4 สร้อยรูปหมี
“พี่คินส่งลูกหมีที่หน้าปากซอยก็ได้ค่ะ” นิษฐกานต์หันไปบอกภาคิน หลังจากที่เธอแยกย้ายกับวัชรธร เมื่อภาคินกลับมาจากทำงานทั้งคู่จึงเดินทางกลับ ก่อนกลับไม่ลืมแวะร้านอร่อยที่ภาคินแนะนำว่าเธอต้องได้กินสักครั้ง ทำให้มาถึงช้ากว่าที่บอกวัชรธรไปพอสมควร
“ทำไมล่ะครับ อีกนิดเดียวก็ถึงบ้านน้องลูกหมีแล้ว” ตอนไปเขาก็ไปรับเธอที่บ้านจึงรู้ว่าบ้านเธออยู่ใกล้ปากซอยนิดเดียว
ในหัวของนิษฐกานต์ประมวลหาข้ออ้างให้เร็วที่สุด ขืนปล่อยให้ภาคินไปถึงบ้านตอนนี้คงไม่พ้นต้องเจอกับไอ้หมาปีศาจบ้า ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน
“เอ่อคือ ลูกหมีต้องแวะซื้อหวยของคุณป้าร้านค้าตรงหน้าปากซอยน่ะค่ะ” นั่นแหละคือคำแก้ตัวที่เธอหาได้ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว
ภาคินทำหน้างงเล็กน้อยแต่ก็ยอมจอดลงตรงร้านที่นิษฐกานต์ชี้มือบอก
คนบอกจะซื้อหวยได้แต่หันไปยิ้มให้กับคุณป้าร้านขายของชำผู้ถือศีล กินเจ วัดก็เข้า เหล้าไม่กิน ด้วยความขอโทษภายในใจ ก่อนถอนหายใจด้วยความโล่งอก โบกไม้โบกมือให้รถของภาคินที่เคลื่อนไปไกลจนลับสายตา
มองกระเป๋าเดินทางใบสีชมพู กดดึงคันชักกระเป๋าเดินทางออกมาก่อนลากกระเป๋ามุ่งตรงกลับบ้าน
“ช้าไปสองชั่วโมง” เพียงแค่ก้าวเข้ามาในระยะตัวบ้านเสียงของคนตัวโตที่ยืนดักรอตรงประตูดังขึ้นทันที
“แล้วไง” คนตัวเล็กยืดตัวขึ้นเอ่ยตอบไม่เกรงกลัวเขา มีสิทธิ์อะไรมาบังคับเธอ จะกลับตอนไหนก็ได้ปะ
กระเป๋าในมือถูกวัชรธรแย่งไปจับไว้เองทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในรั้ว ส่วนอีกมือของเขาจับจูงเธอให้เดินไปพร้อมกัน
“ไปล้างมือแล้วมากินข้าว เดี๋ยวอุ่นกับข้าวรอ” อาหารที่เตรียมไว้กว่าสองชั่วโมงเย็นชืดหมดแล้ว เขาจึงจะนำทั้งหมดไปอุ่นร้อนให้เธอ
“เรากินมาแล้วอะ เหนือกินเลย”
“อ๋อ ที่ช้าเพราะมัวไปกินข้าวกับมันใช่ไหม”
“แค่ไปกินข้าวไม่มีอย่างอื่นซะหน่อย”
“อยากไปกินข้าวกับมันจนทิ้งให้เราขับรถกลับคนเดียวเหรอหมี” ทั้งที่ตอนแรกที่ตกลงกันคือให้เธอกลับไปจัดการเก็บของที่โรงแรมและหาข้ออ้างกลับพร้อมเขาแท้ ๆ เธอกลับดื้อดึงกลับมาพร้อมมัน ซ้ำยังมาช้ากว่าเวลาที่ควรจะเป็นสองชั่วโมง
สองชั่วโมงที่เขาแทบเป็นบ้า
บอกเลยนี่ใจเย็นที่สุดแล้ว ที่อดทนทำกับข้าวรอเธอได้ แต่ความเดือดดาลปะทุขึ้นมาเมื่อเธอเมินอาหารของเขา สายตาของเธอสอดส่องไปทั่วตัวบ้านไม่นึกหวาดหวั่นกับอารมณ์ของวัชรธรแม้แต่น้อย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้แปลกไปที่ลูกสาวของเธอไม่ออกมาต้อนรับ
“ลูกรัก อยู่ไหนลูกมาหาแม่ซิ” เสียงหวานเอ่ยเรียกไปทั่วบ้าน เดินหาไปจนทั่วกลับไม่พบ
“เหนือลูกอยู่ไหน”
“ยังจำได้ด้วยเหรอว่าลูกรอแกกลับมาหา” คนอารมณ์หงุดหงิดพาลไปทั่ว
“ยังอยู่โรงพยาบาลของแกใช่ไหม เราเหนื่อยอะ ขอขึ้นไปนอนนะ ตอนเย็นค่อยไปรับลูกกัน”
คนตัวเล็กที่ใช้แรงเยอะหมุนตัวเตรียมขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบน ไม่อยากพูดคุยกับคนพาล
