๕ หน้าเคร่งคิ้วขมวด (๔)
“หว่านเสน่ห์พ่อมาถึงลูกด้วยหรือไง” เธอหันมามองเขาแล้วเดินตามร่างสูงเข้าบ้าน ใช้โอกาสนี้บอกถึงความงามของตนเพื่อให้เขาเห็นว่าคนอื่นชื่นชมหล่อนแค่ไหน มีเพียงเขานั่นแหละที่เย็นชาต่อกันอยู่ได้
“ยังไม่ได้หว่านเลยค่ะ แก้วก็อยู่ของแก้วเฉยๆ เท่านั้นเอง พี่ใหญ่ต้องรู้นะคะว่าภรรยาตัวเองสวยขนาดไหน”
เขายังนิ่งเงียบไม่พูดอะไร กระทั่งเธอรับรู้ถึงความผิดปกตินั้น จึงแอบยิ้มมุมปากแล้วเลือกจะถามเสียงสดใสมีความหวังอยู่ในนั้น
“พี่ใหญ่หึงเหรอคะ”
รีบก้าวมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่มแล้วกางแขนออกไม่ให้เขาเดินหนี สบดวงตาคมแล้วค้นหาความรู้สึกข้างในนั้น แต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่าพร้อมคำพูดของปรัตยาที่ตอกย้ำถึงความจริงไม่ให้เธอหลงคิดไปไกล
“เธอน่าจะรู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร ถ้าจะคบชู้ก็ช่วยปกปิดเป็นความลับอย่าให้เสียมาถึงฉัน เพราะฉันไม่อยากถูกคนอื่นด่าลับหลังว่าโง่ให้เมียสวมเขา”
คนฟังถึงกับยืนนิ่งไม่คิดว่าจะถูกเมินเฉยได้ขนาดนี้ กลืนน้ำลายหนืดลงคอพยายามเค้นเสียงที่หายไปของตัวเอง
เขาไม่ได้หึงเธอ...แต่กำลังจะยกเธอให้คนอื่น
“ถ้าแก้วจะมีใครพี่ใหญ่ก็อนุญาตเหรอ”
“อือ” ตอบชัดแล้วเดินไปยังห้องครัวเพื่อทำอาหารเย็น
แต่หญิงสาวกลับเลือกจะขึ้นชั้นสองเพื่ออาบน้ำพักผ่อนหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน บอกตัวเองว่าห้ามเสียใจ สุดท้ายก็ร้องไห้อยู่ใต้สายน้ำที่ไหลรินรดกาย
เธอไม่ได้ร้องไห้...มันคือสายน้ำจากฝักบัวต่างหาก
วันต่อมาทุกอย่างก็เหมือนเดิม เธอไม่ได้เอาเรื่องนั้นมาเป็นความทุกข์ในใจ เลือกจะมีความสุขกับสิ่งรอบข้าง ขนผลไม้กลับบ้านโดยยอมเสียเงินค่าขนส่งเพราะอยากให้ทุกคนได้กินของอร่อย รถตู้มาคอยรับที่สนามบิน ใช้เวลาสักพักกว่าจะขนของหมด
“แก้วเอาของฝากมาให้เยอะเลยค่ะ เดี๋ยวจะทำเค้กส้มให้ทุกคนกินด้วย ลองทำแล้วอร่อยดีทุกคนต้องชอบ”
พอมาถึงเรือนหอก็มีแม่บ้านยืนคอยท่าต้อนรับ หล่อนไม่สนใจสามีแต่เลือกเข้ามาที่ห้องครัวเพื่อนำส้มมาแจกจ่าย แล้วคิดจะเริ่มทำเค้กส้มที่ลองทำครั้งก่อนให้ทุกคนได้ชิม
“ส้มที่ไร่อยู่เชียงรายค่ะ บอกคนที่ไร่ไว้แล้วว่าถ้าสุกให้แบ่งส่งมาที่บ้านด้วย...อร่อยไหมคะ” พอแม่บ้านลองแกะกินก็พากันพยักหน้าแล้วตอบเป็นเสียงเดียว
“อร่อยค่ะคุณผู้หญิง”
“แก้วทำเค้กแล้วเอาไปให้หลานๆ ที่บ้านดีกว่า”
เริ่มร่ายแผนของตัวเองแล้วค่อยขึ้นห้องไปเก็บเสื้อผ้า บางชุดลงตะกร้าบางชุดก็แขวนกลับที่เดิม โดยร่างสูงก็รีบออกไปทำงานที่คั่งค้าง ไม่ได้พูดคุยหรือทักทายกัน
ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติของคู่หล่อนไปแล้ว...
