EP.4 ภาวะจำยอม
“สวัสดีครับคุณน้า น้องพลอย” ผู้กองปลื้มยกมือไหว้ทักทายด้วยความนอบน้อม เมื่อเดินเข้ามาในบ้านของแฟนสาว แต่ดูเหมือนว่าแม่ของพักพิงไม่ค่อยชอบเขามากนักถึงไม่ยอมรับไหว้ ซ้ำยังชักสีหน้าใส่จนเขารู้สึกใจเสีย
“สวัสดีค่ะพี่ปลื้ม มาหาพี่พิงเหรอคะ?” แพรพลอยทักทายเสียงใส ปลื้มคือแฟนพี่สาวที่เธอค่อนข้างจะสนิทสนมอยู่พอสมควร
“พี่แวะซื้อของมาให้พิง มีของมาฝากพลอยกับคุณน้าด้วยนะ”
“อู้หูวว ผลไม้สดน่ากินจังเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่เห็นจะอยากกิน” พรพรรณพูดขึ้นลอยๆ ก่อนจะเบือนหน้าหันหนีด้วยความรำคาญ
“แม่!”
“ยัยพิงไม่อยู่…”
“อยู่ค่ะ! พี่พิงกำลังทำอาหารอยู่ในครัว เดี๋ยวพลอยไปตามให้นะ” แพรพลอยรีบพูดแทรกขึ้นตัดบทเมื่อเห็นผู้กองปลื้มมีสีหน้าเจื่อนลง
“…..”
“ไม่ทำการทำงานหรือไง ถึงได้มีเวลามาหายัยพิงถึงที่นี่” พรพรรณถามกระแหนะกระแหนหลังจากที่ลูกสาวเดินออกไปแล้ว ถึงแม้ว่าปลื้มจะเป็นคนดีแต่เธอก็ชอบคนรวยมีอันจะกินมากกว่า
“พอดีผมทำธุระแถวนี้เลยแวะมาหาน่ะครับ”
“ผลไม้บ้านๆ แบบนั้น ขืนกินเข้าไปเดี๋ยวก็ได้ท้องเสียกันพอดี ยัยพิงชอบกินผลไม้นำเข้าที่ซื้อในซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่รู้หรือไง!” ไม่พูดเปล่าแต่ยังใช้หางตามองไปยังสิ่งของที่ชายหนุ่มซื้อมาฝาก
“ครับ”
“ฉันเลี้ยงดูปูเสื่อยัยพิงมาอย่างดี ให้เรียนโรงเรียนดีๆ จบปริญญาตั้งเมืองนอกเมืองนา ของกินของใช้แต่ละอย่างก็มีแต่ราคาแพงๆ ทั้งนั้น คิดว่าจะดูแลลูกสาวฉันได้เหรอ”
“ผมดูแลลูกสาวแม่ได้ครับ”
“ดูแลแบบลำบากลำบนล่ะสิไม่ว่า”
ผู้กองหนุ่มได้แต่นั่งก้มหน้าไม่มีคำโต้แย้งใดๆ ถึงแม้ฐานะทางบ้านของเขาจะพอมีฐานะอยู่บ้างแต่ถ้าเทียบกับชรัณก็ยังถือว่าห่างกันมากโข
“จะมาหาพิง ทำไมไม่โทรบอกก่อนล่ะคะ” เสียงหวานของพักพิงดังขึ้น ทำให้บทสนทนาก่อนหน้านั้นต้องหยุดลง
“พี่ผ่านมาทางนี้เลยแวะมาหา”
“ไปหาที่เงียบๆ นั่งคุยกันค่ะ”
“นังลูกใฝ่ต่ำ นังลูกไม่รักดี!”
“…..” คนตัวเล็กสะอึกจุกอยู่ในลำคอหลังจากที่ได้ยินในสิ่งที่แม่ตะโกนตามหลังมา แต่เธอก็เลือกที่จะยิ้มแล้วทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แม่พิงดูไม่ชอบพี่เลยนะ พี่ไปทำอะไรให้ท่านไม่พอใจหรือเปล่า?” ผู้กองหนุ่มถามอย่างใจเสีย เพราะตอนคบกันแรกๆ ก็ดูเหมือนว่าแม่พักพิงจะชอบเขามาก แต่หลังๆ มานี้กับเปลี่ยนเป็นคนละคนจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเผลอไปทำอะไรขัดใจท่าน
“เปล่าเลยค่ะ แม่พิงก็เป็นแบบนี้แหละ พี่ไม่ต้องคิดมากนะ”
“แล้วเรื่องที่เราจะหมั้นกันปลายปี แม่พิงโอเคใช่ไหม”
“แม่พิงโอเคไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย”
“…..”
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พิงรักพี่ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกัน” ร่างบางเลื่อนมือไปประคองใบหน้าหล่อเหลาของแฟนหนุ่มเอาไว้แน่น ถ้าเธอหนักแน่นเรื่องที่จะแต่งงานกับปลื้ม ยังไงแม่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
“ถ้าพิงพูดแบบนี้พี่ก็สบายใจ”
“ขับรถมาเหนื่อยๆ อยากดื่มน้ำเย็นๆ ไหมคะ?”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ต้องกลับไปทำงานต่อแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวพิงเดินไปส่งที่รถค่ะ”
“ถ้าออกเวรแล้วจะโทรหานะ” ใบหน้าคมคายโน้มลงไปจูบแฟนสาวเบาๆ เพื่อเป็นการบอกลา เธอคือผู้หญิงที่เขารักมากและต้องการจะแต่งงานด้วย
“แล้วพิงจะรอ”
หลายวันต่อมา…
แกร้ก~ บานประตูห้องนอนถูกเปิดออก เผยให้เห็นหญิงสาวรูปร่างผอมโทรมที่กำลังนอนหายใจแผ่วเบาอยู่บนเตียง หลายวันมานี้อาการน้องสาวดูไม่ค่อยดี พักพิงกับแม่เลยต้องแวะผลัดเปลี่ยนมาดูบ่อยๆ
“อาการวันนี้เป็นยังไงบ้างพลอย?”
“วันนี้หนูรู้สึกเหนื่อยมากเลยพี่พิง หลายวันมานี้เหมือนจะไม่ค่อยมีแรง” แพรพลอยตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ก่อนจะใช้เรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิดหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง
“เดี๋ยวพี่นวดเท้าให้นะ จะได้รู้สึกดีขึ้น”
“หนูคงใกล้จะตายแล้วใช่ไหม”
“พูดอะไรแบบนั้น พลอยไม่ตายง่ายๆ หรอก เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเราก็ไปหาหมอกันแล้ว ยังไงพลอยก็ต้องหาย”
“พลอยคงไม่หายหรอก พลอยรู้ตัวดี”
“อย่าคิดมากเลยนะ ถ้าพลอยหายแล้วจะได้กลับไปเรียนเหมือนเดิม”
“ปล่อยให้พลอยตายก็ได้ พลอยไม่อยากทำให้พี่กับแม่ต้องมาลำบากอีกแล้ว” คนป่วยพูดด้วยความรู้สึกหมดหวัง สาเหตุที่ครอบครัวต้องหมดเงินมากมายส่วนหนึ่งก็มาจากเธอ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าอาการจะดีขึ้นมาบ้างเลย หลายครั้งที่คิดไปเองว่าถ้าเธอตายทุกคนคงอยู่สบายไม่ต้องลำบากขนาดนี้
“อย่าพูดแบบนั้นสิ เรามีกันแค่สองคน ถ้าไม่มีพลอยแล้วพี่จะอยู่กับใคร”
“…..”
“พี่สัญญาว่าพลอยจะต้องหาย เราต้องอยู่ด้วยกัน”
ร้านกาแฟ…
“พี่พิงคะ”
พักพิงตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงพนักงานในร้านขณะที่ยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คำพูดของน้องสาวยังคงลอยวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอตลอดเวลา
“ว่าไงอิ่ม”
“ดอกไม้จากคุณชรัณมาส่งให้อีกแล้วค่ะ ให้อิ่มรับไว้เลยไหมคะ?”
