EP.10 อยากได้เป็นเมีย
ฉันเหลือบสายตามองไปยังชรัณที่กำลังนั่งทำงานอยู่แบบเงียบๆตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้น เราสองคนก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย บรรยากาศภายในห้องมันเต็มไปด้วยความอึดอัด จะลุกเดินออกไปไหนก็ไม่ได้เพราะมีลูกน้องของเขาคอยตามประกบอยู่ตลอดเวลา
ถึงเขาจะไม่ได้พูดออกมาว่ารู้สึกยังไง แต่ฉันก็รับรู้ได้เองว่าชรัณกำลังโกรธมากเรื่องที่ฉันแอบโทรหาพี่ปลื้ม
“ชรัณ” ฉันเดินเข้าไปย่อตัวนั่งกลางหว่างขาของคนตัวสูง พร้อมมองอย่างละอายใจ
“พิงขอโทษค่ะ”
“ขอโทษทำไม?” ชรัณถามพลางปรายหางตามองหน้าฉันเพียงนิด แล้วหันกลับไปจดจ่อกับแฟ้มเอกสารกองโตเหมือนเดิม
เขาทำราวกับฉันเป็นแค่อากาศไม่ได้สนใจฉันเลยสักนิด แต่เรื่องนี้ฉันเป็นคนผิด ผิดที่คิดน้อยไปยังไงก็ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ
“พิงรู้สึกผิดที่ทำแบบนั้น”
“ผมไม่ชอบการถูกหักหลังหรือทรยศ ซึ่งคุณกำลังทำในสิ่งที่ผมเกลียดมากที่สุด”
“พะ…พิงผิดไปแล้วที่ทำแบบนั้น” เสียงของฉันเริ่มสั่นเครืออย่างควบคุมไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะกลัวเขามาก สมองมันเลยคิดไปต่างๆ นานาถ้าเกิดว่าชรัณเปลี่ยนใจไม่ช่วยครอบครัวเราขึ้นมา มันคงกลายเป็นเรื่องใหญ่
“ผมให้โอกาสคุณเลือก” ไม่พูดเปล่าแต่เขายังมองสำรวจมาทางฉันด้วยสายตากดดัน ฉันรู้สึกว่าไม่ชอบสายตาแบบนี้เลยจริงๆ
“จะกลับไปหามันหรือจะอยู่กับผม”
“…..” มันไม่ใช่คำถามแต่มันเป็นการบังคับทางอ้อม เพราะเขาคงรู้อยู่แล้วว่าฉันคงหนีไปไหนไม่ได้ ไม่ว่ายังไงเขาก็อยู่เหนือกว่าฉันทุกทาง
“ถ้าคุณเลือกมันก็ไสหัวออกไปตั้งแต่ตอนนี้เลย! แต่ถ้าคุณเลือกผม คุณจะไม่มีวันเปลี่ยนใจไปหาผู้ชายหน้าไหนได้อีก”
“…..” ฉันยืนนิ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น ถึงแม้จะรักและอยากอยู่กับพี่ปลื้มมากแค่ไหน แต่เรื่องระหว่างเรามันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว ตอนนี้ชรัณคือผู้ให้ชีวิตคือคนที่ช่วยเหลือครอบครัวฉัน ยังไงก็ต้องเลือกเขา
“เลือกมาสิ!”
“พิงละ…เลือกคุณค่ะ”
“นั่นแหละ! คือคำตอบที่ผมอยากได้ยินจากปากคุณ”
“…..”
“พิงเป็นของผม แล้วมันก็จะเป็นแบบนั้นตลอดไป”
“…..” ฉันค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ เมื่อถูกชรัณช่วงชิงบดขยี้จูบลงมาด้วยความรุนแรงจนรู้สึกได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในโพรงปาก
สิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้เหมือนเป็นบทลงโทษในสิ่งที่ฉันได้ทำพลาดไป…
หลายวันผ่านไป…
“คุณพิงคะ นายน้อยกลับมาแล้วค่ะ”
พอได้ยินในสิ่งที่ป้าแม่บ้านบอก ฉันถึงกลับลนลานต้องรีบวางมือขณะที่กำลังทำอาหารเย็นอยู่ เนื่องจากชรัณเป็นคนไม่ชอบทานข้าวนอกบ้าน อาหารเกือบทุกอย่างฉันต้องเป็นคนทำด้วยตัวเอง
“รับทราบค่ะ พิงจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้”
ฉันจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าทีแล้วรีบเดินออกมาจากห้องครัวเพื่อไปหาชรัณที่นั่งรออยู่ก่อนหน้านั้น
“ขอโทษที่มาช้านะคะ พอดีพิงทำอาหารเย็นอยู่”
“ไม่รู้หน้าที่ตัวเองหรือไง ทำไมยังยืนนิ่งอยู่อีก”
ฟ่อด! ฉันเดินเข้าไปหาพร้อมก้มลงหอมแก้มสากฟ่อดใหญ่หลายครั้ง มันสิ่งที่ต้องทำจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว
“เลิกงานมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวพิงนวดให้นะ”
