EP.12 - ไม่มีสิทธิ์โกรธ
สายตาเฉี่ยวคมจ้องมองเรือนร่างอรชรอย่างปรารถนา เนินอกขาวอวบกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะที่เขาส่งให้เป็นรอบที่สองของค่ำคืนนี้และไม่มีท่าทีว่าเขาจะยอมจบลงง่ายๆ
เสียงหวานร้องครางด้วยความเจ็บปวดผสมความเสียวซ่านมันยิ่งทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านมากขึ้นไปอีก
“ไม่เสียแรงที่ผมเฝ้ารอคุณมาตั้งนาน” น้ำเสียงทุ้มนุ่มดังเล็ดลอดผ่านไรฟันอย่างเสียวกระสัน นับจากนี้ต่อไปนอกจากเขาแล้วจะไม่มีผู้ชายคนไหนได้แตะต้องเธออีกแม้แต่ปลายเล็บ
“ชรัณ พะ…พิงเจ็บไปหมดแล้ว ไม่ไหวแล้วค่ะ” คนตัวเล็กส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจ เมื่อถูกริมฝีปากหนาฉกชิงลงมาดูดดึงที่ยอดปทุมถันจนแดงเถือก ส่วนจุดเชื่อมต่อยังคงประสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว มันเจ็บเกินกว่าจะมีอารมณ์ร่วมกับเขาได้
“ไหวหรือไม่ไหว ผมจะเป็นคนตัดสินใจให้คุณเอง”
“อื้มม~” ใบหน้าแสนหวานบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเมื่อไม่ได้รับความเห็นใจ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือกัดฟันอดทนแล้วรอให้เรื่องราวทุกอย่างสิ้นสุดลง
เธอมองชายหนุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวตักตวงความสุขอยู่บนร่างกายด้วยสายตาพร่ามัวปนคราบน้ำตา เลือดบริสุทธิ์ของหญิงสาวไหลเปรอะเปื้อนชโลมแก่นกายใหญ่จนกลิ่นคาวลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ แต่ชรัณกลับไม่ได้คิดรังเกียจมันเลยสักนิด
“อยากเห็นสีหน้าตัวเองตอนนี้ไหม พักพิงของผมดูเซ็กซี่เป็นบ้าเลย”
“อ๊ะ~” สติสัมปชัญญะแทบจะไม่หลงเหลืออยู่เนื่องจากรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าจะคิดถึงเรื่องอื่นในตอนนี้
ครั้งแรกของเธอ เขาไม่ได้อ่อนโยนเลยสักนิด ชรัณคนอ่อนโยนที่เคยดูแลทะนุถนอมเธอเป็นอย่างดีตอนนี้ได้หายไปแล้ว จะเหลือก็แค่เพียงชายหนุ่มที่ร้อนแรงเหมือนไฟกำลังแผดเผาเธอให้มอดไหม้จนไม่เหลือชิ้นดี
“ผมชอบสีหน้าของพิงตอนนี้นะ ตอนที่พิงโดนผมเย็xแรงๆ” ริมฝีปากหนายกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ร่างกายของพักพิงสามารถตอบสนองปรนเปรอความสุขให้เขาได้ตามที่ต้องการ ไม่สิ! อาจจะมากกว่าที่เขาต้องการด้วยซ้ำ
“ตะ…ตรงนั้นของพิงมันเจ็บไปหมดแล้ว พอก่อนได้ไหม” เสียงหวานร้องครางไม่ได้ศัพท์เมื่อถูกความเจ็บแสบเข้าเล่นงาน ร่องรักคับแคบเต็มไปด้วยเลือดผสมน้ำสีขาวขุ่นที่ถูกปล่อยเข้ามาก่อนหน้านั้น
“ไม่งอแงได้ไหม ผมใกล้จะเสร็จแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มริมฝีปากลงไปจูบเธอเบาๆ เพื่อปลอบโยนพลางสอดเรียวลิ้นเข้าไปชิมในโพรงปากหวานอย่างละเมียดละไม
“…..” ริมฝีปากกลั้นเสียงสะอึกสะอื้นภายในลำคอเพื่อรอเวลาให้ทุกอย่างจบลง
“ผมขอปล่อยในอีกได้ไหม”
พักพิงพยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบหรือต่อให้ปฏิเสธเขาก็คงไม่ฟังอยู่ดี
“ตามใจผมทุกอย่างเลยนะ อื้มม~”
เอวสอบกระแทกกระทั้นรัวจังหวะใส่คนตัวเล็กที่นอนหอบหายใจจนร้องครวญครางสะอึกสะอื้น ก่อนจะปลดปล่อยห้วงอารมณ์สุดท้ายเข้าไปในตัวเธอทุกหยาดหยด
ขาเรียวสั่นเทาอย่างหมดแรงพร้อมกับน้ำขาวขุ่นที่ไหลทะลักไหลย้อนออกมาตามเรียวขา
“พิงไม่ไหวแล้วชรัณ หยุดก่อนได้ไหมคะ?” มือบางดันอกแกร่งให้ถอยห่างออกไปอย่างหมดแรงในขณะที่ชายหนุ่มกำลังใช้ริมฝีปากคลอเคลียขบเม้มจนเกิดรอยไปตามซอกคอและเนินอกขาวเนียน
“ถ้าไม่ไหวก็นอนเลย นอนกับผมในห้องนี้” ชรัณเหลือบสายตามองคนตัวเล็กที่นอนร้องไห้สะอื้นขดตัวหมดแรงอยู่ข้างๆ อย่างรู้สึกผิดหลังจากได้เห็นรอยฟกช้ำและคราบเลือดเกรอะกรังที่ติดอยู่ตามต้นขาขาวเนียน
เขาหยัดตัวลุกขึ้นยืนพร้อมหยิบผ้าผืนเล็กเอาไปชุบน้ำอุ่นแล้วนำมาเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้เธออย่างเบามือโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้สึกเพราะหมดแรงจนผล็อยหลับไป
เช้าวันต่อมา…
“พักพิงไปไหน?” ชรัณหันไปถามป้าแม่บ้านที่อยู่แถวนั้นหลังจากที่ลงมาทานอาหารเช้าแล้วไม่เจอพักพิงนั่งรออยู่ที่โต๊ะเหมือนทุกวัน
ทั้งๆ ที่ให้นอนด้วยกันเมื่อคืน แต่เธอกลับฉวยโอกาสตอนที่เขาหลับหนีออกมา พอรู้สึกตัวอีกทีก็ไม่เห็นเธอแล้ว
“ป้าไปตามให้แล้วค่ะแต่คุณพิงเธอไม่สบายเลยไม่ได้ออกมาทานข้าวเช้ากับนายน้อย”
“เป็นอะไรมากไหม หาข้าวหายาให้เธอกินหรือยัง?” ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้าค่อยๆ ฉายเข้ามาในความคิดที่เธอป่วยอาจจะมีสาเหตุมาจากเขา
“เห็นบอกว่าเจ็บท้อง ป้าเลยเอาข้าวเอายาให้แล้วค่ะ”
“เดี๋ยวผมไปดูเธอเอง”
ก๊อก! ก๊อก! ชรัณยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องของหญิงสาวตั้งนานสองนานแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะเปิดประตูออกมา
“พักพิง เปิดประตูให้ผมหน่อย!” เขาออกแรงเคาะให้ดังขึ้น แต่ทุกอย่างยังคงเงียบเหมือนเดิมจนอดเป็นห่วงคนที่อยู่ข้างในไม่ได้
“ได้ยินผมหรือเปล่าพักพิง เปิดประตูให้ผมหน่อย”
“มีอะไรหรือเปล่าครับนาย?” ลูกน้องที่อยู่แถวนั้นรีบวิ่งเข้ามารับใช้เจ้านายเมื่อเห็นท่าไม่ดี
“ไปเอากุญแจห้องพักพิงมาให้กูเดี๋ยวนี้!”
“ครับนายน้อย”
หญิงสาวค่อยๆ ขยับพลิกตัวไปมาเมื่อสัมผัสได้ถึงเสียงวุ่นวายรบกวนในขณะที่เธอกำลังหลับอยู่ หัวสมองพร้อมร่างกายที่หนักอึ้งมันทำให้เธอขยับตัวแทบไม่ไหว บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธออาจจะกำลังป่วย
“ได้ยินผมไหมพิง” ชรัณตบหน้าซีดเซียวของคนตัวเล็กเบาๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่กระจายออกจากตัวเธอ
“เหมือนจะไม่สบายเลยค่ะ วันนี้พิงขอหยุดได้ไหม” หญิงสาวพยายามหยัดตัวลุกขึ้นนั่งเพราะไม่อยากกลายเป็นคนสำออยในสายตาเขา แต่สุดท้ายก็ถูกพิษบาดแผลเล่นงานจนลุกไม่ไหว
“ลุกไม่ไหวก็ไม่ต้องลุกนะ เดี๋ยวผมเอาผ้ามาเช็ดตัวให้”
“เดี๋ยวป้าเช็ดตัวให้คุณพิงเอง นายน้อยรีบไปทำงานเถอะค่ะ ตอนนี้สายมากแล้วนะ” ป้าแม่บ้านออกความเห็นด้วยความหวังดี ตอนนี้สายมากแล้วแต่เจ้านายของเธอยังไม่ได้ออกจากบ้าน
“ถ้าลาสักวันคงไม่เป็นไร”
“ลาไม่ได้ครับ วันนี้นายใหญ่จะเข้ามาตรวจบริษัท” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยเตือนผู้เป็นนาย ‘นายใหญ่’ ที่ว่าคือผู้เป็นพ่อของชรัณ
“เมียกูเป็นขนาดนี้ จะให้กูมีแก่ใจไปทำงานอีกเหรอ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ป้าจะดูแลคุณหนูพิงอย่างดี”
“…..” ชรัณจ้องมองคนตัวเล็กอยู่แบบนั้น เขารู้สึกหนักใจถ้าเกิดต้องทิ้งเธอให้อยู่บ้านในขณะที่กำลังป่วยอยู่
“ชรัณไปทำงานเถอะค่ะ พิงไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าได้กินยาแล้วนอนพักอีกสักหน่อยคงดีขึ้น” ร่างบางพูดเสียงแผ่วเบาพลางขยับพลิกตัวหันหลังให้
“คุณกำลังโกรธผมอยู่หรือเปล่า?”
“หมาแบบพิง มันมีสิทธิ์โกรธเจ้านายด้วยเหรอคะ” ถึงแม้จะพูดด้วยความน้อยใจที่เขาทำรุนแรงขนาดนี้แต่ก็ไม่มีสิทธิ์โกรธเพราะทุกสิ่งทุกอย่างเธอเป็นคนเลือกมันเอง
“…..”
เสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้ร้องดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกจากห้องไป สำหรับเขาแล้วเธอคงเป็นได้แค่เครื่องมือระบายความไคร่ที่ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ต้องยอม