“เดี๋ยว มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” แขนเรียวถูกมือของเขาคว้าเอาไว้ก่อนจะเดินหนีไป
ดวงตาตวัดมองวัชรธรอย่างไม่พอใจ ว่าจะไม่ทำให้เป็นเรื่องแล้วนะ ตอนนี้เธอง่วงมาก อยากนอน
“คุยมาสิ”
“ทำไมต้องกลับมากับมัน”
“เราไปกับใครก็ต้องกลับกับคนนั้นสิ จะให้โกหกว่าอะไรอะ แค่โกหกว่าปวดหัวไปเมื่อคืนก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว”
“ต้องแคร์มันด้วยเหรอ เลิกคุยกับมันซะ”
“โอเค ต่อไปเราจะไม่ไปไหนโดยไม่มีเหนือไปด้วย แบบนี้พอใจไหม”
“ไม่ หมีต้องบล็อกมันให้หมด”
“พี่ภาคินเป็นลูกค้าที่ร้าน จะให้บล็อกเขาได้ไง”
“เท่าไหร่ เดี๋ยวจ่ายแทนเอง” เท่าไรกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น นิษฐกานต์ถึงกับกลอกตามองบนเมื่อได้ยินคำพูดของเหนือ
“รู้หรอกว่ารวย แต่เก็บเงินไว้เถอะ”
“อยากใช้มีไรปะ เธอจะเลิกทำงานอยู่บ้านเลี้ยงลูกไปวัน ๆ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“นี่อย่าพาลนักได้ไหม เราเหนื่อยจริง ๆ นะ ขาก็ปวดไปหมดจนเดินไม่ไหวแล้ว”
วัชรธรได้แต่มองคนที่บอกว่าเดินไม่ไหวแต่กลับลากกระเป๋าเดินมาตั้งแต่หน้าปากซอย คงกลัวไอ้ภาคินเจอเขาสินะ เหนือได้แต่แค่นเสียงออกมามองดวงหน้าที่ซีดเซียว ไม่เหนื่อยหมดแรงก็ให้มันรู้ไป นิษฐกานต์ไม่ชอบออกกำลังกายที่ทำไปเมื่อคืนคงหนักสำหรับเธอ
“อยากรู้นักใช่ไหมว่าทำไมเราไม่กลับไปหาเหนือ มานี่” คราวนี้มือเรียวเล็กคว้าฝ่ามือใหญ่เอาไว้ กอบกุมออกแรงดึงให้เขาเดินตามเข้าไปในห้องน้ำ
ทั้งสองยืนประชันหน้ากันตรงกระจกบานใหญ่ เหนือมองลำคอระหงที่ปราศจากรอยกุหลาบที่เขาทำเอาไว้ เพราะใช้รองพื้นปกปิด ก่อนมองเลยไปยังสร้อยหมีที่นิษฐกานต์สวมใส่ด้วยความพึงพอใจ
กระดุมของเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เธอกำลังสวมใส่ถูกปลดเม็ดบนออก ตามด้วยเม็ดถัดมาที่อยู่ต่อกัน
“เดี๋ยวหมี แกจะทำอะไรไหนบอกว่าเหนื่อย ยอมรับว่าเราไหว แต่แกสิจะไหวเหรอหน้าแกซีดนะ เมื่อกี้ที่เดินมาแดดเปรี้ยงขนาดนั้นดีที่ไม่เป็นลมก่อนถึงบ้าน”
“หยุดพูดไร้สาระ” หันไปว่าคนตัวโตที่คิดอะไรไม่เข้าเรื่อง เธอมีแรงคุยกับเขาถึงตอนนี้ก็ดีแค่ไหนละ
กระดุมที่ถูกปลดออกสามเม็ดบนพร้อมกับมือเล็กจับคอเสื้อให้เปิดกว้างโชว์ช่วงอกที่โผล่พ้นขึ้นมาจากชุดชั้นในที่ห่อหุ้มความนุ่มหยุ่น
“หน้าอกตรงนี้ของเราแดงเป็นจ้ำเลย ยาวลงไปใต้เสื้อด้วย” คราวนี้เหนือได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อก นึกไปถึงการกระทำของตนเมื่อคืน มองตรงไปยังจุดที่นิ้วเรียวเล็กชี้ไว้
ตรงกลางระหว่างร่องอก
“ทีนี้อธิบายมาสิ”
“ก็เมื่อคืนหมีหลับหนีเราทำไมอะ” คราวนี้คนที่วางมาดเข้มมาตลอดพลันแสดงสีหน้าสลดลง มองผู้หญิงตัวเล็กที่กำลังยืนกอดอกตรงหน้าด้วยสายตาหวาดหวั่น
“มาเดี๋ยวเหนือทายาให้นะครับ”
“ไม่ต้องเลยนะหยุดฉวยโอกาสได้แล้วไอ้เหนือ”
