บท
ตั้งค่า

๔ เฉยชาห่วงใย (๑)

เฉยชาห่วงใย

งานแต่งผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์ ทุกคนในบ้านใช้ชีวิตเหมือนปกติเพียงแค่มีสมาชิกเพิ่มอีกหนึ่ง...หรืออาจจะเป็นสอง

คุณปรัตยาผู้เห่อหลานได้สร้างห้องสำหรับเลี้ยงเด็กไว้ที่ชั้นหนึ่ง ซื้อคอกนุ่มเอาไว้เอาไว้พร้อมกับห้องนอนที่ทำเพื่อหลานโดยเฉพาะ ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือไม่ได้มีหลานแค่หนึ่งคนในท้องของลลิล กลับมีมากถึงสองคน

กลายเป็นเรื่องน่ายินดีกว่าเดิม คนที่กำลังจะเป็นปู่ยิ้มไม่หุบ กำชับคนในบ้านให้ดูแลสะใภ้อย่างดี หล่อนแทบจะเป็นเจ้าหญิงอยู่แล้ว แต่ละวันผันผ่านไปด้วยการอยู่บ้านและนั่งทำงานเล็กน้อย ส่วนเรื่องโรงงานหายห่วงเมื่อมีคนเข้าช่วยเหลือ พลิกฟื้นจากวิกฤตได้รับโอกาสและกำลังตีตลาดไปทั่วเอเชีย รับพนักงานเพิ่ม ช่วยกันทำงานหนักจนไม่มีเวลาจะคุยโทรศัพท์กับหล่อนด้วยซ้ำ

การนอนห้องเดียวกับสามีไม่ใช่เรื่องน่าอึดอัดเพราะเขาออกบ้านเช้าและกลับค่ำ หัวถึงหมอนก็นอนเหมือนว่างานจะหนักเอาการ เพิ่งเข้าทำงานก็ได้รับมอบหมายโปรเจคใหญ่จากบิดา ไม่รู้ว่าเป็นการให้โอกาสลูกชายได้แสดงความสามารถหรือต้องการกลั่นแกล้งกันแน่

แต่เขาก็ทำได้ดีผ่านฉลุยทุกงานจนได้รับเสียงชื่อชม

เรื่องงานไม่น่าเป็นห่วง สิ่งที่กังวลคือการสร้างครอบครัวของฉัตรชยาต่างหาก

“มีอะไรหรือเปล่า ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแต่เช้า” เช้าวันธรรมดาที่ปรัตยาเตรียมไปทำงาน กลับต้องเจอภรรยาทำหน้าบอกบุญไม่รับ ไม่แตะอาหารตรงหน้าแล้วก็เอาเพียงจดจ้องอยู่อย่างนั้น คู่ชีวิตจึงได้ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง

หญิงสาวนั่งเท้าคางค่อยผินใบหน้ามาทางสามี ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแต่ก็เอากลับมาคิดมาก อยากให้ชีวิตคู่ของลูกราบรื่น

“ลูกน่ะสิคะ แยกเตียงนอนกับหนูลิล แม่บ้านไปทำความสะอาดห้องบอกว่าผ้าห่มกับหมอนอีกชุดวางอยู่บนโซฟา เหมือนเราบังคับลูกเลยค่ะ”

เล่าถึงสาเหตุของความเครียดครั้งนี้ให้สามีฟัง เขายกแก้วกาแฟขึ้นดื่มแล้วพยักหน้าตามเรื่อง ค่อยพูดเพื่อให้หล่อนคลายความกังวล

“มันคือความรับผิดชอบ ลูกเป็นคนผูกก็ต้องแก้เอง เราเข้าไปก้าวก่ายชีวิตครอบครัวเขาไม่ได้หรอก นอกจากว่าลูกจะเข้ามาปรึกษาเอง เหมือนครั้งที่พี่กับแก้วแต่งงานกันใหม่ๆ ก็ไม่มีใครเข้ามายุ่งกับชีวิตแต่งงานของเราไม่ได้ใช่เหรอ” พาดพิงถึงเรื่องของตัวเองคราวที่เพิ่งแต่งงานใหม่