หลายวันต่อมาหญิงสาวตื่นเช้ามาด้วยอาการง่วงงุน เมื่อคืนถูกเขารบกวนจนนอนไม่เพียงพอ แต่เจ้าตัวกลับหายไปจากเตียงกว้าง น่าจีบไปทำงานแต่เช้าไม่ได้แปลกจากเดิมเท่าไหร่ ดาราสาวเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายแล้วผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าแต่งตัวจะออกไปข้างนอก
“คุณผู้ชายไปไหนเหรอ” ลงมาข้างล่างก็ได้กลิ่นหอมของอาหารเช้า จึงบอกแม่บ้านตั้งโต๊ะแต่ระหว่างนั้นก็ถามหาสามีไปด้วย
แม้จะพอรู้ว่าเขาไปทำงานก็ตาม
“ออกไปข้างนอกค่ะ เห็นขนกระเป๋าไปด้วยหลายใบเลยบอกว่าจะไปต่างประเทศ” เลิกคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนั้น
ทำไมเธอไม่ทราบว่าปรัตยาจะไปต่างประเทศ แล้วชายหนุ่มไปทำเรื่องตอนไหนเหตุใดจึงไม่บอกกันบ้าง ตื่นตระหนกจนกินข้าวไม่ลง มือคว้าโทรศัพท์เอาไว้เตรียมต่อสายหาเขา กระนั้นก็ยังถามกับแม่บ้านเพื่อให้แน่ใจ
“ต่างประเทศ...ไปตอนไหนคะ”
“ออกจากบ้านตีห้าค่ะ”
หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาไม่บอกมาก่อนว่าจะไปต่างประเทศ เธอจึงไม่ทราบแล้วต้องมารู้จากคนอื่นทั้งที่เมื่อคืนเราเพิ่งร่วมรักมีความสุขด้วยกัน เวลามากมายที่เธออยู่กับเขาคอยพูดคุยตลอดแต่ทำไมจึงไม่บอกสักคำ
นี่หรือคำว่าคู่ชีวิต เหมือนหล่อนใช้ชีวิตคนเดียวมากกว่า
“ฮัลโหล พี่ใหญ่ไปไหนทำไมไม่บอกแก้วล่ะ”
รอสายไม่นานเขาก็รับ เธอจึงรีบถามอย่างรวดเร็วแต่คำตอบกลับราบเรียบเหมือนไม่ใส่ใจ ยังดีที่บอกเวลากลับทว่าไม่ทำให้แก้วเจ้าจอมรู้สึกดีขึ้นสักนิด
‘ฉันต้องไปทำงานที่โอไฮโอสัปดาห์หน้าถึงจะกลับ’
“แล้วทำไมไม่บอกแก้วก่อน น่าจะบอกกันบ้างสิว่าจะไปไหน” ถามเสียงสั่น
เธอเสียใจที่เขาทำกับตนเหมือนคนไร้ตัวตน...
‘งานของฉันไม่เกี่ยวกับเธอ ไม่จำเป็นต้องบอก’
“แต่แก้ว...แก้วเป็นเมียพี่นะ”
ย้ำสถานะของตัวเองเสียงสั่น เธอกำลังจะร้องไห้กลางโต๊ะอาหาร จึงพยายามสั่งตัวเองไม่ให้ร้องไห้หรือเสียใจ ซึ่งมันทำได้ยากเหลือเกิน มือบางกำช้อนไว้แน่นเพื่อแบ่งเบาความเจ็บที่ใจไปยังส่วนอื่นของร่างกายบาง
แต่ทำไม...ความเจ็บในใจไม่เบาบางลงสักนิด
‘ถ้าจะโทรมาเพื่อโวยวายฉันวางแล้วนะ’
“รีบกลับมานะ...แก้วจะรอ”
สุดท้าย...หล่อนก็ทำได้แค่รอเหมือนเดิม
