๔ วันที่มีกัน (๔)
บ้านสีอิฐสองชั้นที่มีระเบียงชั้นบนและหน้าต่างทุกบานมีกระถางดอกไม้วางเอาไว้ คล้ายบ้านในฝันของเด็กหญิงหลายคนที่วาดตอนเด็ก แต่เธอไม่เคยมีบ้านในฝันเพราะบ้านหลังปัจจุบันก็ใหญ่เกินพอแล้ว จึงไม่คิดอยากมีบ้านที่ไหนอีก
เปิดประตูแล้วลงมาสำรวจโดยรอบ นอกจากบ้านแล้วยังมีไร่ผลไม้ที่ปลูกไว้เป็นแถวสวยงาม พออยู่บนเนินก็มองเห็นไร่ได้ชัดเจน
เธอชอบบรรยากาศตอนนี้เหลือเกิน...
“บ้านใครคะทำไมหลังใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มอย่างนี้ล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นบ้านพักตากอากาศของพี่”
“อือ ซื้อไว้พักผ่อนแต่ไม่ค่อยได้มาเท่าไหร่” พยักหน้าแล้วบอกเสียงเรียบ ไม่ค่อยได้มาที่นี่เท่าไหร่แต่ตอนนั้นซื้อไว้เพราะมีใครบางคนบอกชอบ เขาจึงทำขึ้นเพื่อเอาใจหล่อนโดยไม่ได้บอกเจ้าตัวด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าวันนี้บ้านอิฐจะได้เจ้าของใหม่
คือคนที่เขาจำใจยอมแต่งงานด้วย ไม่ใช่คนที่อยู่ในหัวใจ
“คราวหลังต้องมาบ่อยๆ แล้วค่ะ แก้วชอบที่นี่”
คุณลุงผู้ชายที่ดูแลสวนนำกระเป๋าของเจ้านายขึ้นไปไว้ชั้นบนเรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้าน หญิงสาวสำรวจบ้านที่ตกแต่งแนวคันทรีแถบยุโรป ภายในเน้นสีส้มอิฐให้ความรู้สึกอบอุ่น ทั้งที่ประเทศไทยก็อุ่นอยู่แล้วแต่พอเข้าข้างในเหมือนอยู่อีกประเทศหนึ่ง อากาศก็ไม่ร้อนเพราะเปิดเครื่องปรับอากาศ
ด้านซ้ายเป็นห้องรับแขกที่คล้ายห้องนั่งเล่นเพราะตกแต่งให้ดูสบาย ด้านขวาเป็นห้องอาหารที่ดูไม่เป็นทางการ ไม่ได้ใช้สำหรับต้อนรับแขกเป็นทำให้ผู้อยู่อาศัยใช้ต่างจากเรือนหอของพวกเรา ที่ใหญ่โตแต่กลับอ้างว้าง
บ้านหลังนี้...มีกลิ่นอายของความอบอุ่นที่เธออยากได้จากเขามาโดยตลอด
“ด้านหน้าเป็นสวนส้มเหรอคะ ผ่านเมื่อกี้เห็นว่ามีองุ่นด้วย ไม่เห็นบอกเลยว่าพี่จะเกษียณมาเป็นชาวไร่ อย่างนั้นแก้วต้องหาความรู้เรื่องการเกษตรเอาไว้บ้างแล้ว” เธอพูดเองเออเองโดยไม่มีคำตอบรับจากชายหนุ่มสักคำ
“พรุ่งนี้เราต้องไปแต่เช้าใช่ไหมคะหรือว่าจะไปตอนเย็น”
“เย็น มีแค่งานฉลอง งานหมั้นจัดไปเดือนก่อน”
พยักหน้ารับทราบจากประโยคเหล่านั้น ก่อนจะสอดสายตาไปยังไร่ที่ดึงดูดความสนใจของหล่อน
“แก้วขอไปทัวร์ไร่ได้ไหมคะ”
“ได้...” พอได้ยินคำอนุญาตก็ก้าวเท้าเตรียมเดินไปไร่ แต่ก็เจอกับคุณป้าที่ดูแลบ้านหลังนี้ ใบหน้าของท่านอ่อนโยนทั้งแววตาใจดี เธอจึงยกมือไหว้แล้วยิ้มให้
“นี่ป้าเอิบคนดูแลไร่ ไปกับป้าเอิบก็แล้วกันฉันจะพักผ่อน”
“ค่ะ”
