๓ ข้อตกลงที่เจ็บปวด (๓)
หรือไม่ก็เจอที่หมายใหม่แล้วลืมเขาเสียทีเถอะ...
“พูดมาก”
รีบลุกจากโซฟาเพื่อเดินไปรับประทานอาหาร กลับถูกน้องสาวดึงแขนเอาไว้จนต้องหันกลับมามองอีกครั้ง ดวงตากลมหรี่มองพี่ชายคล้ายกำลังจับพิรุธ
“เดี๋ยวค่ะ...”
“อะไรอีกล่ะคุณน้องสาว” ปากอวบอิ่มยกยิ้มคล้ายรู้ทันความคิดของคนตรงหน้า แล้วเลือกจะตบบ่าแกร่งก่อนวิ่งหายไปที่ห้องรับประทานอาหาร ปล่อยเขายืนอยู่เพียงลำพังพร้อมใบหน้าที่เคร่งขรึมกว่าปกติ
“หน้าตามีความสุขนะ...ยินดีด้วยนะคะ”
“พี่ไม่ได้มีความสุข” พึมพำบอกน้องสาวที่ไม่อยู่ฟัง
ส่งสายตาค้อนเจ้าหล่อนวงโตก่อนเดินไปยังห้องอาหาร ระหว่างกินข้าวก็นึกสงสัยว่าหน้าตาของเขามีความสุขอย่างไร
แต่งงานกับลลิล...เหมือนตกนรกมากกว่า!
ถึงวันนัดที่ต้องพูดคุยเกี่ยวกับการแต่งงาน ทางบ้านฐิติยานนท์ก็พากันไปแต่เช้ายกเว้นชนิตรารอฟังข่าวที่บ้าน ระหว่างทางฉัตรชยาก็ผินหน้าออกมองวิวทิวทัศน์ข้างนอกตลอดเวลา พรูลมหายใจคลายความตื่นเต้น มือไม้ก็เย็นเฉียบจนเจ้าตัวไม่รู้ว่าตนเองจะตื่นเต้นอะไรนักหนา ก็แค่การพูดคุยทั่วไป
ไม่มีอะไรสำคัญกับเขาเสียหน่อย...
มือหนาไม่อาจอยู่นิ่งได้ นั่งเคาะพนักวางแขนเผลอสั่นขาไม่รู้ตัวจนโดนมารดาที่นั่งข้างหน้าหันมาปรามด้วยสายตาจึงรีบจับขาตัวเองอย่างรวดเร็ว
เรื่องปกติไม่ต้องตื่นเต้น...มันก็แค่การแต่งงานเพื่อรับผิดชอบเท่านั้น
เมื่อถึงโรงงานที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าก็จอดรถไว้แล้วเดินลัดเลาะมาข้างหลัง โดยมีพนักงานคอยอำนวยความสะดวกให้กับท่านประธานอย่างคุณปรัตยา นักธุรกิจที่น่าเกรงขามมากด้วยบารมีและอำนาจอีกหนึ่งคนของประเทศ
เจ้าของบ้านออกมาต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม ลลิลแอบตัวอยู่หลังพี่ชายพยายามหลบหน้าหลบตาไม่ให้ฉัตรชยามองตัวเอง ทั้งที่เขาก็ไม่ได้มองหล่อนด้วยซ้ำ
“ผมไปดูฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้าวันที่สิบหก เหลือเวลาจัดงานอีกยี่สิบแปดวันน่าจะทัน จัดที่โรงแรมของผมแล้วกันเพราะรองรับแขกได้เยอะ ส่วนสินสอดทองหมั้นน้อยไปหรือเปล่าครับ ต้องการเพิ่มไหมบอกได้นะ”
เชื้อเชิญแขกเข้ามาในบ้านก็เริ่มพูดเรื่องสำคัญ ปรัตยามีพระอาจารย์ที่เคารพนับถือมาหลายสิบปี จึงให้ท่านช่วยหาฤกษ์ยามในการแต่งงานของลูกชายคนโต ไม่น่าเชื่อว่ารวดเร็วทันใจเสียจริง เรื่องการเตรียมงานไม่นึกเป็นห่วง หากฤกษ์แต่งงานมีสัปดาห์หน้าเขาก็สามารถเนรมิตทุกอย่างให้เสร็จชั่วข้ามคืนได้
ส่วนเรื่องของหมั้นที่แจ้งไปก็ล้วนทำให้คนในครอบครัวฉันทวัฒน์ถึงกับพูดไม่ออก คุณดวงชีวาจับยาหอมมาดมไม่ขาดมือ รู้สึกว่ามันจะเยอะเกินไปเสียด้วยซ้ำ แต่สำหรับปรัตยาถือว่าสมน้ำสมเนื้อ นอกจากต้อนรับสะใภ้แล้วยังเป็นของขวัญให้หลานที่กำลังจะเกิดอีก
“พอแล้วค่ะ อย่าเพิ่มเลย” รีบปรามกลัวว่าอีกฝ่ายจะเพิ่มเงินจนตนเป็นลมเสียก่อน
เมื่อเห็นว่าครอบครัวฝ่ายหญิงตกลงเรื่องสินสอด แก้วเจ้าจอมจึงเตรียมจะถามเรื่องการจัดงาน เพราะตนคิดไว้แล้วว่าจะเชิญแขกมาไม่ต่ำกว่าพันคน งานแต่งของลูกชายคนโตทั้งทีจะน้อยหน้าไม่ได้ แต่กลายเป็นว่าถูกว่าที่สะใภ้เอ่ยขึ้นเสียก่อน
สูดลมหายใจลึกเข้าปอด แทรกกลางระหว่างที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายกำลังตกลงกัน “ลิลอยากจัดงานที่เชิญแค่คนรู้จัก แขกไม่เกินห้าสิบคนค่ะ” น้ำเสียงมั่นคงกับแววตาเด็ดเดี่ยวทำให้คนในห้องหันมองหล่อนเป็นตาเดียว
ไม่เว้นกระทั่งฉัตรชยาที่จ้องว่าที่ภรรยาตาไม่กระพริบ
“ลิล” ลิลิตไม่เห็นด้วยจึงเรียกน้องสาวเพื่อให้ถอนคำพูด แต่งงานกับคนระดับนี้ทั้งทีก็ต้องจัดให้สมเกียรติหน่อย จะมาแอบซ่อนเหมือนเป็นน้อยทำไม
“ยังไงวันหนึ่งมันก็ต้องจบ ลิลอยากให้ทุกอย่างเป็นความลับรู้กันแค่คนในครอบครัวก็น่าจะพอ” คำพูดของเธอถูกส่งตรงไปยังพ่อของลูกที่นั่งฝั่งตรงข้าม เขาพอจะทราบสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อจึงนิ่งเงียบ ขณะที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร
“เอ่อ หนูลิลจ๊ะ แม่ว่า...” แก้วเจ้าจอมคิดจะเกลี่ยกล่อม กลับถูกลูกชายของตนตอบตกลงให้ทำตามความต้องการของลลิล ว่าที่บ่าวสาวสบตากันโดยไม่มีใครยอมลงให้ใคร เมื่อเธออยากให้งานแต่งเป็นความลับ
เขาก็จะสนองให้เอง...
“เอาตามความต้องการของภรรยาผมนั่นแหละครับคุณแม่ เธอกำลังท้องไม่ควรขัดใจ” บรรยากาศเริ่มมาคุเมื่อคนต้นเรื่องต่างเห็นพ้องในทิศทางเดียวกัน สุดท้ายก็ต้องตามใจเจ้าของงานโดยไม่มีใครโต้แย้งได้
“อย่างนั้นก็ได้ งั้นจัดที่บ้าน...”
“จัดที่นี่แหละค่ะ เรามีพนักงานเดี๋ยวจะให้มาช่วยกัน”
“ฉันจะจ้างออแกไนซ์มาช่วยนะคะ ยังไงก็ทันวันงานค่ะ”
คุณแก้วเจ้าจอมเห็นว่าตนไม่ได้ช่วยงานจึงได้อาสาจ้างออแกไนซ์ที่รู้จัก แม้จะจัดงานที่เชิญเพียงคนในครอบครัวและคนสนิท ก็ต้องเต็มที่กันสักหน่อย ถึงอย่างไรฉัตรชยาก็เป็นลูกคนโต และลลิลก็กำลังจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้ว
“ขอบคุณค่ะ” ยกมือไหว้พร้อมเอ่ยขอบคุณ จากนั้นทุกคนในบ้านจึงพูดคุยเรื่องกำหนดการณ์ว่ามีพิธีอะไรบ้าง ตกลงกันเรียบร้อยถึงได้ขอตัวกลับเพราะท่านประธานและท่านรองมีงานต้องทำ พวกตนจึงไปส่งที่หน้าบ้านแล้วเอ่ยคำลา
มีเพียงคนท้องซึ่งผินหน้าไปทางอื่นไม่ยอมจะสบตากับว่าที่สามีของตัวเอง