“โอ๊ยย” คราวนี้ใบหูที่อยู่สูงถูกมือเล็กเอื้อมหยิกหมับเต็มแรงจับบิดลากจูงออกมานอกห้องน้ำ
“ไม่ต้องมาสำออยเลย หมีรู้ว่าเหนือไม่เจ็บ”
“อ้าวรู้ด้วยเก่งจัง” เมื่อคนตัวเล็กรู้ทันจึงหันมายิ้มแฉ่งให้เธอ ตวัดเอาร่างเล็กขึ้นสู่อ้อมอก นิษฐกานต์ตัวเล็กกว่าเขาเยอะอุ้มสบาย
“อุ้มทำไมปล่อยลงเลยนะ”
“ปวดขาไม่ใช่เหรอ จะอุ้มไปส่งที่ห้อง” ร่างเล็กในอ้อมกอดไม่ได้ขัดขืนปล่อยให้เขาอุ้มเธอขึ้นบันไดไป ดีเหมือนเพราะตอนนี้เธอปวดขามาก เพราะไอ้เหนือแท้ ๆ ที่ให้เธอยกขาค้างไว้บนไหล่นานเกินไป
ห้องของลูกหมีถูกตกแต่งด้วยโทนสีขาวชมพู ตามความชอบของเจ้าของห้องตั้งแต่ในวัยเด็ก ของใช้ในห้องพ่อและแม่ช่วยกันตกแต่งให้เธอด้วยความรักและหวังดี ตั้งแต่ท่านทั้งสองจากไปเธอจึงเก็บทุกอย่างไว้เหมือนเดิม
ส่วนห้องของวัชรธรอยู่ตรงข้ามกับห้องเธอ สมัยเด็กเหนือมักขอมานอนห้องเธอบ่อย ๆ จนพ่อเธอต้องยอมยกห้องที่เคยทำไว้เผื่อว่าวันหนึ่งเธอจะมีน้อง แต่จนแล้วจนรอดน้องกลับไม่มาจนทั้งสองถอดใจ จึงรับเหนือเป็นลูกอีกคนด้วยการยกห้องนั้นให้เขา
อีกห้องคือห้องของพ่อกับแม่ที่เธอเก็บเอาไว้ตามเดิม เข้าไปทำความสะอาดสม่ำเสมอ เธอจะเข้าไปนอนบ้างในวันที่คิดถึงบุพการี
ครอบครัวของเธอฐานะธรรมดา พอมี พอใช้ พ่อแม่เป็นคุณครูโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง แต่ที่ได้รู้จักกับเหนือเพราะแม่ของทั้งคู่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก กระทั่งคุณป้ากัลยา แม่ของวัชรธรแต่งงานกับคุณป๊าของเขาเจ้าของโรงแรมห้าดาวหลายสาขาในประเทศไทย และเจ้าของอสังหาริมทรัพย์อีกหลายแห่ง แต่ความสัมพันธ์อันดีก็ยังคงอยู่
และใช่ครอบครัวของเหนือรวยมาก จนอุปการะเธอ ส่งเสียให้เธอเรียนเทียบเท่ากับเหนือเลยล่ะ
ทั้งที่ครอบครัวของเขาเป็นนักธุรกิจ เขากลับเลือกเรียนสัตวแพทย์ ฉีกกรอบออกมา แต่เหนือเป็นคนเก่งเขาทำงานที่โรงพยาบาลสัตว์เพียงสองวันต่อสัปดาห์ เวลาที่เหลือจะเข้าไปทำงานส่วนของครอบครัวแทน
“ปวดขามากไหม”
“อื้อปวด นอนพักก็คงหาย”
“ลืมไปว่าต้องให้หมีเปลี่ยนชุดก่อน” มองชุดที่เธอใส่คงนอนไม่สบายตัว เดินไปเลือกชุดที่สวมใส่สบาย
“เปลี่ยนชุดก่อนนะ”
“เดี๋ยวเราเปลี่ยนเอง”
“อย่าดื้อนอนเฉย ๆ เลย” ดุคนตัวเล็กเสร็จ จึงถอดเสื้อผ้าของเธอออกเหลือเพียงชุดชั้นในเท่านั้น ก่อนสวมเสื้อผ้าที่เขาเลือกมาให้เธอ
ผ่านไปสักพักคนตัวเล็กที่เหนื่อยล้าจึงค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง จนกระทั่งลมหายใจสม่ำเสมอ
วัชรธรผุดลุกขึ้นอีกครั้งแล้วเดินออกจากห้องไป เขากลับมาพร้อมกับชามใบเล็กและผ้าขนหนูสีขาว ผ้าขนหนูในมือถูกบิดจนหมาด นำมาเช็ดตัวให้หญิงสาวที่กำลังนอนไม่รู้ตัว ส่งเสียงครางอืออาเมื่อเขาจับเธอพลิกไปมา เมื่อเห็นว่าสะอาดดีแล้ว จึงหยิบหลอดยาที่เตรียมเอาไว้ขึ้นมา ตวัดตัวยาลงไปกลางร่องอกที่แดงช้ำขณะที่รอยยิ้มประดับอยู่ที่มุมปาก
ภาพทุกอย่างเมื่อคืนยังแจ่มชัดอยู่ในหัวเขา
