บท
ตั้งค่า

๕ หน้าเคร่งคิ้วขมวด (๑)

หน้าเคร่งคิ้วขมวด

คนไม่ค่อยตื่นเช้าแต่วันนี้เธอกลับตื่นตั้งแต่ฟ้าไม่ทันสางเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นโดยมีทิวเขาบดบังลูกสีส้มดวงกลมเอาไว้ในตอนแรก ก่อนมันจะโผล่ขึ้นมาทีล่ะน้อยจนเต็มดวงในที่สุด หญิงสาวถ่ายเป็นวิดีโอเอาไว้แล้วอัพโหลดลงโซเชียล สูดลมหายใจเข้าปอดลึกอย่างมีความสุข

เธอเริ่มชอบที่นี่จนไม่อยากกลับบ้านแล้วล่ะ

ดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้าเต็มอิ่มก็เดินไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารเช้าช่วยป้าเอิบ เธอเก่งในการเข้าหาผู้ใหญ่จึงพูดคุยเป็นต่อยหอย

ทำเบรกฟาสต์ง่ายๆ ให้สามีและตัวเอง นำไปเสิร์ฟพอดีกับที่ปรัตยาลงมาจากบนบ้าน เธอจึงนำน้ำส้มไปเสิร์ฟเขาแทนกาแฟ ชายหนุ่มไม่ทักท้วงอะไรนอกจากลงมือรับประทานอาหาร โดยมีแก้วเจ้าจอมชวนคุยไม่เงียบเสียง

“เราจะกลับพรุ่งนี้เหรอคะ อยู่ต่ออีกสักวันสองวันไม่ได้เหรอพี่ใหญ่...” กว่าเขาจะได้หยุดพักผ่อนแล้วอยู่ด้วยกันสองคนไม่ง่ายเลย เธอจึงอยากเก็บบรรยากาศเหล่านี้เอาไว้ให้นานที่สุด ลองอ้อนวอนขอชายหนุ่มหวังให้เขาใจอ่อนลงบ้าง

แต่สามีกลับตอบอย่างไร้เยื่อใย พร้อมสีหน้าเรียบเฉยและแววตาที่นิ่งสงบ เหมือนว่าเขาจะขีดเส้นสำหรับความสัมพันธ์ของเราชัดเจนขึ้นกว่าเดิม คล้ายว่ากำลังกลัวในบางสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้

“จะอยู่ก็ไม่ได้ว่า แต่ฉันจะกลับ” เธอทำหน้างอทันที

หยิบขนมปังกัดเข้าปากแล้วเคี้ยวขณะมองดวงหน้าคม จากนั้นจึงจะเก็บความสุขตรงนี้เอาไว้ให้มากที่สุด เธอเพิ่งรู้ตัวว่าชอบไร่แห่งนี้เป็นมากแค่ไหน โดยมองข้ามว่าชายหนุ่มคิดจะสร้างให้ใคร

เพราะสุดท้ายหญิงผู้นั้นก็ไม่ได้อยู่ที่นี่

หล่อนแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว

“กลับก็ได้ค่ะ...งั้นแก้วขอไปเดินเล่นที่ไร่นะ” อาหารตรงหน้าถูกเมินเฉยเมื่อเธออยากไปทัวร์ที่ไร่มากกว่า เกิดติดใจกับธรรมชาติตรงหน้า อยากเก็บผลส้มที่สุกเต็มต้นมาทำเป็นเค้กและเอาไปฝากเพื่อนๆ กับครอบครัว

ปรัตยาเห็นแววตาเธอเป็นประกายก็ไม่อาจขัดได้ จึงพยักหน้าตามใจหญิงสาวพร้อมส่งเสียงพึมพำในลำคอ

“อือ”

ร่างบางดื่มน้ำจนหมดแก้วแล้วไปล้างมือ ก่อนเลือกหยิบหมวกสานปีกกว้างมาสวมทับใบหน้าไม่ให้โดนแดด ถึงจะทาครีมกันแดดก็ต้องหาหมวกมาปิดอีกชั้น เธอเดินไปทักป้าเอิบและบรรดาเพื่อนของป้าที่ช่วยกันเก็บผลไม้นำไปขายในตัวจังหวัด