แก้วเจ้าจอมช่างเป็นคนที่มีความอดทนเหลือเกิน ไม่อย่างนั้นก็มอบความรักให้กับสามีมากเกินไป จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของชีวิตคู่ โชคดีที่สุดท้ายทำความเข้าใจแล้วครองคู่กันมาถึงทุกวันนี้ พร้อมกับพยานรักอีกสองคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็แต่งงานมีครอบครัวเรียบร้อย

“ค่ะ...พี่น่ะร้ายกับแก้วมากเลย” มองค้อนสามีที่เคยร้ายกับตนมากแค่ไหน เขาจึงคว้ามือเธอมากุมก่อนจุมพิตที่หลังมือขาว

“พี่ก็ชดใช้ด้วยทั้งชีวิตของพี่แล้วไง” นอกจากคำพูดหวานหูยังส่งสายตาราวกับน้ำผึ้งเดือนห้าให้ภรรยาอีกต่างหาก กลายเป็นว่าหญิงวัยกลางคนขวยเขินเสียอย่างนั้นเมื่อได้ยิน แม้จะอยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีก็ยังไม่ชินตอนเขาป้อนคำว่าสักที

“ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

แล้วจากนั้นเรื่องของฉัตรชยากับลลิลก็ถูกลืม มีเพียงสองสามีภรรยาที่พูดคุยเสียงหวานราวกับเพิ่งแต่งงาน ค่อยเดินไปยังรถที่จอดด้านหน้าสำหรับส่งคุณท่านทั้งสองไปทำงาน เหลือเพียงลูกสะใภ้และลูกสาวที่อยู่ในห้องส่วนตัวของตนเอง

ช่วงสายของวันงานของคุณแม่ลูกแฝดไม่ได้หนักมาก เรียกว่าว่างงานก็ไม่ผิดนัก จนต้องหาหนังสือมาอ่านคลายเหงา ยังดีที่มีคนอยู่เป็นเพื่อน ฟังเรื่องราวยามเด็กของสามีจากเรื่องเล่าชนิตรา ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหนหรือคนเป็นน้องใส่สีตีไข่เรื่องของพี่มากเท่าไหร่ กระนั้นหล่อนก็ยังตั้งใจฟังเหมือนเดิม

“พี่ลิลคะ พี่ลิลอยู่ไหน...พี่ลิล!” เสียงของน้องสาวสามีดังตั้งแต่ชั้นบนลงมาถึงชั้นล่าง เรียกชื่อพี่สะใภ้เสียงดังฟังชัด หากบุพการีอยู่ด้วยคงต้องโดนเอ็ดเป็นแน่ แต่มีหรือที่เจ้าหล่อนจะกลัวเพราะมีอาวุธลับในตัวคือการออดอ้อน แค่นี้ทุกคนก็แพ้ราบคาบแล้ว

“อยู่นี่ค่ะ” เธอส่งเสียงตอบกลับ

คนที่วิ่งไปทั่วบ้านจึงหยุดชะงักแล้วมองผ่านหน้าต่างบานกว้างที่กรุด้วยกระจกออกมาข้างนอก ยิ้มกว้างเมื่อเห็นลลิลก่อนจะรีบวิ่งเข้ามายังศาลาจิบน้ำชาของมารดาที่ไม่ค่อยมีใครได้ใช้สักเท่าไหร่

คุณแก้วเจ้าจอมไปตรวจร้านเค้กเป็นประจำ ไม่ได้อยู่บ้านเหมือนเมื่อก่อน บางครั้งก็รับงานแสดงซึ่งส่วนใหญ่ก็เล่นบทแม่ไม่ใช่นางเอกอย่างในอดีต ทำเพื่อฆ่าเวลาแก้เหงาและเลือกรับบทที่ท้าทายเท่านั้น ไม่ได้เล่นทุกเรื่อง

แต่บรรดาผู้จัดและผู้กำกับก็ต้องการตัวเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากได้นักแสดงมากฝีมือแล้ว สามีของหล่อนยังสนับสนุนภรรยาด้วยการเป็นสปอนเซอร์หลักทุกเรื่อง

