๕.๗ จองแล้วนะ หวงมากด้วย
“หนูดีก็ไม่รู้ว่าพี่เค้าจะทำแบบนั้น ที่หนูดียอมออกมาคุยกับพี่ยุ หนูดีก็แค่อยากลองใจพี่เต อยากรู้ว่าพี่เตจะหึงหนูดีหรือเปล่า”
“หนูดีกำลังล้อเล่นอยู่กับความรู้สึกพี่ต่างหาก แล้วถ้าพี่ทำบ้างและอ้างว่าอยากให้หนูดีหึงล่ะ หนูดีจะว่ายังไง”
หาเรื่องใส่ตัวแล้วยัยหนูดีเอ๊ย ถ้ารู้ว่าพี่เตจะหึงแรงขนาดนี้ เธอคงไม่คิดลองใจเขาหรอก ดูสิทั้งหน้าตึง ทั้งเย็นชา ยืนใกล้แค่นี้แต่เหมือนถูกผลักให้ห่างจากเขาจนไกลลิบลับ ชวนใจหายชะมัดเลย แล้วถ้าหากว่าเขาทำเหมือนที่เขากำลังย้อนถามเธอล่ะ
“ไม่เอานะคะ หนูดีไม่ยอมให้พี่เตเล่นเกมหัวใจกับหนูดีหรอก”
อนุรดีโถมตัวเข้าไปกอดร่างสูงใหญ่นั้นไว้แน่นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างกลัวความเจ็บปวด แต่เขายังคงยืนเฉยและไม่ยอมกอดตอบเธอแต่อย่างใด
“อย่าลืมว่าหนูดีเริ่มก่อน”
“หนูดียอมรับผิดแล้ว หนูดีขอโทษ” เธอช้อนตาขึ้นมองอย่างอ้อนและง้อเต็มที่ แต่ก็ยังไม่สามารถดับไฟแห่งความหึงหวงและโกรธเคืองของเตชินท์ลงได้ เพราะเขาแค่มองตอบกลับมาด้วยแววตานิ่งเฉย
“ปล่อยพี่”
“พี่เตจะไม่ยอมยกโทษให้หนูดีจริงๆ เหรอคะ”
“เอาไว้คุยกันทีหลัง ขึ้นรถเถอะพี่จะกลับแล้ว หรือถ้าหนูดีอยากอยู่ต่อก็ตามใจ” เตชินท์ยังคงพูดจาตัดรอน ทำให้หัวใจคนฟังร้อนรนไปหมด
“ไม่อยู่ค่ะ หนูดีจะกลับกับพี่เต”
“งั้นก็ขึ้นรถ”
“พี่เตกำลังโกรธ หนูดีขอขับเองนะคะ ขอกุญแจรถให้หนูดีด้วยค่ะ”
เตชินท์ถอนหายใจเหมือนไม่อยากให้ แต่ก็ยอมส่งกุญแจให้เธอในที่สุด อนุรดีขึ้นนั่งฝั่งคนขับ ส่วนเตชินท์นั่งเบาะข้างๆ ขณะที่รถแล่นออกจากโรงแรม ซึ่งบรรยากาศช่างแตกต่างกับตอนมาอย่างลิบลับ ภายในรถเงียบเชียบ อนุรดีไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเพลง รู้สึกเหมือนตัวเองหายใจไม่ทั่วท้องและอึดอัดไปหมดกับความเงียบอันน่ากลัวของเตชินท์ แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาเป็นแบบนี้ไปจนถึงบ้านแน่ ถ้าไม่ดีกันเสียก่อน คืนนี้ก็ไม่ต้องมีใครได้กลับบ้าน
“หนูดีมาทำอะไรที่นี่”
เตชินท์ถามขึ้นหลังจากเงียบมาตลอดทาง เมื่ออนุรดีขับรถเข้ามาจอดใต้คอนโดมิเนียมของเขาพร้อมกับดับเครื่อง แล้วโยนกระเป๋าถือซึ่งวางอยู่บนตักไปไว้ที่เบาะหลัง
“เรามีเรื่องต้องเคลียร์กันค่ะ” เธอตอบอย่างใจเย็น สวนทางกับอารมณ์ของเตชินท์ที่แม้ภายนอกจะดูเฉยเมยเย็นชา แต่ภายในยังคงเดือดปุดๆ ด้วยไฟแห่งความหึงหวง
“ไม่ใช่ตอนนี้หนูดี”
“ต้องตอนนี้ค่ะ” อนุรดีบอกอย่างคนดื้อดึงและไม่ยอมลดราวาศอกให้ เธอก็แค่ไม่อยากให้ทะเลาะกันข้ามคืน แค่อยากให้เขาหายโกรธก่อน แล้วค่อยกลับบ้าน จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย
“อย่าหาเรื่องใส่ตัว พี่บอกให้กลับ”
“ไม่กลับค่ะ ถ้าพี่เตจะกลับก็กลับไปคนเดียวเลย หนูดีจะลงและอยู่ที่นี่”
อนุรดีผลักประตูลงจากรถแล้วตรงเข้าไปในคอนโดฯ กดเรียกลิฟต์และก้าวเข้าไปในลิฟต์ โดยมีร่างสูงตามมาติดๆ ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่เธอต้องการ
หญิงสาวกดตัวเลข ไล่เลี่ยกับที่ประตูลิฟต์ปิดลงทำให้สองคนถูกขังไว้ในลิฟต์ด้วยกันตามลำพัง ก่อนที่มันจะเลื่อนขึ้นไปยังชั้นที่เป็นห้องของเตชินท์ ลิฟต์โดยสารของคอนโดมิเนียมในเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ เช่นนี้ ไม่ได้หยุดที่ชั้นใดเพราะไม่มีใครอื่นใช้บริการนอกจากเขาและเธอสองคน คล้ายกับทุกอย่างเป็นใจให้อนุรดีไปหมด
“หนูดีกลับบ้านเดี๋ยวนี้ อย่าหาเรื่องใส่ตัว ถ้าถึงห้องแล้วพี่ไม่รับประกันความปลอดภัย” เตชินท์เอ่ยเตือนแฟนสาวอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้อ่อนโยนแต่อย่างใด แต่ตรงข้าม มันเหมือนกับการข่มขู่คาดโทษ ซึ่งยามนี้อนุรดีไม่คิดจะหวาดหวั่นแม้แต่นิด ในเมื่อมีเรื่องอื่นที่ต้องเป็นกังวลมากกว่า
“ไม่กลับค่ะ หนูดีไม่ชอบให้มีอะไรค้างคา”
“ถ้าไม่กลับตอนนี้ พี่รับรองว่าจะมีอะไรของพี่เข้าไปคาในตัวหนูดีแน่”
“หนูดีไม่กลัวค่ะ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดสิ”
อนุรดีเชิดหน้าขึ้นเถียงฉอดๆ อย่างไม่คิดจะกลัวคำขู่ของเขา ทั้งที่เห็นอยู่ว่าตอนนี้ดวงตาของเตชินท์เหมือนมีไฟลุกท่วม เป็นไฟแห่งความโกรธที่เจือเอาไว้ด้วยอารมณ์ปรารถนาที่เรืองรองขึ้นจนควรถอยห่างให้ไกล
“พี่ถือว่าพี่เตือนแล้วนะ”
“แล้วไงคะ”
“หนูดีกำลังหาเรื่องใส่ตัว”
“ก็บอกแล้วว่าหนูดีไม่กลัว”
“แล้วอย่ามาหาว่าพี่ไม่เป็นคนรักษาคำพูดก็แล้วกัน”
