บท
ตั้งค่า

7 มอมสุราท่านแม่ทัพกันเถอะ

ยามบ่ายของวันในจวนหลี่ ฟางหลินไปกินมื้อกลางวันที่โรงครัวและเดินกลับเรือนตน นางหลินเดินทอดน่องไปตามทางเดินในสวนเพื่อให้อาหารย่อยเสียหน่อย ลมเย็นพัดผ่านร่างเบา ๆ ทำให้รู้สึกสบายจนเผลอเดินมาไกลเกินกว่าที่ตั้งใจไว้เสียแล้ว

เสียงสตรีสองนางดังขึ้นมาจากในสวนดอกไม้ใกล้ๆนี้เอง นางเหลือบตามองก็รู้ว่าเป็นฮูหยินใหญ่และคุณหนูรองจื่อเหยา กำลังนั่งดื่มชาอยู่ด้วยกันในศาลากลางสวน

ฟางหลินไม่เคยสนทนากับทั้งสองและไม่คิดว่าจำเป็นด้วย หากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงเสียดีกว่า อย่างไรอีกไม่นานนางก็คงถูกจัดการให้แต่งออกไปแล้ว

"อนุหลิว!?"

คนถูกเรียกชะงักโดยพลัน ก่อนจะหันกลับมาแล้วค่อยก้าวเข้าไปใกล้คนเรียก ป้าฉาง บ่าวคนสนิทของฮูหยินใหญ่ที่มักเป็นธุระติดต่อฟางหลินอยู่บ่อยครั้ง

“งดงามอย่างที่เจ้าเคยพูดไว้จริงเสียด้วย”

น้ำเสียงของฮูหยินใหญ่มิได้เข้มงวด ทว่ากลับแฝงความประหลาดใจไว้ชัดเจน สายตามองฟางหลินที่ก้าวเข้ามาใกล้ ศาลาที่เคยมีเพียงสองแม่ลูกกลับตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ จื่อเหยาเผลอทำชาหกลงบนโต๊ะเล็กน้อยก่อนจะรีบวางถ้วยชาไว้ แล้วจ้องมองฟางหลินด้วยดวงตากลมโตอย่างตื่นเต้น

นางและมารดาต่างเคยได้ยินจากบ่าวสนิทว่า อนุหลิวงดงามอย่างไม่คาดคิด แต่พอได้เห็นด้วยตาตนเอง ความงดงามนั้นกลับเกินกว่าที่คิดตอนได้ยินเสียอีก

ดวงตาคมเรียวใต้มีเสน่ห์ คิ้วโค้งสวย ผิวขาวละมุนดั่งหิมะในยามเช้า ริมฝีปากระเรื่อสีชมพูอ่อน และเรือนร่างที่อ้อนแอ้นพอเหมาะ มิได้ผอมบางจนไร้เนื้อหนังแต่ก็ไม่อวบอ้วนเกินไป ท่วงท่าของนางสง่างามน่ามองยิ่งนัก

เป็นสตรีที่แม้แต่สตรีด้วยกันยังอดอิจฉามิได้

ฮูหยินใหญ่ลอบคิดในใจ นางเข้าใจได้แล้วว่าทำไมบ่าวในจวนถึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเด็กน้อยผู้นี้ติบโตมางดงามนัก

ทว่าเหตุใดบุตรชายของนางถึงไม่สนใจสตรีผู้นี้เลยเล่า? ถึงกับต้องส่งไปแต่งออกจากจวนเลยเชียว?

“นั่งลงสิ” ฮูหยินใหญ่กล่าวเรียบ ๆ พลางผายมือไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้าม

ฟางหลินค้อมศีรษะก่อนจะนั่งลงอย่างนอบน้อม นางไม่รู้ว่าฮูหยินใหญ่เรียกตนไว้ด้วยเหตุใด แต่เมื่อเห็นสายตาที่มิได้มีเจตนาร้ายก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง

อย่างน้อยก็มีความเป็นไปได้ว่าแม่สามีผู้นี้จะไม่ร้ายอย่างที่นางเคยเห็นในซีรีส์ย้อนยุค ส่วนเรื่องที่นางถูกพวกเขาจับล้างน้ำจัดเตรียมขึ้นเตียงให้บุตรชายของพวกนางนั้นความจริงอนุเช่นนางก็มิควรโกรธหรอก เพราะนั่นคือหน้าที่ของสตรีที่ยังอยู่ในฐานะอนุนั่นล่ะ เพียงแต่วิธีของสองนางตรงหน้าอาจจะดูบังคับไปหน่อยก็ตามที

“ข้ามิได้เจอเจ้ามานานมากโตขึ้นเพียงนี้แล้ว” ฮูหยินใหญ่กล่าวขึ้นพลางพิจารณานางราวกับมองลูกสาวคนหนึ่งมากกว่าภรรยาของบุตรชาย “ไม่สิ ตั้งแต่ข้ารับเจ้ามาเป็นอนุให้อาหยวนข้าก็มิได้เห็นหน้าเจ้าอีกเลยต่างหาก”

ฟางหลินยิ้มบางเบา “เจ้าค่ะ ข้าเติบโตได้เพราะความเมตตาของฮูหยินใหญ่เลย...”

ฮูหยินใหญ่พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แกมเสียดาย “น่าเสียดายที่อาหยวนมิได้ถูกใจเจ้า มิรู้เขามีตาหรือไม่กัน”

จื่อเหยาที่เงียบมานานก็อดไม่ได้ที่จะเสริมขึ้น "ข้าเองก็ยังไม่เข้าใจ เหตุใดพี่ใหญ่ถึงไม่ชอบอนุหลิวที่งดงามน่ามองเช่นนี้กัน แล้วสตรีในเมืองหลวงผู้ใดเล่าที่พี่ใหญ่จะสนใจอีก เฮ้อ..."

ฟางหลินยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

"ท่านแม่ทัพมิได้อยู่เมืองหลวงมานานเจ้าค่ะ นิสัยของเขาย่อมแตกต่างจากบุรุษทั่วไป ข้าก็มิได้รู้สึกโกรธเคือง เพียงเสียใจที่มิอาจตอบแทนท่านฮูหยินใหญ่ที่เลี้ยงดูข้ามาได้ด้วยการทำหน้าที่อนุให้สมบูรณ์เท่านั้น"

ฮูหยินใหญ่เหลือบมองนาง นางรับรู้ได้ว่าฟางหลินมิได้พูดเพื่อเรียกร้องความเห็นใจ แต่พูดด้วยความสัตย์จริง

"ข้าเองก็ขัดอันใดบุตรชายมิได้ ขอให้เจ้าออกจากจวนเราไปมีชีวิตที่มีความสุขกว่านี้เถอะ เดี๋ยวข้าช่วยเพิ่มสินเดิมให้เจ้าอีกแล้วกัน"

ฮูหยินใหญ่และจื่อเหยานั้นแม้เพิ่งเคยพบและสนทนากับผู้เป็นอนุคราแรกแต่กลับรู้สึกถูกชะตายิ่งนัก จื่อเหยาที่หลายปีมานี้อยู่จวนหลี่ไร้พี่ชายคุยด้วยก็มองหลิวฟางหลินราวมองพี่สาวคนหนึ่งไปเสียแล้ว

น่าเสียดายที่พวกนางใส่ใจอนุตรงหน้าช้าไปหน่อย...

“ขอพระคุณเจ้าค่ะ” ฟางหลินก้มหน้าคำนับเล็กน้อยก่อนปรายตามองสองแม่ลูกก่อนจะกล่าวขึ้น

"หากไม่เป็นการยุ่งเรื่องของพวกท่านเกินไป ข้าน้อยเองก็อาจช่วยท่านบางเรื่องเกี่ยวกับบุตรชายของท่านได้นะเจ้าคะ"

ฮูหยินใหญ่และจื่อเหยาขมวดคิ้วแทบพร้อมกัน "ช่วยอย่างไร?"

ฟางหลินยกยิ้มก่อนเอ่ยตอบ “ก่อนที่พวกท่านจะหาสตรีที่ท่านแม่ทัพชอบ เหตุใดไม่ลองสอบถามถึงความต้องการของเขาก่อนเล่าเจ้าคะ?”

รสนิยมของแต่ละคนไม่เหมือนกันเสียหน่อย...

จื่อเหยาเบะปากอบ่างยอมแพ้ก่อนเอ่ยเสียงหงุดหงิด “พี่ใหญ่น่ะหรือ พวกข้าถามแล้วเขาก็หาได้บอกไม่ต่างหากเล่า!”

ฟางหลินหัวเราะเบา ๆ พยักหน้าเข้าใจ “ถามตอนท่านแม่ทัพมีสติไม่ได้ เหตุใดไม่ถามตอนที่ท่านแม่ทัพกำลังเมามายเล่าเจ้าคะ”

สองแม่ลูกมองนางอย่างงุนงงก่อนเผยรอยยิ้มอย่างเข้าใจในสิ่งที่ฟางหลินต้องการจะสื่อแล้ว

“คนเมาย่อมพูดความจริง...” จื่อเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวัง

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” ฟางหลินพูดต่อ “ท่านแม่ทัพอาจไม่หลงในสตรี แต่ข้าน้อยมั่นใจว่าท่านแม่ทัพนั้นหมกมุ่นในสุราแน่นอน”

บุรุษไร้อารมณ์เช่นหลี่หยวนเมื่อถูกถามเรื่องสตรีก็คงกระดากอายที่จะพูด แต่อนสตรีเลอะเลือนก็ไม่แน่ว่าความอายเหล่านั้นจะยังมีอยู่

อย่างไรเขาก็บุรุษผู้หนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่แต่กับศพหรือการฆ่าฟันมามากเพียงใด ความต้องการปลดปล่อยของบุรุษย่อมมิอาจหลีกเลี่ยงได้ นางเชื่อเช่นนั้น!

หากแผนการที่นางเสนอสำเร็จ อนุที่ไร้ญาติมิตรเช่นนางก็จะได้ทั้งผู้ใหญ่ที่เอ็นดูและได้เพิ่มกองสินเดิมอันส่งผลต่ออนาคตกับสามีคนใหม่ด้วย!

สามวันต่อมา จวนตระกูลหลี่ ถูกจัดเตรียมสำหรับงานเลี้ยงฉลองให้หลี่หยวนอีกครั้ง ฮูหยินใหญ่จัดงานครั้งนี้ด้วยความตั้งใจอย่างยิ่ง นางกล่าวว่าอยาก แก้มือ เพราะคราก่อนจัดเตรียมงานได้ไม่ดีนักนั่นเอง

เหล่าทหารภายใต้บังคับบัญชาของหลี่หยวนต่างได้รับคำเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเฮฮาของบุรุษในกองทัพ ขณะที่ภายในเรือนใหญ่ บรรยากาศของโต๊ะครอบครัวหลี่ค่อนข้างสงบกว่าข้างนอกนัก

ที่โต๊ะของครอบครัวตระกูลหลี่ ฮูหยินใหญ่ และ จื่อเหยา นั่งข้างกัน หลี่หยวนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ฮูหยินใหญ่คีบอาหารให้บุตรชายอย่างดี ท่าทางของนางอ่อนโยนขึ้นกว่าเดิมหลังจากได้สนทนากับฟางหลินเมื่อสามวันก่อน

"ลองนี่สิอาหยวน เป็นอาหารจานโปรดของเจ้าตั้งแต่ยังเล็ก" ฮูหยินใหญ่กล่าวพลางคีบเนื้อปลานึ่งใส่ถ้วยของเขา

หลี่หยวนมิได้ปฏิเสธ แต่เพียงรับมาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะกินอย่างเงียบ ๆ

จื่อเหยาที่นั่งอยู่ข้างมารดาเองก็พยายามชวนเขาคุยบ้าง "พี่ใหญ่ ตอนอยู่ชายแดนท่านได้กินอาหารพวกนี้บ้างหรือไม่?"

"บางครั้ง" เขาตอบสั้น ๆ

บรรยากาศของโต๊ะครอบครัวแม้จะอบอุ่นขึ้นจากเดิม แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความห่างเหินที่ฝังรากลึกมานานไม่จางหาย

ผ่านไปไม่นาน ผู้ทำลายความเงียบแสนอึดอัดอย่างรองแม่ทัพฉีก็เดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี เขาเป็นหนึ่งในทหารที่สนิทกับหลี่หยวนที่สุด และในคืนนี้เขายังได้รับภารกิจลับจากฮูหยินใหญ่มาอีกด้วย

...หน้าที่ของรองแม่ทัพฉีคือทำอย่างไรก็ได้ ช่วยทำให้หลี่หยวนเมาให้ได้

ที่เขารับปากช่วยนั้นมิใช่เพราะได้รับสินบนล้ำค่าอันใด เพียงแต่อยากให้ท่านแม่ทัพหลี่สร้างครอบครัวอย่างสงบสุข ตามที่ฮูหยินใหญ่ว่าไว้

รองแม่ทัพฉีเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ ก่อนจะกล่าวกลั้วหัวเราะอย่างที่ทำเป็นประจำ

"ท่านแม่ทัพ ดื่มกับข้าสักจอกสองจอกเถิด คืนนี้เป็นคืนฉลอง ท่านห้ามปฏิเสธเด็ดขาด!"

หลี่หยวนปรายตามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหยิบจอกสุราขึ้นมาดื่มอย่างไม่อิดออด

เห็นดังนั้น รองแม่ทัพฉีก็ยกสุราขึ้นดื่มตาม

"ท่านแม่ทัพ! อีกจอกเถิด! ดื่มให้กับความมุ่งมั่นของพวกเรา"

ทว่าไม่ว่ารองแม่ทัพฉีจะชักชวนให้ดื่มกี่จอกต่อกี่จอกหลี่หยวนก็ไม่มีทีท่าว่าจะเมามายเลยต่างจากคนตั้งใจจะมอมยิ่งนัก!

รองแม่ทัพฉีเป็นฝ่าย เมาไปก่อนแล้ว...

จื่อเหยาที่นั่งมองสถานการณ์อยู่สักพัก นางเริ่มเห็นท่าไม่ดี นางจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากเรือนไปเพื่อตามหาผู้วางแผนอย่างฟางหลินเพื่อปรึกษาหารือ

จื่อเหยาเดินออกมาที่โรงครัวใหญ่เพื่อหาตัวฟางหลินตามที่บ่าวบอกไว้ว่าเห็นนางอยู่ทางนี้ จื่อเหยาเห็นเจ้าของแผนการกำลังนั่งทอดกายยกชามสุรากลิ่นหอมขึ้นดื่มอย่างสบายใจจนเกิดความอิจฉา

"อนุหลิว!" จื่อเหยาเรียกขึ้นเสียงเครียดพลางเดินเข้าหานางอย่างรวดเร็ว

ฟางหลินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย วางชามในมือลงก่อนจะเอ่ยถาม "มีเรื่องใดให้รับใช้หรือ?"

จื่อเหยาทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ พลางทำหน้าตึงเครียด "แผนของเจ้ามิได้ผล!"

ฟางหลินขมวดคิ้ว "หมายความว่าอย่างไร?"

"พี่ใหญ่ดื่มเท่าไรก็ไม่เมาเลย ขนาดสุราฤทธิ์แรงในงานก็ทำอะไรเขาไม่ได้!" จื่อเหยาบ่นอย่างท้อแท้

ครานี้ฟางหลินถึงกับชะงักไป นางคิดว่าหลี่หยวนจะมีจุดอ่อนอยู่ที่สุรา แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถดื่มสุราฤทธิ์แรงได้มากเพียงนี้

นางนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจอย่างปลงตกต่อมา

"อืม เช่นนั้น… เพื่อแทนคุณให้พวกท่านข้าคงต้องยอมเสียของรักของข้าแล้วสินะ"

จื่อเหยามองนางอย่างไม่เข้าใจ "หมายความว่าอย่างไร?"

ฟางหลินมิได้ตอบ นางเพียงแค่ลุกขึ้นไปยังมุมห้องก่อนจะเปิดหีบใบใหญ่ออก

ภายในนั้นมี ไหสุราดอกเหมย ที่นางบ่มมานานกว่าหนึ่งปีอยู่ เหลืออีกไม่กี่ไหเท่านั้น

นางลูบไหสุราด้วยแววตาอาลัย สีหน้าของนางราวกับกำลังตัดใจจากสิ่งที่รักที่สุด ในเมื่อนางคือคนเสนอให้ใช้แผนการนี้ก็ต้องรับผิดชอบในการช่วยทำให้สำเร็จผล

"สุราดอกเหมยของข้า…" ฟางหลินพึมพำ ก่อนจะหยิบไหออกมาแล้วยื่นให้จื่อเหยาด้วยแววตาตัดใจสุดขีด

"นี่คือสุราที่ข้าภูมิใจที่สุด หอมหวานและมีฤทธิ์แรงลึกซึ้งกว่าเหล้าธรรมดาทั่วไป หากมีอะไรที่จะทำให้พี่ใหญ่ของท่านเมาได้ นี่อาจคือตัวช่วย"

จื่อเหยารับไหสุราไปอย่างตื่นเต้น "ดีเลย ข้าไปล่ะ"

จื่อเหยาหัวเราะพลางโบกไหสุราตรงหน้ามองมันอย่างมีความหวัง "แต่หากสุรานี้มิได้ผลล่ะก็ อนุหลิวเจ้าต้องช่วยข้าหาทางอื่นอีกนะ!"

ฟางหลินยกมือขึ้นแตะหน้าผาก "หากสุรานี้มิได้ผล ค่อยว่ากันอีกทีเถอะ"

นางมองไหสุราของรักด้วยดวงตาละห้อย ขณะที่จื่อเหยาอุ้มมันไว้แน่นราวกับได้สมบัติอันล้ำค่า ฟางหลินไม่สามารถเอกเขนกนอนสบายรอผลลัพธ์ได้แล้ว นางเดินตามจื่อเหยาไปอย่างร้อนใจ

คืนนี้จะต้องรู้ให้ได้ว่าหลี่หยวนต้องการสตรีเช่นใด!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel