ้มรับด้วยความยินดี ไม่มองสักนิดว่าสายตาสามีของเธอมองอย่างเชือดเฉือน
“ค่ะ”
“บ้ายบายนะครับปกป้อง” โบกมือให้หนุ่มน้อยที่ถูกพ่ออุ้มไป
“บ้ายบายคับน้าแก้ว”
ปกเกียรติก็ยกมือโบกให้คุณน้า แล้วส่งจุ๊บมาอีกต่างหาก เธอยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนประธานหนุ่มหล่อกัดฟันกรอด อดไม่ไหวที่จะพูดจาประชดประชันใส่เธอโดยที่ตัวเองก็แทบไม่รู้ตัวเช่นเดียวกันว่าทำแบบนั้นทำไม
