5 ลูกรัก
“ลูกรักมาหาแม่เร็ว” ทันทีที่เดินทางมาถึงโรงพยาบาลรักษาสัตว์ของเหนือ นิษฐกานต์ก้าวลงจากรถทันที ตั้งแต่เขายังจอดรถไม่สนิทด้วยซ้ำ
ส่งเสียงเรียกหาลูกรักมาแต่ไกล
ส่วนลูกรักที่ว่าเมื่อได้ยินเสียงแม่รีบวิ่งเข้ามาหา ส่ายหางกระดิกไปมาด้วยความดีใจ ตวัดลิ้นเลียใบหน้าของเธอด้วยความรัก
“พอแล้วลูก ไม่รู้วันนี้ไปเล่นอะไรมาบ้างเดี๋ยวหน้าหมีก็เป็นสิวพอดี” วัชรธรที่มองอยู่รีบเข้ามาห้ามปรามสองแม่ลูก
“ลูกขอกอดหน่อย มากอดแม่หน่อยเร็ว” มือเล็กผายออก ลูกรักที่รู้หน้าที่จึงโผเข้าอ้อมกอด
“เนี่ยลูกรักคงคิดถึงพ่อแม่มากนะคะ พี่แหวนเห็นชะเง้อคอมองประตูตลอดเลย” พี่แหวนผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยว่าขึ้น เธอดูแลลูกรักในช่วงที่ทั้งสองไม่อยู่
เธอชินเสียแล้วล่ะที่ใคร ๆ จะยกให้เธอและวัชรธรเป็นพ่อและแม่ของลูกรัก แม้ความเป็นจริงวัชรธรจะเป็นเพียงทาสรับใช้ของลูกสาวเธอก็ตาม
“ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลลูกรัก ว่าแต่ลูกรักดื้อกับพี่แหวนหรือเปล่า”
“ไม่ดื้อเลยค่ะ นอนทั้งวัน” วัชรธรพยักหน้าเข้าใจ ลูกรักอายุเกือบสิบปี ถือว่ามากแล้วสำหรับสุนัข หูตาฝ้าฟาง กินน้อย การตอบสนองช้าลงเห็นได้ชัด
ลูกรักเป็นสุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนหรือที่นิษฐกานต์ชอบเรียกว่าหมาปีศาจ
ลูกรักถูกนำมาเลี้ยงตั้งแต่วัยสามเดือน ช่วงนั้นนิษฐกานต์พึ่งศูนย์เสียครอบครัว วัน ๆ เอาแต่นั่งซึม แอบไปร้องไห้อยู่ตลอดประกอบกับโดยปกติแล้วบ้านของเธออาศัยอยู่เพียงสามคนพ่อแม่ลูก จะมีเขาเวียนมาพักด้วยบางครั้งเท่านั้น ด้วยความกลัวว่าเธอจะเหงาจึงอยากหาเพื่อนให้เธอ แต่ถ้าจะให้หาเพื่อนที่เป็นคนละก็ เธอฝันไปเถอะ ลูกหมีต้องมีเหนือเป็นเพื่อนคนเดียวเท่านั้น
เหนือยังจำได้อยู่เลยครั้งแรกที่เจอลูกหมีไม่ชอบลูกรักนักแถมยังไม่ยอมเล่นด้วย แม้แต่ชื่อยังไม่ยอมตั้งเอาแต่เรียกว่าไอ้ลูกหมาอยู่นั่นจนติดปาก เวลาผ่านไปทั้งคู่อยู่ด้วยกันมากขึ้น จากที่นอนนอกบ้าน กลายเป็นนอนในบ้าน และจบที่นอนห้องเดียวกับเธอ
จากเรียกไอ้ลูกหมาจึงถูกเปลี่ยนเป็นลูกรักในท้ายที่สุด
ประตูรถด้านหลังคนขับถูกเปิดออกพร้อมกับลูกรักกระโดดขึ้นอย่างรู้งาน นิษฐกานต์และวัชรธรได้แต่มองหน้ากันแล้วหลุดขำออกมา