จากนั้นจึงเดินเล่นมาถึงไร่องุ่นที่ถูกห่อหุ้มไว้อย่างดีกันแมลง อีกไม่นานก็คงสามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว เธอนึกอยากมาช่วยทุกคนแต่พรุ่งนี้ก็คงต้องกลับเมืองหลวง ไม่รู้จะได้มาที่นี่อีกวันไหน นึกแล้วก็เสียดายอยากอยู่ให้นานกว่านี้หน่อย

ช่วงบั้นปลายชีวิตมาอยู่ไร่เพียงดินกับสามีดีไหมนะ...เขาจะยอมมากับเธอหรือเปล่า

“ม้าใครคะลุงเบิ้ม” เดินมาถึงทุ่งหญ้ากว้างก็เห็นม้าสีน้ำตาลกำลังยืนกินหญ้าอย่างเพลิดเพลิน ไม่รอช้ารีบเข้าไปถามคุณลุงที่ดูแลไร่ทันที เธอชอบม้าเป็นทุนเดิมถึงขนาดลงเรียนจริงจัง แต่หลังจากเข้าวงการบันเทิงก็ไม่ค่อยได้ขี่ม้าอีกเลย

พอเห็นเจ้าสัตว์สี่ขาก็ทำให้หวนนึกถึงอดีต จึงเข้ามาลูบที่แผงคองามสง่าอย่างเบามือ แล้วดูเหมือนว่ามันจะเชื่องไม่ได้ดุร้ายอย่างที่นึกกลัว

“ม้าของไร่ข้างๆ ครับ มันชอบมากินหญ้าที่ไร่ของเราแต่คุณณวัตน์ก็เอาเงินมาจ่ายค่าหญ้าตลอด ถึงเวลากลับมันก็เดินกลับเอง” เธอมองไปยังไร่ข้างเคียงที่ขนาดกว้างกว่าไร่ของเธอ อีกฝ่ายน่าจะลงมาทำอย่างจริงจัง ไม่เหมือนปรัตยาที่สร้างไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ

แต่น่าอิจฉาที่เจ้าของไร่ข้างกันมีม้าด้วย เธอนึกอยากขี่จึงถามคุณลุงที่ดูแลมันแทนเจ้าของตัวจริง

“ขี่ได้ไหมคะ”

“ได้ครับ บางครั้งผมก็ขี่มันเล่นบ้าง มันค่อนข้างเชื่อง...เดี๋ยวผมใส่อานให้นะ คุณณวัตน์แกเอามาให้บอกว่าขี่ได้ตามสบาย”

ดวงตากลมลุกวาวอย่างมีความหวัง เธอมองตามคุณลุงจนสุดสายตาแล้วเห็นท่านหยิบอานม้ามาสวมไว้ที่หลังของม้า ดาราสาวก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม

ไม่คิดว่ามาไร่ครั้งนี้จะได้หวนกลับไปคิดถึงสมัยเด็ก อย่างการขี่ม้าที่ตัวเองห่างหายไปนานพอสมควร

“ดีจังเลยค่ะ คุณณวัตน์เป็นเจ้าของไร่ข้างๆ เหรอคะ” สอบถามข้อมูลเจ้าของม้า กลัวว่าถ้าเขาเป็นคนเคร่งขรึมอาจพูดคุยกันลำบาก

แต่คุณลุงก็เล่าประวัติของอีกฝ่ายให้ฟังตามที่ทราบมา แล้วดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนใจดี ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมเอาอานม้ามาไว้ที่นี่แล้วอนุญาตให้ขี่ม้าได้หรอก

หรือเป็นการแลกเปลี่ยนที่ยอมให้ม้าของอีกฝ่ายมากินหญ้ากันนะ...

“ครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้สองสามปีทำไร่ต่อจากพ่อแกที่เสียไปน่ะครับ ทำฟาร์มม้าด้วยคนเลยมาเยอะหน่อย ส่วนใหญ่เห็นแต่มาถ่ายรูปกันเต็มเลย” พอได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งอยากไปมากกว่าเดิม เธอมองคุณลุงใส่อานม้าจนเรียบร้อยแล้วจึงขึ้นนั่งบนหลังม้าอย่างที่เคยชิน

“ดีจัง แก้วเองก็ชอบขี่ม้า”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel