๕.๖ จองแล้วนะ หวงมากด้วย
“ขอบคุณครับ เชิญครับ”
จิรายุเอ่ยขอบคุณก่อนจะผายมือและเดินนำไปยังระเบียงด้านนอก ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เหมาะสำหรับการคุยตามลำพังมากกว่าด้านใน
“พี่ยุมีอะไรจะคุยกับหนูดีเหรอคะ”
“พี่จะมาทวงคำสัญญาจากหนูดี”
“สัญญาเรื่องอะไรเหรอคะ” อนุรดีออกจะงุนงงเล็กน้อย เพราะจำไม่ได้จริงๆ ว่าตัวเองเคยสัญญาอะไรกับจิรายุไว้
“ก็เรื่องที่พี่เคยคุยกับหนูดีเอาไว้ว่า ถ้าเรียนจบแล้วหนูดียังไม่มีแฟน หนูดีจะรับพิจารณาพี่เป็นคนคนนั้นของหนูดี พี่รู้จากยัยจิว่าตอนนี้หนูดียังไม่มีแฟน เพราะฉะนั้นพี่ก็เลยมาทวงสิทธิ์ของตัวเอง กลัวจะมีคนมาตัดหน้าไปก่อน”
“หนูดีขอบคุณพี่ยุมากนะคะที่รอมาตลอด และพิสูจน์ให้หนูดีเห็นว่าพี่ยุจริงใจกับหนูดีจริงๆ”
“พี่ไม่อยากได้คำขอบคุณครับ พี่อยากให้หนูดีตอบตกลงเป็นแฟนกับพี่มากกว่า นะครับหนูดี” จิรายุไม่ได้ขอปากเปล่า แต่คุกเข่าลงตรงหน้าพร้อมกับยื่นกล่องแหวนมาให้
“พี่ยุคะ คือว่า...”
อนุรดีกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธพร้อมกับบอกความจริงกับจิรายุไปว่าตอนนี้เธอหมั้นแล้วและมีคนรักแล้ว แต่ยังไม่ทันได้พูด งานใหญ่ก็เข้าเสียก่อน
“ขอโทษที่มาขัดจังหวะ”
เสียงหล่อๆ แต่ดุเข้มและเย็นชาสุดๆ ที่ดังขึ้น ทำให้อนุรดีตกใจวาบ ส่วนจิรายุมองไปอย่างหงุดหงิดที่จู่ๆ ก็มีคนมาขัดจังหวะ
“พี่เต!”
“พี่แค่แวะมาบอกว่าพี่จะกลับแล้ว หนูดีอยากทำอะไรกับใครต่อก็เชิญตามสบาย”
พูดแค่นั้นร่างสูงในชุดสูทสุดเนี้ยบก็ก้าวอาดๆ ออกไปทันที ทิ้งความว้าวุ่นตูมใหญ่ลงในหัวใจของคนอยากลองของทันที
“พี่ยุคะหนูขอโทษด้วยนะคะ หนูดีรับความจริงใจจากพี่ยุไม่ได้จริงๆ ตอนนี้หนูดีมีคนรักแล้วและก็หมั้นแล้วด้วยค่ะ เรื่องนี้หนูดียังไม่ได้บอกใครรวมทั้งยัยจิด้วย เพราะฉะนั้นอย่ารอหนูดีอีกเลยนะคะ”
“เขาใช่ไหม” จิรายุถามออกมาเศร้าๆ อย่างพอจะเดาจากท่าทีของคนสองคนได้ ขนาดตัวเขามั่นใจว่าตัวเองหล่อมากแล้ว เจอผู้ชายคนนั้นเข้าไป รัศมีทุกอย่างในตัวเขาเหมือนถูกกลบให้หม่นลงไปทันตา และถ้าเขาไม่ปฏิเสธรสนิยมในส่วนลึกจริงๆ ของตัวเองก็จะพบว่า ผู้ชายที่เป็นคนรักของอนุรดี ก็เป็นผู้ชายในสเป็กของเขาเหมือนกัน
“ค่ะ...และหนูดีต้องกลับแล้ว ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับทุกอย่าง หนูดีลาค่ะ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้จิรายุในฐานะพี่ชายของเพื่อนและในฐานะผู้ชายที่คิดจะจริงจังกับเธอมาตลอด ทว่าเธอรับความหวังดีของเขาไม่ได้ เพราะตอนนี้เธอมีเจ้าของหัวใจเสียแล้ว และตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธเธอมากด้วย
เท้าเล็กๆ ภายใต้รองเท้าส้นสูงสีเบจเข้ากับชุดรีบย่ำถี่ๆ ไปยังลานจอดรถ เพราะกลัวว่าจะไม่ทันเตชินท์ ซึ่งเธอก็ทันในเวลาฉิวเฉียดจริงๆ
ไฟกะพริบสีส้มของรถสว่างวาบๆ เป็นจังหวะ บ่งบอกว่ารถคันหรูนั้นกำลังถูกปลดระบบล็อก และร่างสูงของเจ้าของรถก็กำลังจะยื่นมือไปเปิดประตู อนุรดีจึงรีบเรียกเขาไว้
“พี่เตคะ”
ร่างสูงชะงักแต่ไม่ยอมหันกลับมา ทำให้อนุรดีต้องเป็นฝ่ายเดินไปยืนตรงหน้าเขาเสียเอง
“ฟังหนูดีก่อนนะคะ คือว่าหนูดีกับพี่ยุเรา...”
ยังไม่ทันที่อนุรดีจะได้อธิบายจนจบ เสียงดุดันทว่าเย็นชาก็ดังสวนขึ้นเสียก่อน
“กี่ครั้งแล้ว”
“คะ?”
“พี่ถามว่ากี่ครั้งแล้วที่หนูดีทำอะไรลับหลังพี่แบบนี้”
“หนูดีไม่เคยทำ นี่เพิ่งจะครั้งแรก” อนุรดีตอบหน้าเจื่อนๆ เพราะไม่เคยเห็นอารมณ์แบบนี้ของเตชินท์ แต่นั่นกลับยิ่งเพิ่มความโกรธให้เขา ด้วยพฤติกรรมที่เธอแสดงออกอยู่ตอนนี้มันเหมือนคนมีความผิดอยู่เต็มตัว
“จะให้พี่เชื่อเหรอ ในเมื่อผู้ชายคนนั้นถึงขนาดคุกเข่าและส่งแหวนให้เหมือนกับกำลังขอแต่งงาน คงไม่มีผู้ชายคนไหนทำแบบนั้นกับผู้หญิงที่เพิ่งจะคบหากันได้ไม่นานหรอก”
“หนูดีไม่เถียงค่ะว่าพี่ยุตามจีบหนูดีมานานแล้ว และตอนที่พี่เตเห็น พี่ยุก็กำลังขอหนูดีเป็นแฟนจริงๆ แต่ไม่ได้ขอแต่งงานนะคะ”
“แล้วมันต่างกันยังไง ผู้หญิงที่มีคู่หมั้นแล้วสมควรให้โอกาสผู้ชายอื่นมาคุกเข่าขอเป็นแฟนเหรอ” เสียงเขาดุ เต็มไปด้วยการตำหนิและเย็นชายิ่งกว่าเดิม ทำเอาหัวใจของอนุรดีร้อนรุ่มไปหมด เพราะไม่เคยเห็นเตชินท์โกรธมากขนาดนี้มาก่อน
