EP.7 สัมผัส
-บ้านกรกุล-
“ไปรักษาที่อังกฤษงั้นเหรอ?” แพรพลอยทวนถามด้วยความรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อยหลังจากพังพิงกลับมาแจ้งข่าวดีให้เธอรู้
“ใช่ จะมีคนมารับตัวพลอยกับแม่ไปอยู่ที่อังกฤษสักพัก แล้วพี่มั่นใจว่าพลอยต้องหายถ้าเกิดว่าได้ไปรักษาตัวที่นั่น”
“แต่บ้านเราไม่มีเงินเลยนะ”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น พี่จัดการทุกอย่างให้แล้ว”
“พี่ไปเอาเงินมากมายมาจากไหนคะ?”
“…..” หญิงสาวเงียบพลางคิดหาคำพูดต่างๆ นานาถ้าบอกว่ายอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อเอาเงินมารักษาน้อง แพรพลอยคงไม่ยอมแน่ๆ เพราะเธอรู้จักน้องสาวดีกว่าใคร
“พี่พิง! พี่ไปเอาเงินมาจากไหน ถ้าเกิดว่าไปยืมเงินคนอื่นมาพลอยไม่เอานะ พลอยไม่รักษาก็ได้”
“เปล่าเลย พี่ไม่ได้ยืมเงินใคร”
“แล้วพี่ไปเอาเงินมาจากไหน ถ้าพี่ไม่บอกพลอยจะไม่รักษาอะไรทั้งนั้น” แพรพลอยเริ่มใจไม่ดีเมื่อเห็นว่าพี่สาวนั้นเงียบไป เธอไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปหมด
“ชรัณให้พี่มา”
“แล้วทำไมเขาถึงให้เงินพี่?”
“ชรัณไม่ได้ให้เงินฟรีๆ นะ พี่ต้องไปทำงานกับเขา”
“งานอะไร?”
“เอ่อ…พวกเลขาส่วนตัวอะไรประมาณนี้” ร่างบางพ่นคำโกหกออกมาเพียงเพราะอยากให้น้องสบายใจ
“พี่ต้องย้ายไปอยู่บ้านเขาด้วยเหรอคะ?” ผู้เป็นน้องยังคงถามด้วยความสงสัย หลังจากที่พักพิงกลับมาก็รีบเก็บเสื้อยัดใส่กระเป๋าเหมือนรีบร้อนนักหนา
“เพราะงานที่พี่ทำต้องออกจากต่างจังหวัดบ่อย มันเลยเป็นความสะดวกในการทำงานน่ะ”
“แล้วพี่จะกลับมาเมื่อไหร่ จะให้พลอยอยู่กับแม่แค่สองคนหรอคะ”
“พี่จะกลับมาเยี่ยมบ้านเดือนละครั้งหรืออาจจะมากกว่านั้น ต้องรอดูไปก่อน”
“…..” พรพรรณนั่งมองเช็คเงินสดจำนวนก้อนโตที่ลูกสาวให้มาด้วยความอิ่มเอมใจ หลังจากนี้ครอบครัวคงจะมีเงินใช้ไม่ขาดมือ
“ไม่ต้องเป็นห่วงพี่นะ พลอยต้องทำร่างกายให้แข็งแรงเตรียมตัวให้พร้อมต่อการรักษา ถ้ากลับจากอังกฤษเมื่อไหร่เราสามคนจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม พี่สัญญา”
“ฮึกก” คนป่วยมองหน้าพี่สาวแล้วร้องออกมาอย่างหนัก พวกเธอสองคนอยู่ด้วยกันมาจนโตยังไม่เคยต้องห่างกันไปไกลขนาดนี้
“พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อพลอยกับแม่นะ” พักพิงลูบหัวน้องสาวด้วยความรัก ถึงแม้จะเศร้าที่ต้องห่างกัน แต่ก็ดีใจที่อีกไม่นานน้องจะหายเป็นปกติแล้วกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม
“รีบไปเถอะยัยพิง ได้เวลาแล้ว”
“ฝากดูแลน้องดีๆ นะแม่” ครั้งนี้เธอหันไปบอกแม่ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่ใช่แค่น้องแต่เธอยังเป็นห่วงแม่ แล้วก็รับรู้ได้ว่าแม่เป็นห่วงเธอเช่นเดียวกัน
“แกไม่ต้องเป็นห่วงแม่กับน้องนะ แล้วแม่จะโทรหาบ่อยๆ”
“พิงไปแล้วนะแม่”
“ดูแลตัวเองดีๆ นะพิง ถึงแม่จะชอบด่าแกดุแก แต่แม่ก็รักแกนะ” พรพรรณพูดด้วยน้ำตาคลอเบ้า เพราะถึงยังไงก็เป็นคนเลี้ยงลูกทั้งสองมาด้วยตัวเอง ย่อมมีความรักและความผูกพัน
“พิงไม่เคยโกรธแม่ พิงรักแม่นะ” หญิงสาวโบกมือลาแล้วรีบหันหลังเดินออกมา เธอแค่ไม่อยากให้น้องกับแม่ได้เห็นน้ำตาที่กำลังไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย
สองชั่วโมงต่อมา…
“คุณพักพิงครับ ถึงแล้วครับ”
“ค่ะ” เสียงหวานขานตอบรับด้วยความงัวเงียหลังจากที่ผล็อยหลับในระหว่างนั่งรถ
เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าตึกมโหฬารขนาดใหญ่หลายสิบชั้น
“พาฉันมาที่นี่ทำไม มันไม่ใช่บ้านของชรัณนิ”
“ที่นี่เป็นเพนท์เฮ้าส์ของนายน้อยครับอยู่ชั้นที่สี่สิบ”
“…..”
“นายน้อยรอทานข้าวเย็นกับคุณอยู่ รีบไปกันเถอะครับ”
เมื่อไม่มีทางเลือกใด สิ่งที่ทำได้คือเดินตามหลังลูกน้องออกมาเงียบๆ
“คุณให้พิงมาที่นี่ทำไม?” คนตัวเล็กสาดคำถามใส่ทันทีที่มาถึง
“ต่อจากนี้ถ้าผมอยู่ที่ไหน คุณก็ต้องอยู่ที่นั่น”
“…..”
“ชงเหล้าให้ผมหน่อย”
“พิงทำไม่เป็น”
“ผมจะทำให้ดูแค่ครั้งเดียว แล้วก็จำให้ขึ้นใจว่าผมชอบแบบไหน”
ชายหนุ่มเทบรั่นดีราคาแพงใส่ลงในแก้วที่มีน้ำแข็งอยู่ในนั้นแค่สองก้อน ก่อนจะผสมโซดาลงไปเล็กน้อยแล้วยื่นมันให้เธอ
“ดื่มสิ”
“พิงไม่ดื่มเหล้าค่ะ”
“ถ้าไม่กินแล้วจะรู้ได้ไงว่าผมชอบแบบไหน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เธอจึงรับแก้วเหล้าเอามาดื่มแบบไม่อิดออด
“อึก~” ร่างบางเบ้หน้าออกมาด้วยความพะอืดพะอมหลังจากที่กลืนน้ำเหล้าอึกใหญ่ รสชาติของมันขมเฝื่อนจนบาดคอ
“ที่พูดไม่ใช่แค่เรื่องเหล้า แต่พิงต้องจำให้ได้ทุกเรื่อง! เข้าใจหรือเปล่า?”
“เข้าใจค่ะ”
“หน้าที่ของพิงคือปรนนิบัติรับใช้ผม ทำทุกอย่างที่ภรรยาควรทำให้สามี”
“…..” ใบหน้าน้อยๆ พยักหน้ารับอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
“ผมหิวแล้ว กินข้าวกันเถอะ”
“ให้ลูกน้องของชรัณออกไปก่อนได้ไหม พิงรู้สึกไม่ชินเวลาที่มีคนมองตอนกินข้าว” หญิงสาวหันไปกระซิบกระซาบเสียงแผ่ว เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูกที่ต้องนั่งกินข้าวต่อหน้าคนอื่น
“พวกมึงออกไปก่อนไป”
“ครับนาย”
“ถ้าต้องการอะไรก็บอกพวกมันได้เลย พวกมันจะดูแลพิงเหมือนกับที่ดูแลผม”
“ชรัณคะ…คือพิงมีเรื่องอยากถามค่ะ”
“พูดมาสิ” ชรัณรับคำแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมองว่าคนตัวเล็กกำลังมีสีหน้าแบบไหน
“เมื่อไหร่จะส่งน้องพิงไปรักษา”
“ตอนนี้ลูกน้องของผมกำลังเตรียมเอกสารอยู่ ไม่เกินเดือนหน้าคงเสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง”
“ขอบคุณมากนะที่ทำตามสัญญา”
“ผมเป็นคนไม่ชอบผิดคำพูด แล้วก็ไม่ชอบให้ใครมาผิดคำพูดกับผมด้วยเหมือนกัน”
“…..”
เวลาต่อมา…
“น้ำอุ่นที่สั่งได้แล้วนะ ชรัณจะอาบน้ำเลยไหม”
“อาบเลย ช่วยถอดเสื้อผ้าให้ผมที”
“คะ…ค่ะ” ถึงแม้จะไม่เข้าใจในคำสั่งมากนัก แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรต่อ เธอจัดการถอดเสื้อคลุมตัวนอกไปยังเสื้อเชิ้ตตัวในที่เขาสวมใส่แต่ไม่ได้ถอดกางเกง
“ผมหมายถึงถอดออกให้หมด ถ้ายังเหลือแบบนี้แล้วผมจะอาบน้ำยังไง”
“…..” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความชั่งใจ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเท่านี้มาก่อน
“มัวชักช้าอยู่นั่น! หรืออยากให้ผมถอดเสื้อผ้าของคุณออกแทน?”
“เดี๋ยวพิงถอดให้ค่ะ”
เธอค่อยๆ เลื่อนมือที่สั่นเทาถอดเสื้อผ้าที่หลงเหลืออยู่ออกจนหมด ดวงตากลมโตสั่นระริกเมื่อเห็นท่อนเอ็นขนาดใหญ่ที่เริ่มจะขยายตัว
“เฮือก! คุณจะทะ…ทำอะไรน่ะ” ร่างบางร้องเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อชรัณดึงมือเธอให้เข้าไปสัมผัสกับแก่นกายของตัวเอง
“ทำความคุ้นเคยกับมันสิ เพราะอีกไม่นานมันจะเข้าไปอยู่ในตัวพิง”
“…..”
“อืม~ ขยับมือให้เร็วกว่านี้หน่อยที่รัก” ชายหนุ่มร้องครางออกมาอย่างสุดกลั้น มือนุ่มนิ่มที่กำลังขยับขึ้นลงด้วยจังหวะเนิบนาบมันทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านจนยากจะควบคุม
“ชะ…ชรัณ พิงไม่…” เธอมองการกระทำของชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว
“กลัวผมข่มขืนคุณเหรอ?”
“…..”
“ถ้าคิดจะทำแบบนั้น ผมคงทำไปนานแล้ว”