ลูกรักคงอยากกลับบ้านจะแย่แล้ว
ไม่ให้ลูกต้องคอยนานทั้งคู่จึงขึ้นรถตามไป
“แวะเดินเล่นที่สวนสาธารณะกันหน่อยไหม” หันไปถามคนข้าง ๆ เมื่อรถกำลังเคลื่อนที่ใกล้เขตสวนสาธารณะที่สามารถพาสุนัขเข้าไปเดินเล่นได้
“เหนือ หมีปวดขา” คนถามได้แต่ขำเบา ๆ ว่าแล้วเชียวกับคำตอบที่คาดเอาไว้
“หมีก็นั่งรอ เดี๋ยวเราพาลูกเดินเล่นสักหน่อย ไม่ได้ยินเหรอลูกอยู่โรงพยาบาลเอาแต่นอน”
“อื้อได้ แบบนี้หมีรอได้”
นิษฐกานต์นั่งมองภาพของวัชรธรที่ในมือของเขาถือเชือกจูงของลูกรักเอาไว้แล้วพยายามหลอกล่อให้เดินตาม ขณะที่สายตาของลูกรักแสดงความขี้เกียจสุด ๆ พอ ๆ กับเธอตอนนี้
ถ้าเลือกได้ขอนอนทั้งวันจะดีกว่า
“ลูกรักมาหาแม่เร็ว” ปฏิกิริยาผิดกันเมื่อได้ยินเสียงนี้ เจ้าสุนัขแสนรู้กลับแสดงท่าทางตื่นตัวต่างจากตอนอยู่กับวัชรธรลิบลับ เดินเข้าไปหานิษฐกานต์ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้
“โห สองมาตรฐาน ไม่รักพ่อเลยเหรอลูก” ทั้งที่เขาเป็นคนไปเลือกลูกรักและจ่ายเงินซื้อมาเองแท้ ๆ
“ขอเชือกจูงหน่อย” เชือกจูงถูกเปลี่ยนมือพร้อมกับสองสาวแม่ลูกเดินเคียงคู่กัน
“มาสิเหนือ เดินมาเองได้ไหมอะ หรือเราต้องไปจูงมา” นิษฐกานต์ที่เดินนำไปก่อนหันมาร้องเรียก แต่เดี๋ยวนะเขาเดินไปเองได้ เขาไม่ใช่หมา แต่หากมือนิ่ม ๆ จะยื่นมาจูงเขาไป เป็นหมาก็ยอมวะ
“มาจูงไปดิ” พร้อมแขนแกร่งถูกยื่นออกไปตรงหน้า
“ไม่ ปะลูกวิ่งหนีคนขี้โกงกัน เขาเดินนำมาแล้วจะหลอกให้กลับไปรับเนอะ” ว่าจบสองแม่ลูกจึงเร่งจังหวะในการเดิน เพื่อหนีวัชรธรที่เดินตามหลังมา
“อย่าให้จับได้นะ” เสียงขู่แว่วตามหลัง ขายาวก้าวฉับไปหาเธอ สองแม่ลูกวิ่งหนีวัชรธรให้วุ่น ส่งเสียงหัวเราะไม่ขาดสาย
กลับมาถึงบ้านอีกทีในเวลาเกือบสองทุ่ม สองสาวแทบหมดเรี่ยวแรง ผิดกับวัชรธรที่แรงยังเหลือล้น ได้แต่คิดในใจว่าเขาต้องพาเธอออกกำลังจริงจังเสียแล้ว
นิษฐกานต์รีบขึ้นไปอาบน้ำทันที หน้าที่ดูแลลูกรักจึงตกเป็นของเขา เมื่อให้อาหารลูกรักและทำความสะอาดเสร็จแล้วจึงขึ้นไปยังชั้นสอง
“ลูกรักเข้าไปนอนไป”
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนก็พบว่านิษฐกานต์นอนหลับไปแล้ว ลูกรักสอดตัวเข้าไปในช่องว่างระหว่างประตูกระโดดขึ้นไปบนเตียงที่นอนประจำเขาจึงปิดประตูลง