จากนั้นหญิงสาวก็มีเพื่อนเดินชมไร่ ถามอะไรท่านก็ตอบและเล่าให้ฟังหมดเปลือก จึงทราบว่าสามีของตนมาสร้างบ้านและไร่เอาไว้เมื่อหลายปีก่อน แล้วปล่อยให้ลุงป้าเป็นคนดูแล พืชผลที่นำไปขายก็ให้พวกท่านทั้งหมด ไหนจะเงินรายเดือนอีก
ปรัตยาคือผู้มีพระคุณของสองสามีภรรยา ทำให้ตัดสินใจทำงานถวายหัวและซื่อสัตย์ภักดีต่อเขา ดูแลบ้านให้อย่างดีมาโดยตลอด ถึงชายหนุ่มบอกว่าจะเข้ามาพักที่นี่ก็กุลีกุจอทำความสะอาดเตรียมไว้ เธอได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มกว้างกับความใจดีของสามีตัวเอง
เลือกคนไม่ผิดจริงๆ
“อือ”
ครางเสียงแผ่วแล้วเปิดเปลือกตาเมื่อนอนได้สามถึงสี่ชั่วโมง แดดยามบ่ายส่องเข้ามาในห้องที่ไม่ได้ปิดม่านเอาไว้ เขาจึงตัดสินใจลุกไปล้างหน้าล้างตาแล้วค่อยเดินลงบันไดตามกลิ่นหอมของอาหาร ก่อนจะหยุดที่ห้องครัวซึ่งมีภรรยาจับจองไว้
เธอยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นเขา รีบยกเค้กขนาดหนึ่งปอนด์มาตรงหน้าชายหนุ่ม
“พี่ใหญ่ตื่นแล้วเหรอ แก้วทำเค้กส้มเพิ่งเสร็จมาลองชิมหน่อยสิคะ ไปเก็บมาจากไร่ได้หลายลูกเลยลองทำเค้ก เห็นว่ามีเครื่องตีแป้งพอดี...พี่ซื้อไว้เหรอ” เขาต้องเดินไปยังโต๊ะรับประทานอาหารโดยมีเธอถือถาดเค้กตามมา
เล่าให้ฟังว่าเดินไปเที่ยวไร่ส้มแล้วเด็ดมากินหลายลูกก่อนเห็นอุปกรณ์ทำเค้กจึงได้ลองทำกินครั้งแรก ผลออกมาดีเกินคาด
“ใช่ ดาวชอบทำเลยซื้อไว้เผื่อพามาอยู่ที่นี่” คำตอบของเขาทำเธอนิ่งเงียบ หน้าชาเหมือนโดนน้ำแข็งสาดใส ทั้งเจ็บและด้านชาจนไร้ความรู้สึก ก่อนเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
เข้าใจทันทีว่าคนที่มีกิจการใหญ่โตเหตุใดจึงต้องมาสร้างบ้านและไร่ขนาดเล็ก...เขาทำเพื่อดาวประดับสินะ
บ้านหลังนี้ก็คงอยากมาอยู่กับหญิงผู้นั้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บแต่พยายามไม่แสดงออก
“ลองชิมเค้กสิคะ” เปลี่ยนเรื่องไม่ถามต่อ เขายอมตักเค้กมากินถึงจะไม่ค่อยอยากก็ตาม แต่กลับพบว่ารสชาติของมันค่อนข้างอร่อย
“อร่อยดี”
เหมือนเธอจะมีความสามารถในการทำขนมพอสมควร
“กินเยอะๆ นะคะ แก้วขอเอาไปให้ลุงๆ ป้าๆ ในไร่ก่อน อุตส่าห์พาทัวร์เป็นเพื่อน” ว่าจบก็รีบแยกตัวไปเข้าครัวเพื่อนำขนมเค้กที่ทำไว้ไปให้คนที่อุตส่าห์พาทัวร์ไร่ เธอยิ้มแย้มกลบเกลื่อนความเจ็บปวดข้างในหัวใจของตัวเอง
“เขาจะทำให้ใครก็ช่างสิ ตอนนี้เราเป็นเมียมีทะเบียนสมรส อย่าไปสนใจคนอื่นเลย...อย่าสนใจ”
ระหว่างที่นำขนมใส่กล่องก็บอกตัวเองแบบนั้นซ้ำๆ
อย่างไรคนที่อยู่ข้างเขาก็คือเธอไม่ใช่เหรอ...