“ไม่เป็นไร วันนี้ไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก”
“งั้นดื่มชาร้อนไหมคะ เดี๋ยวพิงไปชงให้”
“ก็ดีเหมือนกัน เสร็จแล้วเอาไปให้ผมที่ห้องทำงานด้วยนะ”
“ค่ะ”
“พักนี้นายน้อยกลับบ้านเร็วทุกวันเลยค่ะ สงสัยจะคิดถึงคุณพิงแน่เลย” ป้าแม่บ้านหันมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากที่ชรัณเดินออกไปแล้ว
“คงไม่ใช่หรอกค่ะ”
“แต่ป้าว่าใช่นะคะ เมื่อก่อนนายน้อยเข้าบ้านตีหนึ่งตีสองเกือบทุกวัน แต่พอมีคุณพิงมาอยู่ด้วยกลับถึงบ้านตั้งแต่สี่โมงเย็น”
“…..” พอได้ยินแบบนั้นจู่ๆ หัวใจดวงน้อยก็เต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ
“พอไม่เห็นคุณพิงก็ถามหาตลอด ถ้าไม่เรียกว่าคิดถึงแล้วจะเรียกว่าอะไร”
“เอ่อ…พิงขอตัวไปชงชาก่อนนะคะ ถ้าไปช้าเดี๋ยวโดนดุ” สิ้นประโยคนั้นจึงรีบเดินเลี่ยงออกมาด้วยใบหน้าร้อนผ่าว ชรัณทั้งหล่อแล้วก็รวยมากบางทีเขาอาจจะมีผู้หญิงคนอื่นอยู่แล้วก็ได้
ก๊อก~ ก๊อก~ ฉันเคาะประตูเพื่อขออนุญาตเจ้าของห้องก่อนจะเปิดเข้าไปแล้วเห็นชรัณที่กำลังนั่งเซ็นเอกสารด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“มาแล้วค่ะ”
“…..” พอเห็นหน้าฉันจากคิ้วที่กำลังขมวดค่อยๆ แยกออกจากกันแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางๆ ให้แทน
“ช่วงนี้คุณทำงานหนักมากเลยนะ อย่าลืมหาเวลาพักผ่อนบ้างนะคะ”
“เป็นห่วงผม?”
“ค่ะ พิงเป็นห่วงคุณ”
“เป็นห่วงผมในฐานะอะไร?” คนตัวโตรั้งตัวฉันให้ลงไปนั่งบนตักพลางวางใบหน้าซบลงบนบ่าคล้ายกับออดอ้อน พออยู่กับลูกน้องเขาก็กลายเป็นอีกคนอย่างสิ้นเชิง
“แล้วชรัณอยากให้พิงตอบว่ายังไงล่ะ?”
“เป็นห่วงในฐานะเมีย พูดคำว่าเมียเป็นหรือเปล่า?”
“เรายังไม่ได้ถึงขั้นนั้นสักหน่อย”
“แน่ใจว่าไม่ถึง?” ชรัณยกยิ้มมุมปากแล้วมองมาทางฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ นี่เขากำลังหมายถึงเรื่องอะไรกันนะ
“ผมทำให้พิงเสร็จไปตั้งกี่รอบแล้วจำไม่ได้หรือไง”
“ทำไมถึงชอบพูดจาสองแง่สองง่ามพิงไม่ชอบ” กำปั้นน้อยๆ ทุบลงบนอกแกร่งของคนตัวโตหลายครั้งแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดขึ้นมาบ้างเลย
“แน่ใจว่าไม่ชอบ?”
“มะ…ไม่ชอบเลยค่ะ”
“แล้วทำไมต้องเขินด้วย”
“ชรัณอย่าแกล้งพิงสิ”
“จูบผมหน่อย”
“ให้พิงจูบก่อนเหรอ”
“อยากให้พิงเป็นฝ่ายจูบก่อนบ้าง”
“ถ้าอยากให้พิงจูบ คุณต้องหลับตาก่อนนะ” ฉันยื่นข้อต่อรองเพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมายังไม่เคยเป็นฝ่ายจูบเขาก่อนเลยสักครั้งมันเลยรู้สึกไม่ค่อยชิน
“ถ้าหลับตาแล้วจะมองหน้าคุณยังไง?”
“ก็ไม่ต้องมองไงคะ”
“…..” ชรัณค่อยๆ หลับตาลงตามที่ฉันบอก ใบหน้าหล่อเหลาของเขาทำให้ใจฉันเริ่มเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้
มือหนาสอดล้วงเข้าไปลูบไล้ที่เนินอกสองข้างทันทีที่ฉันเป็นฝ่ายเริ่มจูบก่อน ใบหน้าของเราสองคนใกล้ชิดกันมากจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนของกันและกัน รสจูบเร่าร้อนของเขาทำให้ฉันตกอยู่ในภวังค์อย่างหาทางออกไม่ได้ จากลูบไล้กลายเป็นออกแรงบีบเคล้นจนรู้สึกเจ็บ
“เมื่อไหร่จะยอมเป็นเมียผมสักที ถ้าพิงอยากได้อะไรผมจะให้ทุกอย่างเลย”
“ชอบพิงขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“ถ้าไม่รักจะยอมเป็นตัวร้ายไปแย่งคุณมาจากไอ้ผู้กองนั่นเหรอ”
“…..”
“เอาไว้ถ้าถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ ผมจะทำให้พิงร้องครางเรียกผมว่าผัวไม่หยุดเลย”