เสียงเปิดประตูอีกครั้งพร้อมกับร่างสูงก้าวเดินเข้ามาสอดตัวลงบนเตียงทำให้ลูกรักรู้สึกตัวขึ้น หันไปมองตามทิศทางของเสียง
“นอนด้วยดิ นอนคนเดียวไม่หลับ” คนตัวโตเอ่ยขอลูกสาวสุดที่รักอ้าปากกว้าง หาวออกมาหนึ่งที พร้อมเบือนหน้าหนี ทรุดใบหน้าลงแนบแขนทั้งสองข้างก่อนจะถอนหายใจดังเฮือก
อะไรวะ นี่คนคลอดแกออกมานะเว้ย ถึงจะคลอดด้วยเงินก็เหอะ
ผ่านไปสักพักเกิดศึกใหญ่ท่ามกลางความมืดอีกครั้งเมื่อคนที่นอนอยู่กลับไม่เฉย เดี๋ยวจับ เดี๋ยวคลำ เดี๋ยวดูด เดี๋ยวดม แต่สิ่งเหล่านั้นต้องหยุดลงเมื่อสุนัขสุดที่รักลุกขึ้นยืนเต็มสี่ขาบนเตียง เดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างเขาและนิษฐกานต์ก่อนนอนลงตรงนั้นเสียดื้อ ๆ
“ลูกรักออกไปก่อน พ่อจะนอนกับแม่”
“หงิง” ลูกรักร้องเบา ๆ ราวกับโต้เถียงเขา ไม่ว่าจะฉุดดึงอย่างไรลูกรักก็ไม่ยอมกลับไปนอนที่เดิม เมื่อศึกครั้งนี้ไม่จบลงสักทีคนที่หลับสนิทจึงรู้สึกตัว
“อื้อ อะไรอะเหนือ ลูกรัก”
“เหนือไม่กลับไปนอนห้องอะ” ลูกรักรีบเอาใบหน้าถูแขนเล็กทันทีหันมองวัชรธร
เขากำลังถูกเยาะเย้ยจากหมา
“นอนไม่หลับอะ”
“ทุกทีแกก็นอนคนเดียว” แม้จะนาน ๆ ครั้งที่เขาเข้ามานอนเป็นเพื่อนเธอ
“ก็วันนี้อยากนอนด้วยไม่ได้เหรอ” นิษฐกานต์ตัดปัญหา
“อือ เงียบ ๆ ด้วย”
“หมีบอกลูกรักไปนอนที่เดิมดิ” ที่เดิมคือปลายเท้าของเธอ
“ดูแล้ววันนี้คงไม่ยอมหรอก”
“อยากนอนกอดหมี นะครับ นะ”
สุดท้ายแล้วนิษฐกานต์จำต้องจัดที่นอนใหม่ เธอนอนตรงกลาง ลูกรักอยู่ซ้าย วัชรธรอยู่ขวา
“อาทิตย์หน้าไปหาป๊ากับแม่นะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์”
“อื้อ คิดถึงป๊ากับแม่” เธอไปหาท่านทั้งสองล่าสุดก็เดือนที่แล้ว
“ไปกันสองคนนะ ให้ลูกอยู่บ้านกับพี่แตง” พี่แตงคือพี่เลี้ยงที่ป๊ากับแม่ให้มาช่วยดูแลบ้านของลูกหมี ช่วงนี้พี่แตงลากลับบ้านจะกลับมาที่นี่อีกครั้งสัปดาห์หน้าพอดี
“อืม ๆ เราอยากไปกับเหนือ”
“อือฮึ”
“หมีนอนแล้วนะ ทีนี้ห้ามทะเลาะกันอีก”
“ฝันดีนะลูกหมี” ตวัดเอาคนตัวเล็กเข้ามาแนบชิดจมอยู่กับอกแกร่ง ลูกรักที่นอนอยู่อีกฝั่งจึงต้องขยับตามมา
“วันนี้ไม่ทำอะไรแม่แกหรอกน่า” แต่รอให้ลูกหมีหายปวดขาก่อนเหอะทำแน่
เสียงถอนหายใจดังเฮือกมาจากทางด้านหลังของลูกหมีราวกับล่วงรู้ว่ามีใครบางคนวางแผนร้ายเอาไว้