“รับไว้เลยก็ได้จ่ะ เสร็จแล้วไปจัดใส่แจกันเอาไว้แจกลูกค้าที่มาซื้อของร้านเรานะ” หญิงสาวตัดสินใจรับมันไว้ในที่สุด เพราะอยากทำให้เกิดประโยชน์ หรือถ้าเธอไม่รับของพวกนั้น เขาก็ต้องนำมันไปทิ้งขวางอยู่ดี
“ได้ค่ะพี่พิง”
ครืด~ มือบางควานหาสมาร์ตโฟนเครื่องหรูที่อยู่ในกระเป๋าสะพายขึ้นมากดรับหลังจากเห็นรายชื่อของแม่ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ
“ค่ะแม่”
(แกอยู่ไหนยัยพิง ตอนนี้กำลังแย่แล้ว)
“มีอะไรคะแม่ เกิดอะไรขึ้น?” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อได้ยินน้ำเสียงลนลานของแม่ เพียงแค่นี้เธอก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังเกิดเรื่องใหญ่
(ยัยพลอยอาการไม่ดี ตอนนี้แม่กำลังพาไปส่งโรงพยาบาล)
“ค่ะแม่ พิงจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
โรงพยาบาล…
“ลูกสาวฉันเป็นยังไงบ้างหมอ ปลอดภัยแล้วใช่ไหม?” พรพรรณถามด้วยความร้อนรนเมื่อเห็นแพทย์ที่ทำการรักษาลูกสาวเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
“ตอนนี้อาการคนไข้เริ่มไม่ตอบสนองต่อยาที่หมอให้แล้วนะครับ เราอาจจะต้องเปลี่ยนแผนการรักษาคือเบิกยานำเข้าจากต่างประเทศมาใช้”
“แล้วลูกฉันจะหายไหมหมอ ลูกฉันจะเจ็บมากไหม?” พอได้ยินแบบนั้น น้ำตาของคนเป็นแม่ก็ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย
“ตอนนี้ทางเราทำได้แค่ประคับประครองไปตามอาการ ถ้าจะรักษาให้ดีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคนไข้ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกครับ”
“…..”
“ทางโรงพยาบาลของเรายังไม่มีศักยภาพเพียงพอต่อการรักษาทางด้านนี้อาจจะต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่านี้”
“…..” สองแม่ลูกได้แต่ยืนร้องไห้กอดกันอย่างหมดหนทาง มันเหมือนมืดแปดด้านมองหาทางออกไม่เจอ
“แต่ว่าค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงมาก หมออยากให้ครอบครัวลองไปปรึกษากันดูก่อนนะครับว่าจะเอายังไง”
“…..”
เวลาต่อมา…
“ค่าใช้จ่ายวันนี้ทั้งหมดเจ็ดหมื่นสี่พันบาทค่ะ จะจ่ายเป็นเงินสดหรือจ่ายผ่านบัตรดีคะ?”
พักพิงเปิดดูกระเป๋าเงินที่มีอยู่ไม่กี่พัน เนื่องจากน้องสาวรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนเลยทำให้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
“จ่ายผ่านบัตรค่ะ”
“งั้นรอเอกสารสักครู่นะคะ”
บนรถ…
“สาแก่ใจแกแล้วใช่ไหมที่เห็นน้องใกล้จะตายแบบนี้”
“ทำไมแม่คิดแบบนี้ พิงไม่ได้อยากให้น้องตายเลยนะ” พักพิงพูดทั้งน้ำตา เธอรู้สึกเสียใจไม่แพ้กันหรือถ้าเลือกได้ก็อยากเป็นคนที่ป่วยซะเอง
“ถ้าแกเชื่อฉันตั้งแต่แรกยอมรับความช่วยเหลือจากชรัณ ยัยพลอยคงไม่ต้องอาการหนักขนาดนี้”
“…..” ริมฝีบางเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความรู้สึกผิด พอได้ยินในสิ่งที่แม่พูดถึงกลับเริ่มลังเลใจหรือเป็นเพราะเธอเองเลยทำให้เรื่องราวมันเป็นแบบนี้
“แกมันดื้อด้านยัยพิง ต้องให้น้องตายก่อนใช่ไหมถึงจะคิดได้”
“เรายังมีบ้าน พิงว่าเราเอาบ้านกับที่ดินไปจำนองกับธนาคารก่อนดีไหม น่าจะได้หลายล้านพิงว่าคงพอกับค่ารักษาน้อง”
“โอ้ยยย นังโง่! นี่แกจะโง่ไปถึงเมื่อไหร่ ฉันเอาบ้านไปจำนองกับธนาคารตั้งนานแล้ว เดี๋ยวอีกไม่นานเขาก็คงมายึดบ้านแก มีหวังคราวนี้พวกเราได้ไปนอนข้างถนนเหมือนหมาแน่ๆ”
“ทะ…ทำไมพิงไม่เคยรู้เรื่องนี้ แล้วแม่เอาเงินไปไว้ที่ไหนหมด”
“ก่อนตายพ่อแกทิ้งหนี้บริษัทไว้ให้พวกเราตั้งเท่าไหร่ ฉันก็เอาเงินไปใช้หนี้หมดแล้วสิ”
“…..”
“ไม่รู้แหละ ฉันจะพาแกไปหาชรัณเดี๋ยวนี้!”
“แต่พิง…”
“หรืออยากให้น้องแกตาย แกจะเอาแบบนั้นใช่ไหม!?”