“พี่ลิลอยู่ในสวนดอกไม้นี่เอง น้องก็ตามหาตั้งนาน...เราออกไปช็อปปิ้งกันค่ะ น้องเพิ่งเห็นว่าช่วงนี้ของลดราคาเยอะเลย รู้สึกเลือดมันสูบฉีดบัตรในกระเป๋าสั่นระริกอยากโบยบินแล้ว เราไปกันเถอะค่ะ” เข้ามานั่งข้างคนที่อายุมากกว่าตัวเองหนึ่งปี รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่วันแรกที่เห็นตอนไปช่วยมารดาจัดงานแต่งของพี่ชายที่บ้านฉันทวัฒน์

ต้องยกความดีความชอบให้แก่ฉัตรชยาที่เลือกคนรักได้ถูกใจน้องสาว แต่น่าแปลกที่การแสดงออกของคนทั้งสองไม่เหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ต่างคนต่างอยู่จนหล่อนต้องมาทำหน้าที่แทน เพราะรู้ดีว่าช่วงนี้พี่ยุ่งแค่ไหน แต่อีกวันสองวันงานน่าจะเบาลงบ้างแล้ว

“พี่ พี่ว่าอย่าดีกว่า”

“ไปเถอะค่ะ น้องได้แบล็คการ์ดของพี่ฉัตรมาด้วยนะ เราไปถลุงเงินกันดีกว่า” ฟังจบก็รีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว

เธอจะไม่ยอมใช้เงินของเขาสักบาท เพราะตอนนี้ก็มีพี่ชายส่งเงินมาให้ใช้ตลอดจากการขายของที่มีกำไรเพิ่มอย่างก้าวกระโดด หล่อนจึงยังเชิดหน้าอยู่ได้ยามอาศัยห้องเดียวกับชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี

“พี่ไม่กล้า” ตอบตามความจริงแต่คนอายุน้อยกว่าก็ยังอ้อนไม่หยุด

“ต้องกล้าสิคะ นี่บัตรสามีพี่นะ ของสามีก็เหมือนของเรา พี่ใช้ได้ตามสบายไม่ต้องเกรงใจ ไปกันค่ะไปซื้อของดีกว่า หรือจะซื้อมาให้หลานก็ได้นะ น้องอยากไป...ไปกับน้องนะคะพี่ลิล” ความอ้อนจนคนอื่นใจอ่อนไม่มีใครเก่งเกินลูกสาวคนเล็กบ้านฐิติยานนท์หรอก

พอมีลลิลเข้ามาก็เหมือนได้เพื่อนเที่ยวเพิ่มขึ้น หากไม่เกรงใจที่อีกฝ่ายอุ้มท้องหลาน คงได้ชวนไปเที่ยวต่างประเทศแล้ว เพราะเพื่อนสองคนติดงานไม่อาจไปกับเธอได้ จึงต้องยกเลิกทริปอย่างน่าเสียดาย

“ได้ค่ะ แต่พี่ขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ”

“ค่ะ” พยักหน้ารวดเร็วแล้วเดินเข้าบ้านไปนั่งรอที่ห้องรับแขก หล่อนเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงบอกคนรถให้ขับไปส่งที่ห้างสรรพสินค้า แต่ระหว่างที่รอพี่สะใภ้ก็เลือกจะกดโทรออกเพื่อรายงานความเคลื่อนไหวให้ฉัตรชยาทราบ

“น้องพาเมียพี่ไปซื้อเสื้อผ้านะ” อีกฝ่ายรับอย่างรวดเร็ว เธอจึงรีบขออนุญาตแล้วรอฟังว่าคนอายุมากกว่าจะตอบอย่างไร

‘อือ’

พึมพำรับทราบในลำคอ จากนั้นจึงวางสายไม่ได้ถามอะไรอีก เจ้าตัวยิ้มพรายคล้ายรู้ทัน เอนกายพิงพนักแล้วฮัมเพลงมีความสุข

“ทำเป็นปากแข็ง จริงๆ ก็ชอบเขาสิท่า”

ยังจำสายตาหวานเยิ้มแทบจะกลืนกินเจ้าสาวจากเจ้าบ่าวได้เป็นอย่างดี แล้วเช่นนี้จะไม่ให้เธอทราบความในใจของพี่ชายได้ยังไง

มีเพียงเจ้าตัวนั่นแหละที่ไม่ยอมรับความจริงสักที...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel